ทดสอบ(4wheels) 22 May 2019
FORD EVEREST 2.0 L BI-TURBO/FORD RANGER RAPTER
เอสยูวีที่มีความสะดวกสบายไม่แพ้รถเก๋ง เบาะแบบ 7 ที่นั่ง ให้ประโยชน์ใช้สอยที่หลากหลาย กับพิคอัพตัวลุย ที่พัฒนาตามแบบรถแข่งทางฝุ่น และทะเลทรายบาฮา (BAJA) ซึ่งมาพร้อมระบบรองรับต่างไปจากพิคอัพทั่วไป ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร 213 แรงม้า จากค่ายอเมริกันพันธุ์แกร่ง คู่นี้มีราคาใกล้เคียง ยังนำข้อมูลจากการทดสอบและวัดสมรรถนะด้วยเครื่องมือดาทรอน มาเปรียบเทียบกับคู่แข่งอีกด้วย
EXTERIOR ภายนอก
เอเวอเรสต์ ใหม่ ปรับกระจังหน้าเล็กน้อย ยังคงความโดดเด่นของเจเนอเรชันที่ 2 ไฟวิ่งกลางวันแบบแอลอีดี และไฟหน้าแบบเอชไอดี พโรเจคเตอร์ ปรับระดับสูง/ต่ำอัตโนมัติ และระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
มิติภายนอกเมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว เอเวอ เรสต์ ใหม่ ยังมีความยาวตัวรถและระยะฐานล้อที่มากกว่าคู่แข่งอยู่เล็กน้อย
ไฟท้ายเป็นแบบแอลอีดีขนาดใหญ่ เชื่อมต่อด้วยแถบโครเมียม (ยกเว้นรุ่น ทเรนด์) ในรุ่น ไททาเนียม พลัส หรูด้วยหลังคามูนรูฟขนาดใหญ่ และล้อแมกขนาดใหญ่ 20 นิ้ว ยาง 265/50 R20 ราวหลังคาและบันไดข้าง กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว
เรนเจอร์ แรพเตอร์ มีขนาดตัวใหญ่กว่า เรนเจอร์ ในทุกมิติ แก้มข้างรถคู่หน้าผลิตจากวัสดุคอมโพสิท แข็งแกร่ง เหมาะกับการลุย และขยายโป่งออกไปด้านละ 75 มม.
ตัวรถความยาว 5,398 มม. ความกว้าง 2,180 มม. และความสูงถึง 1,873 มม. ใหญ่กว่า เรนเจอร์ ในทุกมิติ (39/330/58 มม.) ระยะช่วงล้อหน้าและหลังกว้างขึ้น 150 มม. เป็น 1,710 มม.
บันไดข้างอลูมิเนียมอัลลอย มีรูระบาย ทราย โคลน และเคลือบถึง 2 ชั้น ทนทานต่อการขีดข่วน แชสซีส์ใหม่เพิ่มความแข็งแกร่งและเพิ่มชุดตะขอเกี่ยว 2 ชุดที่กันชนท้าย สามารถลากจูงได้ถึง 3.8 ตัน และยางขนาด 285/70 R17 ความสูงใต้ท้อง 283 มม. มุมไต่ 32.5 องศา มุมคร่อม 24 องศา และมุมจาก 24 องศา
INTERIOR ภายใน
เบาะหนังสีดำ เบาะนั่งแบบ 7 ที่นั่ง เบาะนั่งแถวที่ 2 แยก 60:40 และแถวที่ 3 แยก 50:50 พับเก็บให้แบนราบได้ทั้ง 2 แถว เบาะคู่หน้าปรับทิศทางด้วยไฟฟ้า และเบาะแถวที่ 3 พับ เก็บด้วยไฟฟ้า บรรทุกสัมภาระได้ถึง 2,010 ลิตร มีช่องเก็บของมากกว่า 30 ช่อง ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า สำหรับเบาะหน้า/หลัง และตัวยึดเบาะนั่งพิเศษสำหรับเด็กเล็กบริเวณเบาะนั่งแถว 2 และ 3
ระบบซิงค์ 3 (SYNC 3) สามารถจดจำเสียงและสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยได้ ช่วยโทรออก ฟังเพลง หรือเรียกใช้เมนูอื่นๆ รวมทั้งยังรองรับ APPLE CAR PLAY และ ANDROID AUTO พร้อม BLUETOOTH จอทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว และกล้องมองหลัง รวมทั้งระบบแผนที่นำทาง
ระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน ด้านหน้าแยกอิสระซ้าย/ขวา และด้านหลัง สำหรับเบาะนั่งแถวที่ 2 และแถวที่ 3 พร้อมช่องแอร์เหนือศีรษะ และช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 4 จุด (DC 12V) พร้อมปลั๊กไฟบ้าน (AC 230V)
และยังโดดเด่นด้วยพาโนรามิคมูนรูฟขนาดใหญ่ ประตูท้ายรถเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ติดตั้งวัสดุซับเสียง พร้อมการใช้เทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวน ระดับเสียงในห้องโดยสาร จากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 41/45/54/61 เดซิเบล อยู่ในระดับดี เงียบกว่าคู่แข่งอย่าง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท
คอนโซลหน้าบุหนังเดินด้ายสีน้ำเงิน แผงหน้าปัดแสดงฟีเจอร์แบบต่างๆ พวงมาลัยจาก ฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานศ์ (FORD PERFORMANCE) พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ขนาดใหญ่ และแถบแดงด้านบนของพวงมาลัย
เบาะที่นั่งของ เรนเจอร์ แรพเตอร์ ขนาดใหญ่และยาวพอสำหรับผู้โดยสารตัวใหญ่ เบาะหลังปรับเอนเล็กน้อย หนาเป็นพิเศษ และใช้หนังกลับด้านข้าง นั่งสบาย และไม่ลื่น
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ กุญแจรีโมทอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ มีเทคโนโลยีด้านการเชื่อมต่อ ซิงค์ 3 (SYNC 3) ระบบสั่งงานด้วยเสียง กล้องมองหลังแสดงภาพบนจอแอลซีดี ขนาด 8 นิ้ว ทำงานร่วมกันกับสัญญาณเตือนระยะจอดด้านหลัง
คอนโซลกลางติดตั้งช่องแอร์รักษาความเย็น สามารถแช่เครื่องดื่มกระป๋องได้ ลิ้นชักเก็บของด้านหน้าสามารถเก็บคอมพิวเตอร์โนท บุค ขนาด 16 นิ้ว ได้พอดี ช่องเก็บของด้านข้างใส่ขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตรได้
ENGINE เครื่องยนต์
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใช้เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 2.0 ลิตร 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 42.8 กก.-ม. แทนขนาด 2.2 ลิตร 160 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 39.3 กก.-ม. และเทอร์โบคู่ 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 51.0 กก.-ม. แทน 5 สูบ 20 วาล์ว ขนาด 3.2 ลิตร 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 47.9 กก.-ม. ในรุ่น ไททาเนียม พลัส ขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั้ง 2 เครื่องยนต์ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ พร้อมโหมดเปลี่ยนเกียร์ บวก/ลบ ที่ให้ความต่อเนื่องมากกว่าระบบเกียร์ 6 จังหวะรุ่นเดิม
อัตราเร่งช่วงต้น 0-100 กม./ชม. ในเวลา 11.9 วินาที และ 0-400 ม. ใน 18.2 วินาที พอๆ กับ โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์ อัตราเร่งช่วงความเร็วปลาย 0-1,000 ม. เอเวอเรสต์ ทำได้ 33.4 วินาที สูสีกับ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์ และนิสสัน แตร์รา
