ทดสอบ(formula) 25 Jul 2020
VOLVO V60
ค่ายรถ VOLVO (โวลโว) ขึ้นชื่อเรื่องระบบความปลอดภัยที่อยู่ในระดับหัวแถวของวงการยานยนต์เสมอมา เป้าหมายของค่ายรถแห่งนี้ คือ อัตราการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตที่เกือบจะเป็นศูนย์ในอนาคตอันใกล้ ดูจะเป็นสิ่งท้าทายมากมาย แต่ในแง่ของสมรรถนะก็ยังไม่ถูกละเลย แต่อย่างใด แม้แต่รถยนต์ที่มีบุคลิกเรียบหรูอย่าง V60 (วี 60) รถยนต์สไตล์สเตชันแวกอน ขุมพลังพลัก-อิน ไฮบริด ที่บอกได้ว่า “แรงเกินตัว” !
EXTERIOR ภายนอก
รถยนต์แบบสเตชันแวกอนเป็นหนึ่งในรูปแบบที่ทำให้ VOLVO ได้รับความนิยมในอดีต ตั้งแต่สมัยรูปทรงที่เน้นความเป็นสันเหลี่ยม แต่มีความลงตัวไม่น้อย มาถึงปัจจุบัน V60 จึงถือเป็นการสานต่อความสำเร็จจากรถร่วมค่ายรุ่นก่อนหน้านี้ รูปทรงโดยรวมเน้นความเรียบง่าย ผสมผสานเส้นโค้งที่ลงตัว ให้ความรู้สึกเรียบหรู สมกับการเป็นรถยนต์ที่เน้นความอเนกประสงค์ เส้นสายให้ความรู้สึกแบนราบ และขับเน้นความยาวของตัวรถให้ชัดเจนยิ่งขึ้น มีความปราด-เปรียวในตัวด้วยรูปทรงของหลังคาที่ไหลลื่น ประกอบกับบรรดาเอกลักษณ์ของค่าย VOLVO ยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมโค้ง คาดด้วยโลโกของค่าย รวมถึงไฟหน้าแบบ “ค้อนของเทพเจ้าธอร์” อีกสิ่งหนึ่งที่ยังคง ถูกรักษาเอาไว้ คือ ไฟท้ายแนวตั้งขนาดใหญ่ เห็นมาแล้วจากบรรดา รหัส V หลายรุ่น รวมทั้ง เอสยูวี รหัส XC ทั้งหลาย
รุ่นที่นำมาทดสอบ คือ V60 INSCRIPTION (วี 60 อินสกริพชัน) จัดเป็นตัวทอพของรถที่ทำตลาดในบ้านเรา ติดตั้งล้อแมกขนาด 19 นิ้ว เสริมด้วยชุดตกแต่งตัวถัง ได้แก่ กันชนหน้า และกันชนท้าย มีความปราดเปรียวพอสมควร แต่ไม่มีชุดตกแต่ง R-DESIGN (อาร์-ดีไซจ์น) แบบเพื่อนร่วมสายพันธุ์สไตล์ซีดานอย่าง S60 (เอส 60) คาดว่า ถ้าผู้จัดจำหน่ายมองว่ารถยนต์สไตล์สเตชันแวกอนยังเน้นการใช้งานแบบครอบครัว อเนกประสงค์ และรูปทรงจึงไม่ต้องเน้นความสปอร์ทมากเกินควร
INTERIOR ภายใน
ห้องโดยสารของ VOLVO V60 สำหรับรุ่น INSCRIPTION แม้เป็นตัวทอพ แต่การตกแต่งโดยรวมก็เน้นความเรียบง่าย ตามแบบฉบับรถยนต์สไตล์สแกนดิเนเวีย ภายใต้ความเรียบง่ายมีการผสมผสานความทันสมัยของการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นจอแสดงผลแนวตั้งขนาดใหญ่บนคอนโซลกลาง บรรดาปุ่มใช้งานแบบดั้งเดิมถูกย้ายมาใช้งานผ่านหน้าจอระบบสัมผัส รวมถึงการใช้งานระบบปรับอากาศ อาจต้องทำความคุ้นเคยในระยะแรก เนื่องจากไม่สะดวกเท่ากับการใช้งานผ่านปุ่มแบบดั้งเดิม ยิ่งในกรณีที่ใช้งานโดยผู้ขับ บางครั้งอาจต้องละสายตามามองหน้าจอเล็กน้อย แม้จะเป็นการใช้งานทั่วไปก็ตาม สิ่งที่พอจะชดเชยได้ (แต่ต้องทำความคุ้นเคยในช่วงแรกเช่นกัน) คือ การสั่งงานด้วยเสียง (ภาษาอังกฤษ) มีการตอบสนองที่ดี รับรู้ประโยคที่ สั่งงานได้ค่อนข้างชาญฉลาด
