ทดสอบ(4wheels) 18 Oct 2020
TOYOTA COROLLA CROSS/TOYOTA FORTUNER LEGENDER
กระแสครอสส์โอเวอร์ เอสยูวียังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งขาใหญ่อย่าง TOYOTA เจ้าพ่อวงการรถยนต์ต้องจัดของใหม่มาเอาใจ โดยมีน้องใหม่ TOYOTA COROLLA CROSS ที่สลัดคราบซีดานยอดนิยมมาสวมมาดเท่แนวครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีสนองกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ที่เลือกใช้รถที่มีสไตล์ของตัวเอง และเสริมหล่อเอสยูวียอดนิยมอย่าง TOYOTA FORTUNER ด้วย TOYOTA FORTUNER LEGENDER ที่แยกตัวออกจากรุ่นมาตรฐาน
EXTERIOR ภายนอก
TOYOTA COROLLA CROSS (โตโยตา โคโรลลา ครอสส์) เป็นครอสส์โอเวอร์รุ่นล่าสุดของค่าย มีให้เลือก 4 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน คือ 1.8 SPORT (1.8 สปอร์ท) รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด อีก 3 รุ่น คือ รุ่น HYBRID SMART (ไฮบริด สมาร์ท) รุ่น HYBRID PREMIUM (ไฮบริด พรีเมียม) และรุ่นทอพ HYBRID PREMIUM SAFETY (ไฮบริด พรีเมียม เซฟที)
ไฟหน้าแบบ LED PROJECTOR แบบ HYBRID และระบบควบคุมการเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ FOLLOW-ME-HOME รวมเอา DAYTIME RUNNING LIGHTS LED แบบ LIGHT GUIDING ไว้ในโคมด้วย ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ด้านบนติดตั้งหลังคามูนรูฟแบบไฟฟ้า ราวหลังคาสีดำ ไฟท้ายแบบ LED LIGHT GUIDING ล้อ ขนาด 18 นิ้ว ในรุ่น HYBRID PREMIUM SAFETY
TOYOTA COROLLA CROSS มีขนาดตัว 4,460/1,825/1,620 มม. ใหญ่กว่า TOYOTA C-HR (โตโยตา ซี-เอชอาร์) (4,360/1,795/1,565 มม.) แต่มีระยะฐานล้อ 2,640 มม. เท่ากัน
เมื่อเทียบกับขนาดตัวของคู่แข่ง TOYOTA COROLLA CROSS ใหญ่กว่าทั้ง MAZDA CX-30 (มาซดา ซีเอกซ์-30) (4,395/1,795/1,540 มม.) และ HONDA HR-V (ฮอนดา เอชอาร์-วี) (4,294/1,772/1,605 มม.) ในทุกมิติ และกว้างกว่า SUBARU XV (ซูบารุ เอกซ์วี) (4,465/1,800/1,615 มม.)
TOYOTA ปรับโฉม FORTUNER (ฟอร์ทูเนอร์) รถกิจกรรมกลางแจ้งยอดนิยม เจเนอเรชันที่ 2 อย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 5 ปี ซึ่งมาพร้อมกันถึง 2 รุ่น 2 ดีไซจ์น โดยมีรุ่นมาตรฐาน และรุ่นพิเศษ
TOYOTA FORTUNER รุ่นมาตรฐาน ปรับกระจังหน้าใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมแถบกันชนล่างสีเงิน บึกบึนยิ่งขึ้น ไฟหน้า DAYTIME RUNNING LIGHTS แบบ LIGHT GUIDING และชุดไฟท้ายใหม่เป็นแบบ LED พร้อมกับ LIGHT GUIDING ล้อขนาด 18 นิ้ว
ส่วน TOYOTA FORTUNER รุ่นพิเศษ ที่ใช้ชื่อรุ่นว่า LEGENDER (เลเจนเดอร์) ที่แตกต่างจากรุ่นมาตรฐานอย่างชัดเจน เส้นสายที่ดูเฉียบคมมากขึ้น ทั้งกระจังหน้า และไฟหน้า ที่มาพร้อมกับไฟเลี้ยว LED แบบ SEQUENTIAL ไฟสูง และไฟต่ำแบบ LED กันชนหลังใหม่ นอกจากนี้ยังเปลี่ยนล้อเป็นขนาด 20 นิ้ว กับหลังคาสีดำ
มิติภายนอกของ TOYOTA FORTUNER LEGENDER ยาว/กว้าง/สูง 4,795/1,855/1,835 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,750 มม. ตัวรถและระยะฐานล้อสั้นกว่าคู่แข่ง ทั้ง FORD EVEREST (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) (4,893/1,862/1,836 มม. ระยะฐานล้อ 2,850 มม.) MITSUBISHI PAJERO SPORT (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท) (4,825/1,815/ 1,835 มม. ระยะฐานล้อ 2,800 มม.) NISSAN TERRA (นิสสัน แตร์รา) (4,885/1,865/1,835 มม. ระยะฐานล้อ 2,850 มม.)
