ทดสอบ
FORD EVEREST 2.0L BI-TURBO TITANIUM+ 4x4 / TOYOTA FORTUNER 2.4 LEADER V 4WD
4 WHEELS นําเอสยูวี (พีพีวี) รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ โฉมใหม่ มาทดสอบ เพื่อพิสูจน์ถึงสมรรถนะ เปรียบเทียบระหว่างเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ และ 2.4 ลิตร เทอร์โบ
EXTERIOR ภายนอก
FORD EVEREST 2.0L BI-TURBO TITANIUM+ 4x4 (ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2.0 แอล ไบ-เทอร์โบ ไททาเนียม พลัส 4x4) โดดเด่นด้วยไฟวิ่งกลางวันแบบแอลอีดี และไฟหน้าแบบเอชไอดี พโรเจคเตอร์ ปรับระดับสูง/ต่ำอัตโนมัติ และระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
มิติภายนอก 4,914/1,923/1,842 ม. เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว FORD EVEREST ใหม่ ยังมีความยาวตัวรถ และระยะฐานล้อ 2,900 มม. มากกว่าคู่แข่ง ISUZU MU-X (อีซูซุ มิว-เอกซ์) อยู่ที่ 4,850/1,870/1,875 ม. และ 2,855 ม. MITSUBISHI PAJERO SPORT (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท) (4,825/1,815/1,835 ม. และ 2,800 ม.) NISSAN TERRA (นิสสัน แตร์รา) (4,890/1,865/1,865 ม. และ 2,850 ม.) และ TOYOTA FORTUNER (โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์) (4,795/1,855/1,835 มม. และ 2,750 มม.)
ไฟท้ายเป็นแบบแอลอีดีขนาดใหญ่ FORD EVEREST 2.0L BI-TURBO TITANIUM+ 4x4 หรูด้วยหลังคามูนรูฟขนาดใหญ่ และล้อแมกขนาดใหญ่ 20 นิ้ว ยาง 255/55 R20 ราวหลังคา และบันไดข้าง กระจกมองข้างปรับ และพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว
TOYOTA FORTUNER 2.4 LEADER V 4WD (โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์ 2.4 ลีเดอร์ วี ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ) เส้นสายดูโฉบเฉี่ยว มีมิติภายนอก ยาว/กว้าง/สูง 4,795/1,855/1,835 มม. และฐานล้อยาว 2,750 มม. กระชับกว่า FORD EVEREST (4,914/1,923/1,842 ม. และ 2,900 มม.) ISUZU MU-X (4,850/1,870/1,875 ม. และ 2,855 ม.) MITSUBISHI PAJERO SPORT (4,825/1,815/1,835 ม. และ 2,800 ม.) และ NISSAN TERRA (4,890/1,865/1,865 ม. และ 2,850 ม.)
หน้าตาที่คุ้นเคย ระบบไฟหน้าแบบไบ-บีม ไฟแอลอีดี พโรเจคเตอร์ พร้อมแอลอีดี เดย์ไทม์ รันนิง ไลท์ มีระบบปรับไฟหน้าสูง/ต่ำอัตโนมัติ ระบบควบคุมการเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กระจังหน้า และกันชนหน้า ออกแบบโฉบเฉี่ยว ภูมิฐาน เสารับสัญญาณวิทยุแบบ SHARK FIN กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว มีระบบ WELCOME LIGHT ติดตั้งไฟตัดหมอกหน้า/หลัง ติดตั้งราวหลังคาทรงสปอร์ท ประตูท้ายเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ช่วยยกระดับความหรูหรา พร้อมระบบป้องกันการหนีบ POWER BACK DOOR WITH JAM PROTECTION สั่งงานง่ายผ่านระบบรีโมท หรือผ่านสวิทช์บริเวณที่นั่งคนขับ และประตูท้าย มีสปอยเลอร์หลัง พร้อมไฟเบรคดวงที่ 3 แบบแอลอีดี ไฟท้ายดีไซจ์นล้ำแบบแอลอีดี ไลท์ ไกดิง ล้อแมกลายใหม่ ขนาด 18 นิ้ว ยางขนาด 265/60 R18
INTERIOR ภายใน
