ทดสอบ(formula)
MERCEDES-BENZ A200 AMG DYNAMIC
ครั้งแรกของน้องเล็กค่ายดาว 3 แฉก กับตัวถังแบบซีดาน โดยก่อนหน้านี้มีทางเลือกกับตัวถังแฮทช์แบคเท่านั้น (ไม่มีทำตลาดในบ้านเรา) แม้จะเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก แต่การมาอยู่ร่วมค่ายรถยนต์หรูแบบนี้ เรื่องความหรูหรา และความทันสมัย ต้องไม่น้อยหน้าพี่ๆ รถรุ่นนี้จะตอบสนองได้ดีมากน้อยแค่ไหน เรามาทดสอบกันกับ MERCEDES-BENZ A200 AMG DYNAMIC (รุ่นประกอบในประเทศ)
EXTERIOR ภายนอก
ซีดานผสมมาดสปอร์ท
หากย้อนเวลาไปไม่กี่ปี รถยนต์ซีดานรุ่นเริ่มต้นของค่ายดาว 3 แฉกในประเทศไทยเป็นหน้าที่ของ MERCEDES-BENZ CLA (เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ) สปอร์ทซีดาน รูปทรงโฉบเฉี่ยวใช้พื้นฐานร่วมกันกับ A-CLASS (เอ-คลาสส์) ตัวถังแฮทช์แบค ซึ่งทำตลาดเฉพาะรุ่นนำเข้าเท่านั้น มาถึงปัจจุบัน CLA รุ่นล่าสุด ยังคงทำตลาดในบ้านเรา แต่เป็นรหัสตัวแรง AMG (เอเอมจี) เท่านั้น ส่วนซีดานรุ่นเริ่มต้น ขนาดกะทัดรัด ตกเป็นหน้าที่ของ A-CLASS ตัวถังซีดาน นั่นเอง โดยในช่วงแรกเป็นการทำตลาดด้วยรุ่นนำเข้า ไม่นานมานี้ช่วงปลายปี 2563 ก็ได้เวลาการมาถึงของรุ่นประกอบในประเทศ กับ MERCEDES-BENZ A200 (เมร์เซเดส-เบนซ์ เอ 200) รุ่นย่อย คือ PROGRESSIVE (พโรเกรสซีฟ) และ AMG DYNAMIC (เอเอมจี ไดนามิค)
รุ่นที่เรานำมาทดสอบ คือ MERCEDES-BENZ A200 AMG DYNAMIC (เมร์เซเดส-เบนซ์ เอ 200 เอเอมจี ไดนามิค) ด้านตัวถังที่ถูกเสริมความโฉบเฉี่ยวเข้ามาพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นกันชนหน้า/หลังแบบมีสันเหลี่ยม ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว (รุ่น PROGRESSIVE จะมีขนาด 17 นิ้ว) รูปทรงของไฟหน้ามีความแตกต่างจากบรรดาซีดานรุ่นพี่ร่วมค่ายอย่าง E-CLASS (อี-คลาสส์) และ S-CLASS (เอส-คลาสส์) แต่มีส่วนคล้ายกับสปอร์ทซีดานรุ่นใหญ่อย่าง CLS (ซีแอลเอส) ทำให้ A-CLASS รุ่นนี้มีความสปอร์ทไม่น้อย ขณะที่ส่วนท้ายกระชับสั้น แม้เป็นตัวถังซีดาน ส่วนหนึ่งมาจากการพยายามให้มิติตัวถังมีความเหมาะสมตามเซกเมนท์ของรถรุ่นนี้ โดยรวมเป็นซีดานที่มีเส้นสายเรียบง่าย แฝงความสปอร์ทได้ดี มีเอกลักษณ์ของ MERCEDES-BENZ ชัดเจน
INTERIOR ภายใน
เรียบง่าย แต่ทันสมัย
ห้องโดยสาร A200 AMG DYNAMIC ทำได้ดีในส่วนของผู้โดยสารด้านหน้า มีความกว้างขวางที่น่าพอใจ จุดเด่นประการแรก คือ หน้าจอขนาดใหญ่ เรียงตัวตั้งแต่ตรงกลางของคอนโซลหน้า มาถึงแผงหน้าปัดหลังพวงมาลัย เป็นแบบดิจิทอลล้วนๆ สีสันคมชัด กราฟิคมีความละเอียดสูง และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้หลากหลาย ทำให้ซีดานขนาดเล็กรุ่นนี้ มีความทันสมัยไม่แพ้รถยนต์ร่วมค่ายรุ่นอื่นๆ ช่องแอร์ทรงกลม ออกแบบให้มีความดุดันคล้ายกับรูปทรงของเครื่องยนต์เจท นอกจากนี้ยังมีปุ่มใช้งานระบบต่างๆ ผ่านแป้นสัมผัสทรงแบน ในแง่ของการใช้งานแล้ว ถือเป็นรถหรูขนาดเล็ก ที่มีความทันสมัยไม่น้อย