INTERIOR ภายใน
ภายในรุ่น HYBRID PREMIUM SAFETY เป็นสีแดง เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID ขนาด 7 นิ้ว หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ APPLE CAR PLAY, BLUETOOTH และ USB ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกซ้าย/ขวา พร้อมช่องแอร์ตอนหลัง
เบาะนั่งด้านหลังแยกพับ 60:40 พนักพิงปรับเอนได้ 6 องศา พร้อมพนักวางแขนด้านหลัง และที่วางแก้วน้ำ ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุมากถึง 487 ลิตร ประตูท้ายเปิด/ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าแบบมี KICK ACTIVATED
ส่วนระดับเสียงในห้องโดยสาร จากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 61/63/ 66/69 เดซิเบล อยู่ในระดับพอใช้ เท่าๆ กับ TOYOTA C-HR HYBRID (60/62/66/69 เดซิเบล) ใกล้เคียง HONDA HR-V (61/64/67/69 เดซิเบล) และ MAZDA CX-30 (61/63/66/69 เดซิเบล) แต่เป็นรอง SUBARU XV (52/56/62/66 เดซิเบล)
ภายในติดตั้งหน้าจอสัมผัสรองรับ APPLE CAR PLAY พร้อม T-CONNECT กล้องมอง ภาพรอบคัน สัญญาณเตือนกะระยะ ระบบ ACTIVATED KICK DOOR เปิดประตูหลังโดยไม่ต้องใช้มือสัมผัสตัวรถ และแท่นชาร์จไร้สาย
ส่วนการป้องกันเสียง TOYOTA FORTUNER LEGENDER มีระดับเสียงในห้องโดยสาร จากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 50/52/56/61 เดซิเบล อยู่ในระดับดี สามารถลดเสียงจากภายนอกได้ใกล้เคียงกับ FORD EVEREST (41/45/54/61 เดซิเบล) และเงียบกว่าคู่แข่งอย่าง MITSUBISHI PAJERO SPORT (55/57/62/67 เดซิเบล) และ NISSAN TERRA (58/60/ 64/67 เดซิเบล)
ENGINE เครื่องยนต์
รุ่น 1.8 SPORT ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร 140 แรงม้า รองรับน้ำมัน E85 เกียร์อัตโนมัติ CVT-I แบบ 7 จังหวะ ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดที่เรานำมาทดสอบ ผสานการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร 98 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว 72 แรงม้า ให้กำลังรวม 122 แรงม้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. TOYOTA COROLLA CROSS HYBRID ทำได้ 14.3/19.6 วินาที อัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ในเวลา 35.6 วินาที ช้ากว่า TOYOTA C-HR HYBRID (13.1/19.0/34.4 วินาที) และคู่แข่ง MAZDA CX-30 (11.0/18.0/32.2 วินาที) HONDA HR-V (11.5/18.4/ 32.7 วินาที) SUBARU XV (12.1/18.5/33.4 วินาที)
สมรรถนะช่วงเร่งแซง 60-100 กม./ชม. และ 80-120 กม./ชม. ทำได้ 7.6/10.5 วินาที ช้ากว่า MAZDA CX-30 (5.4/6.9 วินาที) HONDA HR-V (6.2/7.8 วินาที) และ TOYOTA C-HR (6.1/7.9 วินาที) พอๆ กับ SUBARU XV (7.8/8.4 วินาที)
ส่วนอัตราสิ้นเปลืองวัดจากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. ทำได้ 48.6/17.7/17.5/12.5 กม./ลิตร ตัวเลขในเมือง (60 กม./ชม.) ประหยัดกว่า MAZDA CX-30 (29.6/23.4/18.0/15.1 กม./ลิตร) SUBARU XV (20.7/17.3/13.9/11.2 กม./ลิตร) HONDA HR-V (23.1/20.1/16.6/13.0 กม./ลิตร) และ TOYOTA C-HR (26.5/22.0/17.2/14.1 กม./ลิตร)
ระบบความปลอดภัย เช่น ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ ระบบควบคุม และปรับลดความเร็วอัตโนมัติ พร้อมช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ
เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร 204 แรงม้า ที่ 3,400 รตน. แรงบิดสูงสุด 51.0 กก.-ม. ในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่กว้างตั้งแต่ 1,600-2,800 รตน. และ 2.4 ลิตร 150 แรงม้า ที่ 3,400 รตน. แรงบิดสูงสุด 40.8 กก.-ม. ที่ 1,600–2,000 รตน. ทั้ง 2 ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม SPORT MODE คันเร่งตอบสนองเร็วขึ้น