เบาะหนังสีดำ เบาะนั่งแบบ 7 ที่นั่ง เบาะนั่งแถวที่ 2 แยก 60:40 และแถวที่ 3 แยก 50:50 พับเก็บให้แบนราบได้ทั้ง 2 แถว เบาะคู่หน้าปรับทิศทางด้วยไฟฟ้า และเบาะแถวที่ 3 พับเก็บด้วยไฟฟ้า บรรทุกสัมภาระได้ถึง 2,010 ลิตร มีช่องเก็บของมากกว่า 30 ช่อง ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า สำหรับเบาะหน้า/หลัง และตัวยึดเบาะนั่งพิเศษสำหรับเด็กเล็กบริเวณเบาะนั่งแถว 2 และ 3
ระบบ SYNC 3 สามารถจดจำเสียง และสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยได้ ช่วยโทรออก ฟังเพลง หรือเรียกใช้เมนูอื่นๆ รวมทั้งยังรองรับ APPLE CAR PLAY และ ANDROID AUTO พร้อม BLUETOOTH จอทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว และกล้องมองหลัง รวมทั้งระบบแผนที่นำทาง
ระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน ด้านหน้าแยกอิสระซ้าย/ขวา และด้านหลัง สำหรับเบาะนั่งแถวที่ 2 และแถวที่ 3 พร้อมช่องแอร์เหนือศีรษะ และช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 4 จุด (DC 12V) พร้อมปลั๊กไฟบ้าน (AC 230V)
และยังโดดเด่นด้วยพาโนรามิคมูนรูฟขนาดใหญ่ ประตูท้ายรถเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
FORD EVEREST 2.0L BI-TURBO TITANIUM+ 4x4 ติดตั้งวัสดุซับเสียง พร้อมการใช้เทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวน ระดับเสียงในห้องโดยสาร จากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 48/51/54/58 เดซิเบล อยู่ในระดับดี เงียบกว่าคู่แข่งอย่าง MITSUBISHI PAJERO SPORT
ห้องโดยสารตกแต่งหรูหรา ทันสมัย ใช้วัสดุชั้นดี มาตรวัดเรืองแสงแบบออพทิทรอน พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ หน้าจอสี คมชัดทุกรายละเอียด แสดงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ตลอดการเดินทาง อาทิ ข้อมูลการขับขี่ ข้อมูลระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ ข้อมูลการขับขี่แบบอีโค ข้อมูลระบบนำทาง ฯลฯ
พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน มีระบบควบคุมการเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ครูสคอนทโรล ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ ติดตั้งปุ่ม PUSH START สตาร์ทเครื่องยนต์ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ประตูท้ายเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ติดตั้งเครื่องเล่นดีวีดี หน้าจอสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว รองรับระบบนำทาง รองรับ T CONNECT และเชื่อมต่อบลูทูธ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ควบคุมแรงลมอัตโนมัติ เพื่อรักษาอุณหภูมิในห้องโดยสารให้เหมาะสม มีช่อง USB, IPOD และ AUX เชื่อมต่อความบันเทิงหลากหลาย
ประตูท้ายสั่งงานง่ายด้วยรีโมท หรือสวิทช์บริเวณที่นั่งคนขับ และประตูท้าย เบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์สีน้ำตาลดูหรูหรา และสีครีมชามัวร์ ฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะแถวที่ 2 ปรับพับแบบวันทัช เบาะแถวที่ 3 ปรับพับแขวนข้าง บริเวณคอนโซลกลางด้านหลังมีช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบ DC 12 โวลท์ และกระแสไฟฟ้า AC 220 โวลท์
การพัฒนาให้เสียงเครื่องยนต์เงียบลง และติดตั้งวัสดุซับเสียง ระดับเสียงในห้องโดยสารอยู่ในเกณฑ์เงียบ วัดจากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. ได้ 49/52/55/59 เดซิเบล
ENGINE เครื่องยนต์