วัสดุที่ใช้ตกแต่งในห้องโดยสาร มีทั้งชุดหนังชั้นดี รวมถึงวัสดุขึ้นรูปในหลายจุด ถึงอย่างนั้นความรู้สึกโดยรวมไม่บ่งบอกความหรูหรามากนัก แม้จะเป็นรถยนต์สัญชาติยุโรปราคาร่วม 2 ล้านบาทเช่นนี้ เน้นโทนสีดำเป็นหลัก เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า รวมถึงจุดรองรับช่วงขา พวงมาลัยทรงเรียบหรู แผงมาตรวัดแบบดิจิทอลเต็มรูปแบบ ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลากหลายเป็นจุดที่น่าพอใจไม่น้อย คันเกียร์ทรงกระชับสั้นใช้วัสดุใสโปร่งแสง แต่มีรูปทรงโค้งมน ต่างจาก เอสยูวี ร่วมค่ายอย่าง XC60 (เอกซ์ซี 60) ที่ออกแบบคันเกียร์ให้มีเหลี่ยมสันคล้ายกับอัญมณี ดูมีความหรูหรามากกว่า แน่นอนว่า จุดเด่นจริงๆ ของ V60 คือ เบาะด้านหลัง รองรับการใช้งานแบบอเนกประสงค์ และให้ความรู้สึกที่โปร่งโล่งมากกว่ารุ่นซีดานอย่าง S60 ตัวเบาะพับเก็บลงมาได้แบบ 60:40 ใช้ประโยชน์จากความยาวของตัวรถได้เต็มที่ จุดที่น่าเสียดายเล็กน้อย คือ เบาะหลังไม่สามารถเลื่อนหน้า/หลัง หรือพนักพิงหลังไม่สามารถปรับเอนได้ พื้นที่หลังเบาะจึงมีไว้สำหรับการบรรทุกสัมภาระเป็นหลัก
ENGINE เครื่องยนต์
แม้เป็นรถยนต์สไตล์สเตชันแวกอน แต่ขุมพลังพลัก-อิน ไฮบริด ของ VOLVO V60 จัดว่าไม่ธรรมดา โดยเฉพาะพละกำลังสูงสุดที่จัดว่า “แรงเกินตัว” ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร พ่วงทั้งระบบซูเพอร์ชาร์จ และเทอร์โบ คู่กัน เพื่อการตอบสนองที่ดีในช่วงรอบเครื่องยนต์ต่างๆ ผลลัพธ์ คือ กำลังสูงสุดถึง 320 แรงม้า ถือว่ามหาศาลเอาเรื่อง แต่นั่นยังไม่พอ แถมผสมโรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 87 แรงม้า ทำให้รถรุ่นนี้ มีพละกำลังสูงสุดถึง 407 แรงม้า นับว่าเป็นอะไรที่ขัดแย้งกับรูปแบบของตัวรถที่เน้นการใช้งานอเนกประสงค์ และภาพ-ลักษณ์ด้านระบบความปลอดภัยของ VOLVO อย่างไรก็ตาม ถือเป็นความคุ้มค่าด้านพละกำลังสำหรับรถยนต์ที่มีราคา 2 ล้านบาทเช่นนี้ เพราะในบรรดาคู่แข่งระดับเดียวกัน V60 มีพละกำลังสูงที่สุดเลยทีเดียว ดังนี้แล้ว คู่เปรียบเทียบสมรรถนะเราจึงเลือกรถยนต์ที่ใช้ระบบพลัก-อิน ไฮบริด เช่นกัน แม้เป็นตัวถังซีดาน และราคาโดยรวมที่สูงกว่า แต่กลับใกล้เคียงกันในแง่ของกำลังโดยรวม นั่นคือ MERCEDES-BENZ E350E (เมร์เซเดส-เบนซ์ อี 350 อี) ที่เราเคยทดสอบไปก่อนหน้านี้ แม้ปัจจุบันปรับขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นรุ่น E300E (อี 300 อี) แล้วก็ตาม ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 211 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 88 แรงม้า คิดเป็นกำลังทั้งระบบที่ 286 แรงม้า