การตกแต่งโดยรวมรุ่น AMG DYNAMIC เป็นเบาะนั่งทรงสปอร์ท เย็บด้ายสีแดง เสริมความรู้สึกสปอร์ทได้พอสมควร ขณะที่เบาะด้านหน้าข้างผู้ขับ ล่าสุด ได้มีการติดตั้งระบบปรับทิศทางด้วยไฟฟ้าแล้ว (ก่อนหน้านี้ที่มีการเปิดตัวใหม่ๆ เบาะข้างผู้ขับยังเป็นการปรับด้วยมือ) ส่วนเบาะหลังมีพื้นที่ช่วงขาไม่ถึงกับมากมายนัก ส่วนพื้นที่เหนือศีรษะก็เพียงพอสำหรับผู้โดยสารที่มีความสูง 170-180 ซม. มีจุดที่น่าชมเชย คือ เบาะหลังสามารถพับลงมาได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ และความหลากหลายของการเก็บสัมภาระอย่างได้ผล แต่การพับเบาะจะต้องดึงสลักบริเวณที่เก็บสัมภาระด้านท้ายเท่านั้น (คาดว่ามีไว้สำหรับคนที่จะขนสัมภาระจากท้ายรถ) หากเป็นไปได้ทางผู้ผลิตน่าจะเพิ่มสลัก หรือปุ่มพับเบาะจากภายในห้องโดยสารมาให้ด้วย
ENGINE เครื่องยนต์
ขับขี่ไหลลื่น ประหยัดสุดยอด !
ขุมพลังของ MERCEDES-BENZ A200 คือ เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.3 ลิตร 4 สูบเรียง ตามสมัยนิยม นั่นคือ การลดขนาดความจุของเครื่องยนต์ และเสริมพละกำลังด้วยเทอร์โบ ผลลัพธ์ คือ กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ (7-DCT) โดยทั้งเครื่องยนต์ และชุดเกียร์ถูกนำมาใช้กับรถยนต์ขนาดเล็กของ MERCEDES-BENZ ที่ทำตลาดในบ้านเรา ทั้ง GLA200 (จีแอลเอ 200) และ GLB200 (จีแอลบี 200) ถูกออกแบบด้านการหมุนเวียนพลังงานไฟฟ้ากลับมาใช้งานได้บางส่วน (เช่น จากการเบรค หรือการยกคันเร่ง) นับเป็นเครื่องยนต์บลอคเล็กที่มีความทันสมัยไม่น้อย ส่วนคู่เปรียบเทียบสมรรถนะของเราในฐานข้อมูลที่มีอยู่ คือ BMW 218I GRAN COUPE (บีเอมดับเบิลยู 218 ไอ กรัน คูเป) สปอร์ทซีดานรุ่นเล็กของค่ายคู่ปรับตลอดกาล กับเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร 3 สูบเรียง กำลังสูงสุด 140 แรงม้า ยังคงเป็นรุ่นนำเข้า โดยปัจจุบัน ทำตลาดรุ่นประกอบในประเทศกับ 220I GRAN COUPE (220 ไอ กรัน คูเป)
เริ่มต้นด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. A200 ทำเวลาได้ที่ 10.2 วินาที ขณะที่ 218I GRAN COUPE คือ 10.4 วินาที ถือว่าใกล้เคียงกันไม่น้อย ต่อกันด้วยอัตราเร่งช่วงตีนปลายกับระยะ 0-1,000 ม. ซีดานของ MERCEDES-BENZ ทำเวลาได้ที่ 31.0 วินาที (ที่ความเร็ว 180.8 กม./ชม.) ทางด้าน BMW มีตัวเลขที่ 31.3 วินาที (ที่ความเร็ว 173.8 กม./ชม.) จะเห็นได้ว่าอัตราเร่งมีความสูสีกันพอสมควร โดยทาง MERCEDES-BENZ A200 จะมีการตอบสนองในช่วงออกตัว และความเร็วตีนต้นที่ดี สมกับเครื่องยนต์บลอคเล็ก พ่วงเทอร์โบ ส่งกำลังร่วมกันกับเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ แต่บุคลิกการเปลี่ยนเกียร์มีความนุ่มนวล ราวกับเกียร์อัตโนมัติปกติ ไม่มีช่วงสะดุดในแต่ละจังหวะเกียร์