FORD EVEREST 2.0L BI-TURBO TITANIUM+ 4x4 ใช้เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 210 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 51.0 กก.-ม. ขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ พร้อมโหมดเปลี่ยนเกียร์ บวก/ลบ
อัตราเร่งช่วงต้น 0-100 กม./ชม. ในเวลา 10.9 วินาที และ 0-400 ม. ในเวลา 17.8 วินาที 0-1,000 ม. ทำได้ 32.8 วินาที ดีกว่า MITSUBISHI PAJERO SPORT ที่ทำไว้ 12.4/18.7/33.8 วินาที และ NISSAN TERRA ที่ทำได้ 11.6/18.2/33.5 วินาที
จังหวะเร่งแซง ในเมือง 60-100 กม./ชม. และนอกเมืองช่วง 80-120 กม./ชม. FORD EVEREST 2.0L BI-TURBO TITANIUM+ 4x4 ทำได้ 6.0 และ 8.0 วินาที เป็นเครื่องใหญ่อย่าง TOYOTA FORTUNER 2.8 LEGENDER 4WD ( 5.8/7.4 วินาที) แต่พอๆ กับ NISSAN TERRA ( 6.0/7.8 วินาที) ที่มีเทอร์โบคู่
และดีกว่า MITSUBISHI PAJERO SPORT (6.4/8.2 วินาที) TOYOTA FORTUNER 2.4 LEADER V 4WD ( 8.2/10.7 วินาที)
รุ่น 2.4 V ใช้เครื่องยนต์ รหัส 2GD-FTV (HIGH) ขนาด 2.4 ลิตร ดีเซล คอมมอนเรล 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมเทอร์โบแปรผัน และอินเตอร์คูเลอร์ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รตน. แรงบิดสูงสุด 40.8 กก.-ม. ที่ 1,600-2,000 รตน. ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ โดยมีอัตราทดเดียวกัน มาพร้อมกับโหมดสปอร์ท และแพดเดิล ชิฟท์ที่พวงมาลัย ที่ติดตั้งแบบหมุนตามการใช้งาน สะดวก และง่ายขึ้น
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซิกมา 4 ทำงานร่วมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ A-TRC มีเซนเซอร์ตรวจจับล้อหมุนฟรี และตัดกำลัง เมื่อพบว่าล้อข้างใดข้างหนึ่งหมุนฟรี และส่งกำลังไปยังล้อที่เหลือแทน สามารถเลือกโหมดการขับ H2, H4, L4 ได้เหมาะกับสถานการณ์ ผสานการทำงานร่วมกับระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ บลอคเล็ก 2.4 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตราเร่งช่วงต้น 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลา 14.3 วินาที 0-400 ม. ได้ในเวลา 19.4 วินาที อัตราเร่งช่วงความเร็วปลาย ขณะทำความเร็วสูง 0-1,000 ม. ทำได้ 35.6 วินาที จังหวะเร่งแซง ในเมือง 60-100 กม./ชม. และนอกเมือง ในช่วง 80-120 กม./ชม. TOYOTA FORTUNER 2.4 LEADER V 4WD มีอัตราเร่งแซงพอตัวที่ 8.2 และ 10.7 วินาที
อัตราเร่งไม่จัดจ้าน แค่พอตัว ทำได้ดีพอๆ กับ รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล บลอคเดียวกัน แม้ว่าจะมีน้ำหนักของชุดขับเคลื่อน 4 ล้อมาพ่วงด้วยก็ตาม ในจังหวะเร่งแซงมีโหมดสปอร์ท และแพดเดิล ชิฟท์ ช่วยตอบสนองการขับขี่ได้ดีขึ้น ไม่เร็วเท่ารุ่น TOYOTA FORTUNER 2.8 LEGENDER ที่ทำอัตราเร่งไว้ 12.0/18.3/33.7 วินาที เร่งแซง ทำไว้ 5.8 และ 7.4 วินาที
และยังเป็นรองคู่แข่งอย่าง FORD EVEREST ที่ทำไว้ 10.9/17.8/32.8 วินาที MITSUBISHI PAJERO SPORT ที่ทำไว้ 12.4/18.7/33.8 วินาที และ NISSAN TERRA 11.6/18.2/33.5 วินาที
TOYOTA FORTUNER 2.4 LEADER V 4WD มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยโดยวัดจากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. ทำได้ 22.4/19.0/15.1/12.2 กม./ลิตร อยู่ในเกณฑ์ประหยัด ทำได้ประหยัดกว่า TOYOTA FORTUNER 2.8 LEGENDER ที่ทำได้ 19.3/17.8/12.4/11.0 กม./ลิตร ประหยัดกว่าคู่แข่ง MITSUBISHI PAJERO SPORT ที่ทำได้ 21.4/17.6/13.7/10.7 กม./ลิตร