เริ่มกันด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. V60 ออกตัวไปด้วยอัตราเร่งที่ 6.1 วินาที ขณะที่ E300E ทำตัวเลขได้ที่ 7.6 วินาที ในช่วงตีนต้นก็แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างจากพละกำลังสูงสุดของรถยนต์แต่ละรุ่นได้พอสมควร แม้จะมีมอเตอร์ไฟฟ้าเริ่มการขับเคลื่อนก็ตาม ถัดมาเป็นช่วงความเร็วสูง 0-1,000 ม. สเตชันแวกอน ของ VOLVO ทำเวลาที่ 26.0 วินาที (ที่ความเร็ว 200.1 กม./ชม.) ขณะที่ซีดานของ MERCEDES-BENZ ทำได้ที่ 27.8 วินาที (ที่ความเร็ว 195.7 กม./ชม.) เป็นอีกส่วนที่แสดงให้เห็นว่า อัตราเร่งของ VOLVO V60 มีความจัดจ้านพอสมควร แม้ลักษณะของตัวถังจะมีส่วนท้ายเพิ่มเข้ามา สมกับการมีกำลังสูงสุดที่ 407 แรงม้า
ในส่วนของอัตราเร่งยืดหยุ่น เสมือนการเร่งแซง ที่ความเร็ว 60-100 และ 80-120 กม./ชม. VOLVO V60 มีอัตราเร่งที่ 3.3 และ 3.5 วินาที นับว่าฉับไวไม่แพ้รถสปอร์ทสมรรถนะสูงหลายรุ่น ขณะที่ MERCEDES-BENZ E300E มีตัวเลขที่ 3.7 และ 4.5 วินาที ตามลำดับ ในช่วงอัตราเร่งยืดหยุ่นที่ความเร็วต่ำ มีความใกล้เคียงกันพอสมควร การตอบสนองในส่วนนี้จากเครื่องยนต์ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าทำได้สูสีกัน อย่างไรก็ตามเมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น พละกำลังของ V60 เริ่มกลับมาได้เปรียบอีกครั้ง และยืดระยะห่างได้เล็กน้อย
SUSPENSION ระบบรองรับ
VOLVO V60 ถูกปรับแต่งการขับขี่ให้เน้นความสะดวกสบาย ตามบุคลิกของตัวรถ พวง-มาลัยมีน้ำหนักพอเหมาะ หักเลี้ยวได้ง่าย มีความคล่องแคล่วขณะใช้ความเร็วต่ำ การตอบสนองขณะหักเลี้ยวแบบรวดเร็วอาจไม่ฉับไวเหมือนรถยนต์มาดสปอร์ท เช่น BMW (บีเอมดับเบิลยู) ของทาง VOLVO จะเน้นความต่อเนื่องมากกว่า ช่วงล่างมีความนุ่มนวล ผสมความหนึบที่น่าพอใจ การยึดเกาะถนนจะเป็นหน้าที่ของระบบขับ-เคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ส่งกำลังจากเครื่องยนต์สันดาป และมอเตอร์ไฟฟ้า เข้าโค้งได้แม่นยำ แม้ส่วนท้ายจะมีขนาดใหญ่ ในแง่ของการใช้งานทั่วไป ถือว่า V60 รองรับได้ดีมาก นั่งสบายอย่างทั่วถึง เหมาะกับการใช้งานแบบครอบครัว
จุดที่เราให้คะแนน 5 ดาวเต็ม นั่นคือ บรรดาออพชันของระบบความปลอดภัยที่ติดตั้งมาให้เต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเบรคอัตโนมัติเหนือชั้นด้วยระบบหักเลี้ยวอัตโนมัติเมื่อระบบประเมินว่าไม่สามารถชะลอความเร็วได้ทันเวลา
VOLVO V60 จัดเป็นหนึ่งในทางเลือกสไตล์ สเตชันแวกอนที่มีไม่มากนักในบ้านเรา เนื่องจากปัจจุบันความนิยมรถยนต์สไตล์ครอสส์โอเวอร์เพิ่มมากขึ้น แต่เอาเข้าจริง รถสเตชันแวกอนก็มีจุดเด่นสำคัญ นั่นคือ การขับขี่ที่สะดวกสบาย ใกล้เคียงซีดาน ด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ภายใต้อรรถประโยชน์ที่มีให้อย่างเหลือเฟือ แถมพละกำลังที่ให้มาถึง 407 แรงม้า เทียบกับราคาในช่วง 2 ล้านบาทกว่าๆ (2,290,000-2,690,000 บาท ตามแต่รุ่นย่อย) ตอบสนองด้านการประหยัดเชื้อเพลิงด้วยระบบพลัก-อิน ไฮบริด เสริมด้วยบรรดาระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัย มีความครบเครื่องตามแบบฉบับ VOLVO