อัตราเร่งช่วงต้น 0-100 กม./ชม. ในเวลา 12.0 วินาที และ 0-400 ม. ใน 18.3 วินาที ขณะทำความเร็วสูง 0-1,000 ม. ทำได้ 33.7 วินาที พอๆ กับ FORD EVEREST เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ ขนาด 2.0 ลิตร 213 แรงม้า (11.9/18.2/33.4 วินาที) MITSUBISHI PAJERO SPORT เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบแปรผัน MIVEC ขนาด 2.4 ลิตร 181 แรงม้า (12.4/18.7/33.8 วินาที) และ NISSAN TERRA (นิสสัน แตร์รา) เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบแปรผัน ขนาด 2.3 ลิตร 190 แรงม้า (11.6/18.1/33.0 วินาที)
จังหวะเร่งแซง ในเมือง 60-100 กม./ชม. และนอกเมืองช่วง 80-120 กม./ชม. TOYOTA FORTUNER LEGENDER ทำได้พอใช้ อยู่ที่ 5.8 และ 7.4 วินาที ดีกว่า FORD EVEREST (6.2/8.2 วินาที) MITSUBISHI PAJERO SPORT (6.4/8.2 วินาที) และสูสีกับ NISSAN TERRA (5.8/7.3 วินาที)
อัตราสิ้นเปลืองวัดจากความเร็วคงที่ 60/80/ 100/120 กม./ชม. ทำได้ 19.3/17.8/12.4/11.0 กม./ลิตร อยู่ในเกณฑ์ดี ประหยัดน้ำมันใกล้เคียงกับคู่แข่งอย่าง FORD EVEREST (20.9/17.8/15.6/11.6 กม./ลิตร) MITSUBISHI PAJERO SPORT (21.4/ 17.6/13.7/10.7 กม./ลิตร)
ครั้งแรกกับการติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก TOYOTA SAFETY SENSE อาทิ ระบบความปลอดภัยก่อนการชน ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (DYNAMIC CRUISE CONTROL) และระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (LANE DEPARTURE ALERT)
SUSPENSION ระบบรองรับ
ผลทดสอบเบรคที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. อยู่ในเกณฑ์ดี ระยะเบรคจนหยุดสนิททำได้ 15.0/25.4/40.0 ม. ดีกว่า MAZDA CX-30 (15.2/26.9/ 41.2 ม.) และ HONDA HR-V (16.0/27.5/44.1 ม.) ใกล้เคียง TOYOTA C-HR (14.7/26.0/40.1 ม.) และ SUBARU XV (14.2/25.2/38.1 ม.)
นอกจากระบบความปลอดภัยพื้นฐาน TOYOTA COROLLA CROSS ยังมีระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรคกะทันหัน และถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง และระบบกล้องรอบคัน 360 องศา ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ ระบบควบคุม และปรับลดความเร็วอัตโนมัติ พร้อมช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติด้านหน้า/หลัง ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ระบบเตือนเมื่อมีรถในมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ระบบเตือนเมื่อมีรถในมุมอับสายตาขณะถอยหลัง ระบบเตือนการชนด้านหน้า และช่วยเบรค
ผลทดสอบเบรคที่ความเร็ว 60-0/80-0/100-0 กม./ชม. หยุดนิ่งได้ในระยะ 16.0/28.8/43.9 ม. อยู่ในเกณฑ์ดี เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน (16.3/28.9/46.8 ม.) คู่แข่งอย่าง FORD EVEREST (15.7/28.2/42.7 ม.) MITSUBISHI PAJERO SPORT (17.0/31.0/46.7 ม.) และ NISSAN TERRA (16.1/28.6/43.9 ม.)
ระบบบังคับเลี้ยวแบบปรับน้ำหนักแปรผันตามความเร็ว นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบ CRUISE CONTROL และสัญญาณกะระยะ 6 ตำแหน่ง
TOYOTA COROLLA CROSS
ส่วนเรื่องความคุ้มค่าคุ้มราคา รุ่น 1.8 SPORT ราคา 989,000 บาท รุ่น HYBRID SMART ราคา 1,019,000 บาท HYBRID PREMIUM ราคา 1,089,000 บาท และ HYBRID PREMIUM SAFETY ราคา 1,199,000 บาท ที่เราทดสอบนี้ ตอบโจทย์การ ใช้งานได้มากกว่าทั้ง C-HR และ COROLLA
TOYOTA FORTUNER LEGENDER
TOYOTA FORTUNER รุ่น LEGENDER ต่างไปจาก TOYOTA FORTUNER รุ่นมาตรฐานเดิมๆ มากในส่วนของหน้าตา และการตกแต่งที่เพิ่มความหรู ทั้งภายใน และภายนอก เมื่อเทียบกับราคาเริ่มต้นที่ 2.4 LEGENDER (2.4 เลเจนเดอร์) 1,564,000 บาท 2.4 LEGENDER 4WD (2.4 เลเจนเดอร์ โฟร์วีลดไรฟ) 1,634,000 บาท 2.8 LEGENDER (2.8 เลเจนเดอร์) 1,769,000 บาท และรุ่นทอพ 2.8 LEGENDER 4WD (2.8 เลเจนเดอร์ โฟร์วีลดไรฟ) 1,839,000 บาท กับ TOYOTA FORTUNER เริ่มต้นที่ 2.4G (2.4 จี) 1,319,000 บาท 2.4V (2.4 วี) 1,424,000 บาท และ 2.4V 4WD (2.4 วี โฟร์วีลดไรฟ) 1,494,000 บาท กับอุปกรณ์มาตรฐานที่ให้มา ก็อาจต้องคิด แต่ถ้าบวกกับขนาดเครื่องยนต์ที่ใหญ่ และแรงขึ้น ก็ทำให้น่าสนใจมากขึ้น