ทดสอบ(4wheels) 18 Oct 2021
FORD RANGER RAPTOR X VS NISSAN TERRA
4 WHEELS ฉบับนี้ ตามกระแสรถใหม่แกะกล่อง อย่างพิคอัพ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ เอาใจขาลุย สายโหด FORD RANGER RAPTOR X (ฟอร์ด เรนเจอร์ แรพเตอร์ เอกซ์) เวอร์ชันใหม่ของ FORD RANGER RAPTOR ที่เพิ่มความโดดเด่นรอบคัน กับเอสยูวี 7 ที่นั่ง สำหรับครอบครัว NISSAN TERRA (นิสสัน แตร์รา) ที่ปรับโฉมใหม่ หรูหรากว่าเดิม
EXTERIOR ภายนอก
ภายนอก FORD RANGER RAPTOR X ตกแต่งเพิ่มเติมจาก FORD RANGER RAPTOR รุ่นเดิม ด้วยสติคเกอร์รอบคัน ชุดหูลากหน้ารถสีแดง เพิ่มความดุดันด้วยชุดแต่งโทนสีดำ ทั้งคิ้วโป่งล้อ มือจับประตู กระจกมองข้าง กันชนหลัง ฝาครอบล้อ และโรลล์บาร์ (แบบเดียวกับ FORD RANGER FX4 MAX) รวมทั้งโลโก FORD สีดำที่ฝากระบะท้าย ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีดำ ASPHALT BLACK MATTE ใหม่ พร้อมยาง BF GOODRICH ALL-TERRAIN KO2 ขนาด 285/70 R17
FORD RANGER RAPTOR X ยังคงขนาดตัวรถที่ใหญ่ โดยมีความยาวรวมกันชนท้าย 5,434 มม. ความกว้างไม่รวมกระจกมองข้าง 2,035 มม. และสูง 1,873 มม. มม. ใหญ่กว่า FORD RANGER FX4 MAX (5,446/1,977/1,852 มม.) กับความยาวฐานล้อ 3,220 มม. ใหญ่กว่าพิคอัพ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ ทั้ง TOYOTA HILUX REVO 2.8 ROCCO (โตโยตา ไฮลักซ์ รีโว 2.8 รอคโค) ที่มีขนาด 5,325/1,900/1,815 มม. กับ 3,085 มม. MAZDA BT-50 (มาซดา บีที-50) ที่มีขนาด 5,280/1,870/1,790 มม. กับ 3,125 มม.) ISUZU V-CROSS (อีซูซุ วี-ครอสส์) ที่มีขนาด 5,265/1,870/1,790 มม. MITSUBISHI TRITON GT-PREMIUM (มิตซูบิชิ ทไรทัน จีที-พรีเมียม) ที่มีขนาด 5,300 /1,815/1,795 มม. กับ 3,000 มม. และ NISSAN NAVARA PRO-4X (นิสสัน นาวารา พโร-4 เอกซ์) ที่มีขนาด 5,260/1,875/1,840 มม. กับ 3,150 มม.
NISSAN TERRA เอสยูวี 7 ที่นั่ง โฉมใหม่ ดูหรู และพรีเมียมกว่าเดิม เพิ่มความสะดวกสบายด้วยระบบเอนเตอร์เทนเมนท์ พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย 360 องศา มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ 2.3 E 2WD 7AT 2.3 VL 2WD 7AT และรุ่นทอพ 2.3 VL 4WD 7AT
ขนาดตัวถัง NISSAN TERRA โฉมใหม่ เท่าๆ เดิม ยาว/กว้าง/สูง 4,890/1,865/1,865 มม. ระยะฐานล้อ 2,850 มม. ใกล้เคียงกับคู่แข่ง FORD EVEREST (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) ที่มีขนาด 4893/1,862/1,837 มม. กับ 2,850 มม. ISUZU MU-X (อีซูซุ มิว-เอกซ์) ที่มีขนาด 4,850/1,870/1,875 มม. กับ 2,855 มม. ใหญ่กว่า MITSUBISHI PAJERO SPORT (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท) ที่มีขนาด 4,825/1,815/1,835 มม. กับ 2,800 มม. และ TOYOTA FORTUNER (โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์) ที่มีขนาด 4,795/1,855/1,835 มม. กับ 2,750 มม.
