ทดสอบ(formula) 26 Apr 2020
นิสสัน อัลเมรา & ฮอนดา ซิที
เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.0 ลิตร กำลังเป็น “คลื่นลูกใหม่” ให้กับรถยนต์ระดับซับคอมแพคท์ จากเดิมที่ในบ้านเราแยกเป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร และบรรดาอีโคคาร์ ที่พิกัดเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แต่มาบัดนี้ รถยนต์ทั้ง 2 เซกเมนท์ กำลังมาบรรจบกัน ด้วยเทคโนโลยี 2563 ที่ก้าวหน้าให้ได้มาทั้งความแรง และการประหยัดเชื้อเพลิง คันไหนจะรังสรรค์ได้ลงตัวกว่ากัน ระหว่าง นิสสัน อัลเมรา และฮอนดา ซิที
EXTERIOR ภายนอก
ซีดานทั้ง 2 รุ่น แต่เดิมอยู่ในเซกเมนท์ที่ต่างกัน ทางฝั่ง นิสสัน อัลเมรา ทำตลาดกับกลุ่ม อีโคคาร์ รุ่นล่าสุดเป็นลำดับที่ 2 ของสายพันธุ์ แต่จุดเด่น คือ ขนาดของตัวถังที่ใหญ่โตเกินตัว เทียบเคียงกับรถยนต์กลุ่ม บี-เซกเมนท์ ได้สบาย มาพร้อมเส้นสายที่เน้นความสปอร์ท ไฟหน้าทรงเหลี่ยมเฉียง การออกแบบหลังคาแบบลอยตัว นั่นคือ บริเวณเสา ซี ใช้วัสดุสีดำ พาดในแนวขวาง เพิ่มมิติทางสายตาได้เล็กน้อย หากพิจารณาแล้ว ตัวถังมีลักษณะทรงลิ่มพองาม เน้นความสปอร์ท ดูดีกว่า อัลเมรา รุ่นก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด
หันมาทางด้าน ฮอนดา ซิที กับรุ่นทอพ อาร์เอส ลักษณะของตัวรถจึงมีการตกแต่งเพิ่มความสปอร์ทอย่างชัดเจน ด้วยชุดตัวถังโทนสีดำ ทั้งกระจังหน้า ส่วนประกอบต่างๆ และสปอยเลอร์หลัง รวมถึงล้อแมกลายเฉพาะของรุ่น อาร์เอส ขนาด 16 นิ้ว ถึงจะเพิ่มความสปอร์ทกันมาเต็มที่ แต่เส้นสายหลายส่วนถูกออกแบบมาให้มีความคล้ายคลึงกับซีดานรุ่นพี่ร่วมค่ายอย่าง แอคคอร์ด ส่วนหน้าของตัวรถจึงมีความโค้ง หนา เพิ่มมาดภูมิฐานให้กับตัวรถได้พอประมาณ
INTERIOR ภายใน
เมื่อเข้ามาในห้องโดยสาร เราพบว่า นิสสัน อัลเมรา (รุ่นที่นำมาทดสอบ คือ วีแอล) มีการพัฒนาขึ้นมากจากรุ่นก่อนหน้านี้ การตกแต่งโดยรวมมีความทันสมัย ดูดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน ความกว้างขวางน่าพอใจ เบาะผู้ขับทัศนวิสัยดี จอแสดงผลระบบสัมผัสบนคอนโซลกลาง มีการใช้วัสดุหนังแท้ในบางส่วน รวมถึงวัสดุหนังสีขาวบริเวณคอนโซลหน้า แม้ตัวเบาะจะเป็นวัสดุผ้าก็ตาม แต่มีความกว้างขวางที่น่าพอใจ
สำหรับ ฮอนดา ซิที อาร์เอส มีการตกแต่งที่แตกต่างกันไป โทนสีห้องโดยสารจะเป็นสีดำ เดินด้ายสีแดงสด การตกแต่งใช้วัสดุหนังในหลายจุด ทั้งแผงประตูด้านใน พวงมาลัย คันเกียร์ เบาะนั่งทุกตำแหน่ง โดยที่เบาะหลังมีที่เท้า แขน พร้อมที่วางแก้ว พับลงมาเมื่อต้องการใช้งาน แผงหน้าปัดแบบแอนาลอกดั้งเดิม ตรงกลางเป็นจอแสดงผลแบบดิจิทอล แต่รูปแบบไม่หวือหวามากนัก และไม่สามารถเปลี่ยนโหมดการแสดงผลเหมือนกับรุ่นพี่ร่วมค่ายอย่าง ซีวิค อาร์เอส แต่ใช้แสดงโทนสีแดง เพิ่มอารมณ์สปอร์ทได้ดีในระดับหนึ่ง เท่านั้นยังไม่พอ มีการติดตั้งแพดเดิล ชิฟท์ มาด้วย (เฉพาะรุ่น อาร์เอส) เรียกได้ว่าเน้นความสปอร์ทค่อนข้างชัดเจน
ENGINE เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ของรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นมีความคล้ายคลึงกัน นั่นคือ เบนซิน เทอร์โบ 1.0 ลิตร แต่มีความแตกต่างกันในรายละเอียด นิสสัน อัลเมรา ยังคงใช้ระบบหัวฉีด ขณะที่ ฮอนดา ซิที เป็นแบบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง ทำให้มีพละกำลังที่แตกต่างกัน