ถัดมาที่อัตราเร่งยืดหยุ่น (เสมือนการเร่งแซง) ที่ความเร็ว 60-100 และ 80-120 กม./ชม. ทางฝั่ง A200 มีเวลาที่ 4.6 และ 5.9 วินาที ขณะที่ 218I GRAN COUPE มีตัวเลข คือ 5.3 และ 6.6 วินาที ในส่วนนี้จะเห็นได้ว่า A200 มีความได้เปรียบเล็กน้อย แม้จะมีส่วนแตกต่างของเวลาไม่ถึง 1 วินาทีเต็มก็ตาม การเปลี่ยนเกียร์ในส่วนของอัตราเร่งยืดหยุ่น ถือว่าทำได้ไหลลื่น และค่อนข้างฉับไว จากระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ ใครที่อยากได้อารมณ์สปอร์ทมากขึ้น ต้องเปลี่ยนเป็นโหมด SPORT และเปลี่ยนจังหวะเกียร์ด้วยแพดเดิล ชิฟท์ หลังพวงมาลัย
หัวข้อสำคัญถัดมา คือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. พบว่า MERCEDES-BENZ A200 ทำตัวเลขได้ตามนี้ คือ 35.8/30.5/23.5/19.0 กม./ลิตร ถือเป็นตัวเลขที่ยอดเยี่ยมมากในแง่ของการประหยัดเชื้อเพลิง โดยเฉพาะช่วงความเร็วต่ำ แทบไม่ต้องอาศัยระบบไฮบริดด้วยซ้ำ (แต่มีระบบหมุนเวียนพลังงานไฟฟ้าในตัวคล้ายระบบไฮบริด) ผลดีของเครื่องยนต์ขนาดเล็ก แต่มีประสิทธิภาพเหมาะสม อัตราสิ้นเปลืองเชื้อ-เพลิงจึงทำได้ดีมาก เป็นรถยนต์ที่เหมาะสำหรับการขับขี่ในตัวเมือง และการเดินทางไกลควบคู่กัน ส่วนสปอร์ทซีดานของคู่แข่ง นั่นคือ BMW 218I GRAN COUPE มีตัวเลขที่ 29.7/26.7/21.3/16.8 กม./ลิตร ถือว่าทำได้ดีเช่นกัน แม้จะไม่มากเท่ากับทาง A200
SUSPENSION ระบบรองรับ
หนึบนุ่มพอเหมาะ ขาดระบบความปลอดภัย
ในรุ่น A200 AMG DYNAMIC จะมีความหนึบแน่นที่น่าพอใจ เป็นผลจากการติดตั้งระบบรองรับแบบ LOWERED COMFORT (ไม่มีติดตั้งในรุ่น PROGRESSIVE) ความสูงของระบบรองรับจะลดลงมาเล็กน้อย ได้ทั้งมาดสปอร์ท และการยึดเกาะถนนที่มีประสิทธิภาพ แต่ยังเผื่อเหลือให้กับความนุ่มนวลอย่างเหมาะสม สำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ผลลัพธ์ คือ การหักเลี้ยวที่ควบคุมง่าย มีการตอบสนองที่ดี ผนวกกับการเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า ทำให้การควบคุมทิศทางในโค้งทำได้ไม่ยากเย็น แต่ต้องยอมรับว่า A200 รุ่นนี้เน้นการใช้งานที่หลากหลาย มีความสะดวกสบายในการขับขี่ ในแง่ของการใช้งานแบบเน้นสมรรถนะ อาจไม่เหมาะกับระบบรองรับที่เน้นความนุ่มนวลเช่นนี้
จุดเริ่มต้นของดาว 3 แฉกที่น่าครอบครอง
MERCEDES-BENZ A200 มีราคาที่ 1,990,000-2,150,000 บาท เรียกได้ว่ามีงบประมาณในระดับ 2 ล้านบาทบวก/ลบ ก็มีโอกาสจะได้ครอบครองรถยนต์ของค่าย ดาว 3 แฉกเป็นครั้งแรก (หรือจะเป็นรถเล็กขับสบายคันถัดไปของบ้านก็ย่อมได้ !) ถือเป็นจุดที่น่าสนใจของ “น้องเล็ก” รุ่นนี้ รูปทรงมีความเรียบง่าย กลมกลืน ห้องโดยสารที่ทันสมัย กว้างขวางเพียงพอ ผนวกกับเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังพอเหมาะ ไหลลื่น ระบบรองรับที่ปรับแต่งมาลงตัว และโดดเด่นที่ความประหยัดเชื้อเพลิง เท่านี้ก็ดีพอแล้วสำหรับซีดานของ MERCEDES-BENZ รุ่นนี้ อย่างไรก็ตาม การพยายามให้ราคาไม่สูงเกินไป ทำให้อุปกรณ์ใช้งาน และระบบความปลอดภัยบางรายการขาดหายไป เป็นจุดที่ต้องเข้าใจ แต่ไม่ถึงกับลดทอนคุณภาพโดยรวมของ A200 ลงมาแต่อย่างใด