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ฟูลล์ไทม์ เลือกปรับรูปแบบการขับขี่ได้ 4 รูปแบบ คือ NORMAL สำหรับพื้นถนนทั่วไป SAND สำหรับพื้นทราย SNOW OR MUD สำหรับพื้นหิมะ โคลน หรือทุ่งหญ้า และ ROCK CRAWL สำหรับพื้นหินขรุขระ พร้อมโหมด 4L และระบบลอคเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน
ระบบวัตต์ลิงค์ ที่ช่วยให้หน้ายางตั้งฉากกับพื้นถนนเมื่อรถเข้าโค้ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว อีเอสพี ให้รถเกาะถนน และทรงตัวดี พวงมาลัยไฟฟ้า ควบคุมได้ง่าย และแม่นยำมาก ใช้ในเมืองคล่องตัวจริงๆ
ผลทดสอบเบรคที่ความเร็ว 60-0/80-0/100-0 กม./ชม. หยุดนิ่งได้ในระยะ 17.5/32.6/50.2 ม. ใช้ระยะทางมากกว่า TOYOTA FORTUNER 2.8 LEGENDER 4WD (16.0/27.0/43.9 ม.) และ TOYOTA FORTUNER 2.4 LEADER V 4WD (17.4/30.2/44.2 ม.)
พอๆ กับ MITSUBISHI PAJERO SPORT (17.0/31.0/46.7 ม.) และ NISSAN TERRA (17.5/32.6/50.2 ม.)
ระบบรองรับด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบโฟร์ลิงค์ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ระบบเบรคด้านหน้าแบบจาน ด้านหลังเป็นดุม พร้อมเอบีเอส ระบบป้องกันล้อลอค มีระบบกระจายแรงเบรค และระบบเสริมแรงเบรค ติดตั้งระบบควบคุมการทรงตัว และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี เสริมด้วยระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน
ช่วงล่างเซทมาเน้นความนุ่มสบาย บังคับควบคุมง่าย คล่องตัว น้ำหนักเบรคดี ให้ระบบเสริมความปลอดภัยมาครบ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/60 R18
ผลทดสอบเบรค TOYOTA FORTUNER 2.4 LEADER V 4WD ที่ความเร็ว 60-0/80-0/100-0 กม./ชม. สามารถหยุดนิ่งได้ในระยะ 17.4/30.2/44.2 ม. อยู่ในเกณฑ์ดี เทียบกับคู่แข่ง FORD EVEREST (17.5/32.6/50.2 ม.) MITSUBISHI PAJERO SPORT (17.0/31.0/46.7 ม.) และ NISSAN TERRA (17.5/32.6/50.2 ม.)
FORD EVEREST 2.0L BI-TURBO TITANIUM+ 4x4
FORD EVEREST 2.0L BI-TURBO TITANIUM+ 4x4 ปลอดภัยด้วยระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ ระบบเตือนการชนด้านหน้า และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง และระบบแจ้งเตือนการขับขี่ ส่วนด้านหลังมีกล้องมองหลังขณะถอยจอด มีระบบช่วยจอดอัจฉริยะ และยังมีระบบตรวจจับรถในจุดบอด พร้อมระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด ระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน และระบบตรวจจับยานพาหนะ บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ และช่วยลดอัตราการชนท้าย และการชนคนเดินถนนลง ระบบตรวจจับลมยาง ในรุ่น TITANIUM+ ขับเคลื่อน 4 ล้อ สมกับราคา 1,854,000 บาท
TOYOTA FORTUNER 2.4 LEADER V 4WD
TOYOTA FORTUNER 2.4 LEADER V 4WD อัตราเร่งทำได้ไม่ต่างกับรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ถ้ามองเรื่องของความลงตัวในด้านการใช้งาน ขับ และนั่งสบาย FORTUNER ไม่เป็นรองใครในตลาด แม้จะอ่อนเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัยไปบ้าง แต่ชื่อชั้นในตลาด TOYOTA FORTUNER ไม่เป็นรองใคร