อัลเมรา มีกำลังสูงสุด 100 แรงม้า และแรง-บิดที่มีช่วงการทำงานที่กว้าง เราจะมาเปรียบเทียบกับ อัลเมรา รุ่นก่อนหน้านี้ กับเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 3 สูบเรียง กำลังสูงสุด 79 แรงม้า เพื่อดูว่ารถรุ่นนี้มีพัฒนาการจากเดิมมากน้อยแค่ไหน
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อัลเมรา (รุ่นล่าสุด) ทำเวลาที่ 12.3 วินาที ส่วน อัลเมรา (รุ่นก่อนหน้านี้) คือ 16.4 วินาที แค่ช่วงตีนต้นก็เห็นความแตก-ต่างที่รุ่นใหม่ฉีกหนีรุ่นก่อนหน้านี้ชัดเจน ลองดูที่ระยะ 0-1,000 ม. อัลเมรา (รุ่นล่าสุด) ทำเวลาที่ 33.8 วินาที (ที่ความเร็ว 157.8 กม./ชม.) ส่วน อัลเมรา (รุ่นก่อนหน้านี้) คือ 37.4 วินาที (ที่ความเร็ว 140.4 กม./ชม.) ในช่วงความเร็วตีนปลายยังคงทำเวลาห่างกันพอสมควร เครื่องยนต์แบบอัดเทอร์โบของ อัลเมรา รุ่นล่าสุด มีอัตราเร่งที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
มาถึงอัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100 และ 80-120 กม./ชม. อัลเมรา (รุ่นล่าสุด) ทำเวลาที่ 6.5 และ 8.2 วินาที ส่วน อัลเมรา (รุ่นก่อนหน้านี้) ทำได้ที่ 9.2 และ 12.1 วินาที ด้วยแรงบิดที่มีช่วงการทำงานที่กว้างตามแบบฉบับเครื่องยนต์เทอร์โบ อัตราเร่งยืดหยุ่นของ อัลเมรา (รุ่นล่าสุด) จึงทำได้ฉับไวมากกว่ารุ่นเดิม
มาถึงหัวข้อสำคัญ นั่นคือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. อัลเมรา (รุ่นล่าสุด) ทำตัวเลขได้ที่ 36.0/28.1/22.8/17.0 กม./ลิตร เทียบกับรุ่นเดิม คือ 32.2/27.7/20.6/16.2 กม./ลิตร แสดงให้เห็นว่า อัลเมรา รุ่นล่าสุด นอกจากจะแรงกว่ารุ่นเดิมมากแล้ว ยังมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยรวมที่ดีกว่า โดยมีตัวเลขที่ใกล้เคียงกันในช่วงความเร็ว 80 และ 120 กม./ชม. เท่านั้น มีการประหยัดเชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยมสมกับการเป็น อีโคคาร์ เต็มตัว
หันมาทางด้าน ฮอนดา ซิที เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.0 ลิตร 3 สูบเรียง ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง กำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิดที่ตอบสนองดีตามสไตล์เครื่องยนต์เทอร์โบ เรามาเทียบกับ ซิที รุ่นก่อนหน้านี้ เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 117 แรงม้า มาดูอัตราเร่งในแต่ละช่วง
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ซิที (รุ่นล่าสุด) ทำเวลาที่ 10.5 วินาที ส่วน ซิที (รุ่นก่อนหน้านี้) คือ 11.9 วินาที ในช่วงตีนต้น เครื่องยนต์เทอร์โบของ ซิที รุ่นล่าสุด มีอัตราเร่งที่ดีกว่าพอสมควร ส่วนระยะ 0-1,000 ม. ซิที (รุ่นล่าสุด) ทำเวลาที่ 32.1 วินาที (ที่ความเร็ว 165.7 กม./ชม.) ส่วน ซิที (รุ่นก่อนหน้านี้) คือ 33.2 วินาที (ที่ความเร็ว 162.6 กม./ชม.) ในช่วงความเร็วตีนปลายอัตราเร่งของ ซิที รุ่นล่าสุดยังนำหน้าไม่มากไม่น้อย ด้วยช่วงแรงบิดที่มากกว่า และการส่งกำลังที่มีอาการแผ่วเล็กน้อยในช่วงความเร็วตีนปลาย แต่ยังมีอัตราเร่งที่ต่อเนื่อง
อัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100 และ 80-120 กม./ชม. ซิที (รุ่นล่าสุด) ทำเวลาที่ 5.5 และ 7.0 วินาที ส่วน ซิที (รุ่นก่อนหน้านี้) ทำได้ที่ 6.5 และ 8.1 วินาที ยังคงเป็นความแตกต่างของอัตราเร่งในระดับ 1 วินาทีขึ้นที่ ซิที รุ่นล่าสุด ฉับไวกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ เครื่องยนต์บลอคเล็ก พร้อมเทอร์โบ มีความเร็วที่ดีกว่าเครื่องยนต์บลอคใหญ่กว่า
ขณะที่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. ซิที (รุ่นล่าสุด) ทำตัวเลขได้ที่ 33.0/26.5/20.5/16.2 กม./ลิตร เทียบกับรุ่นเดิม คือ 30.6/25.4/20.0/15.0 กม./ลิตร การพัฒนาเครื่องยนต์สู่การเป็นมาตรฐานอีโคคาร์ เฟส 2 ทำให้ ซิที รุ่นล่าสุด มีการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น ภายใต้อัตราเร่งที่ดีขึ้น เป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่น่าพอใจสำหรับรถยนต์ในกลุ่ม บี-เซกเมนท์ สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นทั้งอัตราเร่ง และการประหยัดเชื้อเพลิงเช่นนี้
SUSPENSION ระบบรองรับ
ขณะขับขี่ นิสสัน อัลเมรา เราพบว่า ระบบรองรับถูกปรับแต่งให้ความรู้สึกดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ แต่ยังเผื่อเหลือให้ความนุ่มนวล และการใช้งานทั่วไปในตัวเมืองในระดับที่พอเหมาะ น้ำหนักพวงมาลัยค่อนข้างเบา แต่มีการตอบ-สนองที่ดี บังคับเลี้ยวได้ดังใจ การขับขี่ที่ความเร็ว 120 กม./ชม. ขึ้นไป ยังมีความมั่นคงที่ดีเช่นกัน รองรับการขับขี่ทางไกลได้สบาย จุดที่น่าพอใจมากๆ คือ การติดตั้งระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่มาหลายรายการ (ในรุ่นทอพ วีแอล) ไม่ว่าจะเป็นระบบตรวจจับจุดอับสายตาด้านหลังจากรถยนต์ในเลนข้างๆ แสดงผลเป็นไฟสีส้มบนกระจกมองข้าง และหากผู้ขับเปิดไฟเลี้ยวขณะที่มีรถแล่นมาในบริเวณจุดอับสายตา ระบบจะเตือนด้วยเสียงอีกที นอกจากนี้ยังมีระบบตรวจจับรถยนต์คันหน้า หากรถแล่นเข้าหาเร็วเกินไป จนเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย ระบบจะมีเสียงเตือน และช่วยชะลอความเร็วโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีระบบกล้องมองภาพรอบคัน เสมือนมุมมองจากด้านบน และแสดงผลบนจอภาพที่คอนโซลหน้า มองเห็นได้ชัดเจน (ไม่ใช่บนกระจกมองหลังเหมือนรุ่น โนท) พร้อมระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวรอบตัวรถระยะใกล้ เมื่อใช้กล้องมองภาพรอบคัน แค่นี้ก็นับได้ว่า อัลเมรา เป็นอีโคคาร์ที่มีระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่จัดมาครบครันเกินตัวจริงๆ
ขณะที่ ฮอนดา ซิที มีการปรับแต่งระบบรองรับ และการบังคับควบคุมไปในทิศทางเดียวกับสมรรถนะของเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.0 ลิตร นั่นคือ เน้นอารมณ์ขับสนุก พวงมาลัยให้ความรู้สึกหนักแน่น จับได้กระชับมือ บังคับเลี้ยวได้ดีมาก ระบบรองรับเน้นความนุ่มหนึบ ความหนึบจะมากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้เล็กน้อย ให้ความรู้สึกที่ดีขณะทำอัตราเร่ง หรือใช้ความเร็วสูงถึงระดับ 150 กม./ชม. (เพื่อการทดสอบเท่านั้น) อารมณ์การขับขี่ที่เน้นความสปอร์ทเช่นนี้ ช่วยให้ ซิที มีความแตกต่างจาก อีโคคาร์ รุ่นอื่นๆ และมีความมั่นคงดีกว่า มาซดา 2 (ซีดาน) ด้วยซ้ำ สมกับเป็นรถที่ทำตลาดในกลุ่ม บี-เซกเมนท์ อย่างไรก็ตาม สมรรถนะที่น่าพอใจ และการขับขี่ที่ลงตัว เป็นจุดที่ชัดเจนของรถรุ่นนี้ แต่ระบบความปลอดภัยกลับไม่ทันสมัยมากนัก มีเพียงระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถเท่านั้น และถุง-ลมนิรภัยรอบคัน ระบบตรวจจับต่างๆ กลับไม่มีติดตั้งมาให้เลย ทั้งที่รถร่วมค่ายบางรุ่นมีการติดตั้งระบบ ฮอนดา เซนซิง กันแล้ว แต่ระบบความปลอดภัยดังกล่าวยังไม่สามารถพบเจอกับ ซิที รุ่นล่าสุด สิ่งที่พอจะชดเชยกันได้ คือ ระบบ ฮอนดา คอนเนคท์ เชื่อมกับแอพพลิเคชัน สามารถรู้สถานะรถยนต์จากระยะทางไกล เส้นทางที่ขับขี่ และกำหนดรัศมีการเดินทางของตัวรถ และจะมีการแจ้งเตือนหากรถขยับเขยื้อนมากกว่าระยะที่กำหนดเอาไว้ นอกจากนี้ยังสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ล่วง-หน้า (ติดเครื่องยนต์ได้นานไม่เกิน 10 นาที) ผ่านแอพพลิเคชัน หรือจากชุดกุญแจรถ แต่ต้องอยู่ไม่ไกลจากตัวรถมากเกินไป ต่างจากระบบ ไอ-สตาร์ท ของ เอมจี สามารถสตาร์ทรถจากระยะไกลได้ เพราะใช้สัญญาณมือถือเต็มรูปแบบ
มาถึงตอนนี้ เราได้เห็นว่าเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ทำให้รถยนต์ที่เคยอยู่คนละเซกเมนท์มาบรรจบกันได้อย่างไร ภายใต้ขนาดตัวที่ใกล้เคียงกัน นิสสัน อัลเมรา มีเครื่องยนต์ที่ประ-หยัดเชื้อเพลิงดีมาก สมกับการเป็น อีโคคาร์ ภายใต้สมรรถนะที่ดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้หลายช่วงตัว เสริมด้วยระบบความปลอดภัยที่ครบครัน คุ้มค่ามากๆ ขณะที่ ฮอนดา ซิที ก้าวสู่ยุคใหม่ ด้วยเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง มีพละกำลังมากกว่าเดิม แรงบิดดี และการขับขี่ที่สนุกเร้าใจแบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อนในรุ่นก่อนหน้านี้ ขาดแต่เพียงระบบความปลอดภัยที่น่าจะติดตั้งมาให้มากกว่านี้ สุดท้ายแล้วทั้ง 2 รุ่นต่างก็มีความโดดเด่นในแต่ละด้าน รวมถึงราคาที่ยังคงมีความแตกต่างกัน แม้จะอยู่ภายใต้มาตรฐาน อีโคคาร์ เฟส 2 เหมือนกันระหว่าง อีโคคาร์ คุณภาพสูง หรือบี-เซกเมนท์ ที่ลงตัว
สุดท้ายแล้ว แม้รถยนต์ทั้ง 2 รุ่น จะมีความแตกต่างกันในรายละเอียด รวมถึงราคาโดยรวม แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว คือ ลักษณะของการแยกแยะเซกเมนท์ ภายใต้มาตรฐานเครื่องยนต์ของ อีโคคาร์ เฟส 2 รถยนต์ในกลุ่ม บี-เซกเมนท์ เดิม กลายเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานดังกล่าวได้แล้ว โดยมีรถที่ทำได้ก่อนหน้านี้ คือ มาซดา 2 และล่าสุด คือ ฮอนดา ซิที ขณะที่กลุ่ม อีโคคาร์ เดิม จะมีราคาโดยรวมที่ย่อมเยากว่า หลายเจ้าหันมาอัพเกรดสู่มาตรฐาน อีโคคาร์ เฟส 2 แล้ว เช่น โตโยตา ยารีส/ยารีส เอทีฟ หรือมิตซูบิชิ มิราจ/แอททราจ มีพละกำลังที่ลดลงมา เน้นการประหยัดเชื้อเพลิง พร้อมออพชันที่น่าสนใจ นับเป็นข้อดีที่ทำให้ผู้สนใจรถยนต์เซกเมนท์ดังกล่าวมีตัวเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น เชื่อว่านับจากนี้ไปจะมีตัวเลือกของเครื่องยนต์ที่ตอบสนองทั้งอัตราเร่ง และการประหยัดเชื้อเพลิงได้พร้อมกัน อันเป็นผลจากเทคโนโลยีการพัฒนารถ-ยนต์ที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ภายใต้ราคาที่เอื้อมถึงสำหรับหลายคน