ภายนอกดูทันสมัยกว่ารุ่นก่อน กระจังหน้าใหญ่เน้นโครเมียมแนวนอน รับกับเส้นสายต่อเนื่องจากฝากระโปรง ชายล่างทำเป็นสีเงิน ไฟหน้าใหม่แบบ QUAD LED 4 ดวง พร้อม DRL และไฟตัดหมอก LED ขณะที่ด้านท้ายออกแบบใหม่ ตั้งแต่สปอยเลอร์บนหลังคาจนถึงชายล่างของกันชน ฝาท้ายใช้วัสดุโครเมียม และชิ้นส่วนสีเงินมากขึ้น ไฟท้ายกว้าง มี LED LIGHT GUIDE เส้นคู่ และล้อลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว
INTERIOR ภายใน
ห้องโดยสารภายในหุ้มหนังสีดำ เดินด้ายสีแดงแทนสีน้ำเงิน เบาะนั่งตรงกลางเป็นหนังอัลคันทารา และหนังสังเคราะห์กำมะหยี่ คู่หน้ามาพร้อมโลโก RAPTOR เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (CRUISE CONTROL) และแป้น PADDLE SHIFTER วัสดุตกแต่งแผงคอนโซล และแผงประตูลายใหม่ RACEWAY HYDROGRAPHIC มือจับสีดำ BLACK ALLEY แป้นเหยียบคันเร่งสไตล์สปอร์ท และผ้ายางปูพื้นเน้นใช้งาน ลุยเลอะ ฝุ่นเพียบ
หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว มาพร้อมระบบนำทาง และ SYNC 3 สั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย ที่รองรับ APPLE CAR PLAY และ ANDROID AUTO พร้อม BLUETOOTH ระบบ KEYLESS ENTRY มีปุ่มสตาร์ท PUSH START
ส่วนระดับเสียงในห้องโดยสาร จากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 51/53/57/63 เดซิเบล เงียบกว่า MAZDA BT-50 (52/56/59/63 เดซิเบล) MG EXTENDER (เอมจี เอกซ์เทนเดอร์) (55/60/64/66 เดซิเบล) MITSUBISHI TRITON GT-PREMIUM (59/62/63/66 เดซิเบล) NISSAN NAVARA PRO-4X (55/60/65/68 เดซิเบล) และ TOYOTA HILUX REVO DOUBLE CAB ROCCO (58/62/65/68 เดซิเบล)
คอนโซลหน้าออกแบบใหม่หมด ให้ความรู้สึกกว้างกว่าเดิม ตกแต่งด้วยหนัง ให้สัมผัสที่นุ่มสบาย หน้าจอ DISPLAY AUDIO แบบสัมผัสใหม่ ขนาด 9 นิ้ว พร้อมเชื่อมต่อ APPLE CAR PLAY แบบไร้สาย ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องแอร์ครอบคลุมทั้ง 7 ที่นั่ง
หน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ 11 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง สามารถสตรีมิงช่องโปรด เช่น NETFLIX และ YOUTUBE ผ่านช่อง HDMI ได้อย่างง่ายดาย พร้อมช่องชาร์จไฟที่ช่วยให้ความบันเทิงไม่มีสะดุดตลอดการเดินทาง
TERRA ใหม่ ยังมีช่องชาร์จ USB สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 3 โดยทั้งคันมี USB-A 3 จุด และ USB-C 2 จุด รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ และการชาร์จแบทเตอรี
ส่วนระดับเสียงในห้องโดยสาร จากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 59/62/65/69 เดซิเบล อยู่ในระดับดี เงียบกว่ารุ่นก่อน (59/62/65/69 เดซิเบล) แต่ยังเป็นรองคู่แข่งในบางช่วง FORD EVEREST (59/62/65/69 เดซิเบล) MITSUBISHI PAJERO SPORT (59/62/63/66 เดซิเบล) และ TOYOTA FORTUNER (58/62/65/68 เดซิเบล)
ENGINE เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ความจุ 2.0 ลิตร กระบอกสูบ/ช่วงชัก 80.0/94.4 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 16.5:1 กำลังสูงสุด 213 แรงม้า ที่ 3,750 รตน. แรงบิดสูงสุด 51.0 กก.-ม. ที่ 1,750-2,000 รตน. ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ มีบวก/ลบ
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เปลี่ยนจาก 2 ล้อ หรือ 2H ขับเคลื่อน 4 ล้อ ได้ทั้ง 4H และ 4L ผ่านสวิทช์หมุน พร้อมฟังค์ชัน SHIFT-ON-THE-FLY ระบบลอคเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า และ TERRAIN MANAGEMENT SYSTEM (TMS) พร้อมโหมดขับขี่ 6 รูปแบบ BAJA MODE ปรับการขับขี่แบบแรลลี โดยการค้างรอบเครื่องไว้นานขึ้น เปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม SPORT MODE ขับขี่ทางเรียบ เปลี่ยนเกียร์เร็ว และฉับไวขึ้น ในขณะรอบเครื่องสูง SNOW/GRAVEL/GRASS MODE เพื่อการขับขี่บนทางที่มีผิวลื่น ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีจะทำงานไวขึ้น ร่วมกับระบบ LOCKING REAR DIFFERENTIAL หน่วงคันเร่งเพื่อลดการลื่นไถล MUD/SAND MODE ปรับให้รองรับกับพื้นผิวที่ไม่แน่น พวงมาลัยเบาขึ้น และเปลี่ยนเกียร์ที่รอบสูงขึ้น เพื่อรักษาแรงบิดในการขับเคลื่อน ROCK MODE ใช้ความเร็วตํ่า เน้นการควบคุมรถ ช้าๆ แต่มั่นคง ขับขี่บนภูเขาที่ลาดชัน และ NORMAL MODE ขับขี่สบาย และนุ่มนวล
อัตราเร่งช่วงต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ใช้เวลา 11.6/18.1 วินาที และอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ในเวลา 33.4 วินาที แม้ว่าจะต้องแบกน้ำหนักตัวถึง 2,376 กก. ทำได้ใกล้เคียงกับพิคอัพที่ใช้เครื่องยนต์ใหญ่อย่าง MAZDA BT-50 DBL 4x4 3.0 SP (10.7/17.6/32.3 วินาที) TOYOTA HILUX REVO DOUBLE CAB 4x4 2.8 ROCCO (11.2 /17.9/32.5 วินาที) MITSUBISHI TRITON DOUBLE CAB 4WD 2.4 GT-PREMIUM AT (11.2/17.9/32.9 วินาที) และเร็วกว่า NISSAN NAVARA DOUBLE CAB PRO-4X (12.8/19.1/34.2 วินาที)
ขณะที่อัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100/80-120 กม./ชม. ทําเวลาได้ 6.1/8.1 วินาที ใกล้เคียง MAZDA BT-50 (6.0/7.6 วินาที) เร็วกว่า NISSAN NAVARA PRO-4X (6.4/8.7 วินาที) แต่ช้ากว่า MITSUBISHI TRITON GT-PREMIUM AT (5.8/7.5 วินาที) และ TOYOTA HILUX REVO ROCCO (5.5/6.8 วินาที)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. อยู่ที่ 17.3/14.6/12.3/9.6 กม./ลิตร ทำตัวเลขได้น้อยกว่า MAZDA BT-50 (21.9/18.9/14.4/11.0 กม./ลิตร) MITSUBISHI TRITON GT-PREMIUM AT (21.0/18.7/14.1/10.7 กม./ลิตร) และ TOYOTA HILUX REVO ROCCO (20.8/17.2/12.4/10.5 กม./ลิตร) ในช่วงความเร็วต่ำ
ขุมพลังยังคงเป็นดีเซล 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบคู่แปรผัน (VGS) พร้อมอินเตอร์คูเลอร์ ความจุ 2.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,750 รตน. แรงบิดสูงสุด 45.9 กก.-ม. ที่ 1,500-2,500 รตน. ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ พร้อมแมนวลโหมด ให้ขับสนุกยิ่งขึ้น และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ PART TIME ใน TERRA ใหม่ ทุกรุ่น ยังรองรับน้ำมันดีเซลทุกชนิด ตั้งแต่ B7, B10 และ B20 รวมถึงเพิ่มระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเป็นทุกๆ 20,000 กม.
อัตราเร่งช่วงต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ใช้เวลา 11.6/18.2 วินาที และอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ในเวลา 33.5 วินาที ใกล้เคียงรุ่นก่อน (11.6/18.1/33.0 วินาที) และ FORD EVEREST (11.9/18.2/33.4 วินาที) ดีกว่า MITSUBISHI PAJERO SPORT (12.4/18.7/33.8 วินาที) และ TOYOTA FORTUNER (12.0/18.3/33.7 วินาที)
ขณะที่อัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100/80-120 กม./ชม. ทำเวลาได้ 6.0/7.8 วินาที ช้ากว่ารุ่นก่อน (5.8/7.3 วินาที) และ TOYOTA FORTUNER (5.8/7.4 วินาที) ที่ใช้เครื่องใหญ่ แต่ดีกว่า FORD EVEREST (6.2/8.2 วินาที) MITSUBISHI PAJERO SPORT (6.4/8.2 วินาที)
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระบบกันสะเทือน เพื่อการขับขี่แนวลุยบนความเร็วสูง ด้วยชอคอับ FOX SHOCKS แบบมีระบบบายพาสส์ภายใน ทั้ง 4 ต้น ด้านหน้าเป็นแบบอิสระ ปีกนกอลูมิเนียม 2 ชั้น พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างหลังกันสะเทือนด้วยระบบวัตต์ลิงค์ คอยล์โอเวอร์ชอค พร้อมกับชอคอับ FOX SHOCKS แบบมีซับแทงค์ ดูดซับแรงกระแทก ช่วยรักษาเสถียรภาพการขับขี่ รวมกับการใช้ยาง ALL-TERRAIN T/A KO2 ขนาด 285/70 R17 ทำให้ FORD RANGER FX4 MAX ตัวรถมีระยะห่างจากพื้นถนน (GROUND CLEARANCE) มากถึง 283 มม.
เรื่องเบรค FORD RANGER RAPTOR น้ำหนักรถมาก และขนาดตัวใหญ่ ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. ระยะเบรค 19.0/33.7/52.1 ม. มากกว่าพิคอัพ MAZDA BT-50 (16.5/28.5/45.0 ม.) MITSUBISHI TRITON GT-PREMIUM AT (16.2/28.6/45.0 ม.) NISSAN NAVARA PRO-4X (16.6/28.2/43.8 ม.) และ TOYOTA HILUX REVO ROCCO (15.6/27.8/42.4 ม.)
มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย ระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FORWARD COLLISION WARNING SYSTEM) และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (LANE KEEPING SYSTEM) รวมทั้งระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
ระบบรองรับด้านหน้าเป็นแบบอิสระ ปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบไฟว์ลิงค์ (5-LINK) พร้อมคอยล์สปริง ช่วยให้หน้ายางสัมผัสพื้นถนนเต็มที่ตลอดเวลา ระบบเบรคใหม่ จานเบรคหน้า และหลังขนาดใหญ่ พร้อมครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ
จากผลทดสอบเบรค ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. ใช้ระยะทางในการหยุดรถอยู่ที่ 17.0/30.1/45.8 ม. แย่กว่ารุ่นก่อน (16.1/28.6/43.9 ม.) FORD EVEREST (15.7/28.2/42.7 ม.) และ TOYOTA FORTUNER (16.0/27.0/43.9 ม.) แต่ดีกว่า MITSUBISHI PAJERO SPORT (17.0/31.0/46.7 ม.)
ความสูงจากพื้นถึงจุดที่ต่ำสุดของใต้ท้องรถ (GROUND CLEARANCE) 225 มม. รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.7 ม. ใต้ท้องผ่าน แต่วงเลี้ยวยังเป็นปัญหาถ้าเทียบกับคู่แข่ง FORD EVEREST (225 มม./5.6 ม.) ISUZU MU-X (235 มม./5.6 ม.) MITSUBISHI PAJERO SPORT (218 มม./5.6 ม.) และ TOYOTA FORTUNER (193 มม./5.6 ม.)
ระบบความปลอดภัยจัดมาเพียบ อาทิ ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชน (IFCW), ระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัจฉริยะ (IEB), ระบบเตือนรถในมุมอับสายตา (BSW), ระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย (RCTA), ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (LDW), ระบบเตือนผู้ขับขี่เมื่อรู้สึกถึงการขาดสมาธิ หรือเหนื่อยล้า (IDA), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS) และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัจฉริยะ (VDC) รวมถึงระบบเบรค ABS, EBD และ B-LSD
360° SAFETY SHIELD TECHNOLOGY เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ใน NISSAN TERRA ใหม่ ที่ทำให้ทุกการขับขี่ เป็นเรื่องง่าย และปลอดภัย
เทคโนโลยีอัจฉริยะที่จะทำงานทันทีที่เริ่มขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับมองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทางผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน กล้องทุกตัวจะจับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และแสดงผลเป็นภาพมุมสูงแบบ BIRD’S-EYE VIEW ผ่านหน้าจอเครื่องเสียงกลางคอนโซลขนาด 9 นิ้ว ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน MOVING OBJECT DETECTION (MOD) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบบุคคล หรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้ โดยจะปรากฏบนหน้าจอเครื่องเสียงกลางคอนโซล ช่วยให้การขับรถในสถานการณ์ต่างๆ ง่ายยิ่งขึ้น และพิเศษขึ้นไปอีก สำหรับ TERRA ใหม่ รุ่น 4WD ที่เพิ่มระบบ OFF-ROAD MODE เมื่อเปิดระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งช่วยเพิ่มมุมมองรอบตัวรถขณะขับขี่ให้คุณมั่นใจ และปลอดภัย แม้ในทางที่ลำบาก รวมถึงการทำงานร่วมกับ PARKING SONAR ที่ติดตั้งเซนเซอร์ที่กันชนหน้า 4 จุด และกันชนหลัง 4 จุด เมื่ออยู่ในเกียร์ D และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม. ทันทีที่เซนเซอร์ตรวจพบวัตถุ จะส่งเสียงเตือน และระบบ IAVM จะแสดงภาพโดยอัตโนมัติที่หน้าจอเครื่องเสียง เพิ่มทัศนวิสัยให้ผู้ขับขี่ ลดข้อจำกัดสำหรับรถยนต์ที่มีความสูงได้เพิ่มมากขึ้น
FORD RANGER RAPTOR X
FORD RANGER RAPTOR X มีให้เลือก 4 สี คือ น้ำเงิน FORD PERFORMANCE BLUE, ขาว ARCTIC WHITE, ดำ ABSOLUTE BLACK และเทา CONQUER GREY ในราคา 1,729,000 บาท อาจจะสูงไปสำหรับคนที่ต้องการใช้งานทั่วไป แต่คุ้มค่าสำหรับพิคอัพแกร่งสายพันธุ์ RAPTOR ตัวโหดแนวลุยจากโรงงาน มี BAJA MODE ปรับการขับขี่แบบแรลลี ที่ยังไม่มีคู่แข่ง
NISSAN TERRA
ด้านราคา เริ่มต้น 2.3 E 2WD 7AT ที่ 1,199,000 บาท, รุ่น 2.3 VL 2WD 7AT ราคา 1,449,000 บาท และรุ่น 2.3 VL 4WD 7AT ที่เรานำมาทดสอบในครั้งนี้ ราคา 1,499,000 บาท