จังหวะเร่งแซง ในเมือง 60-100 กม./ชม. และนอกเมืองช่วง 80-120 กม./ชม. เอเวอเรสต์ ทำได้ 6.2 และ 8.2 วินาที ดีกว่า ปาเจโร สปอร์ท เล็กน้อย แต่ยังเป็นรอง นิสสัน แตร์รา
อัตราสิ้นเปลืองวัดจากความเร็วคงที่ 60/80/ 100/120 กม./ชม. ทำได้ 20.9/17.8/15.6/11.6 กม./ลิตร อยู่ในเกณฑ์ดี ประหยัดน้ำมันกว่าคู่แข่งอย่าง โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์ และมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท (60 กม./ชม. ใกล้กัน)
ผลการวัดเสียง ความเร็วคงที่ 60/80/100/ 120 กม./ชม. วัดได้ 51/53/57/63 เดซิเบล อยู่ในเกณฑ์ดี ห้องโดยสารเงียบกว่าคู่แข่ง
เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 213 แรงม้า ให้สมรรถนะใกล้เคียงเครื่องยนต์ขนาด 3.2 ลิตร แต่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ มีอัตราทดที่แคบลง ส่งกำลังต่อเนื่อง ตอบสนองและมีอัตราเร่งดีกว่าเกียร์ 6 จังหวะ
อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ทำได้ดี 11.6/18.1 วินาที อัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ในเวลา 33.4 วินาที พอๆ กับเครื่อง 3.2 ลิตร ที่ทำไว้ 11.8/18.2/33.3 วินาที และ เชฟโรเลต์ โคโลราโด ไฮคันทรี สตอร์ม
สมรรถนะช่วงเร่งแซง 60-100 กม./ชม. และ 80-120 กม./ชม. แรพเตอร์ ทำได้ 6.1/8.1 วินาที เร็วกว่า เชฟโรเลต์ โคโลราโด แต่ช้ากว่า นิสสัน เอนพี 300 นาวารา ที่ทำไว้ 5.7/7.1 วินาที
ส่วนอัตราสิ้นเปลืองวัดจากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. ทำได้ 17.3/14.6/12.3/9.6 กม./ลิตร อยู่ในเกณฑ์พอใช้ ประหยัดกว่า เรนเจอร์ 3.2 ลิตร แต่ยังเป็นรอง นิสสัน เอนพี 300 นาวารา ที่ทำไว้ 20.5/17.9/13.9/10.6 กม./ลิตร
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ฟูลล์ไทม์ เลือกปรับรูปแบบการขับขี่ได้ 4 รูปแบบ คือ NORMAL สำหรับพื้นถนนทั่วไป SAND สำหรับพื้นทราย SNOW OR MUD สำหรับพื้นหิมะ โคลน หรือทุ่งหญ้า และ ROCK CRAWL สำหรับพื้นหินขรุขระ พร้อมโหมด 4L และระบบลอคเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน
ระบบวัตต์ลิงค์ ที่ช่วยให้หน้ายางตั้งฉากกับพื้นถนนเมื่อรถเข้าโค้ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว อีเอสพี ให้รถเกาะถนนและทรงตัวดี พวงมาลัยไฟฟ้า ควบคุมได้ง่าย และแม่นยำมาก ใช้ในเมืองคล่องตัวจริงๆ
ผลทดสอบเบรคที่ความเร็ว 60-0/80-0/100-0 กม./ชม. หยุดนิ่งได้ในระยะ 15.7/28.2/42.7 ม. อยู่ในเกณฑ์ดี เทียบกับคู่แข่งอย่าง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท และโตโยตา ฟอร์ทูเนอร์ พบว่า เอเวอเรสต์ มีระยะเบรคที่สั้นกว่าพอสมควร และยังได้เปรียบด้วยล้อและยางที่ใหญ่กว่า (265/60 R20)
นอกจากนี้ เรนเจอร์ แรพเตอร์ ยังมา พร้อมกับระบบควบคุมการขับเคลื่อน มีโหมดการขับขี่ 6 รูปแบบ โดยเลือกจากปุ่มบนพวงมาลัย ทั้งโหมดการขับขี่ทางเรียบ 2 โหมด คือ โหมดทั่วไป (NORMAL) เน้นความสบาย นุ่มนวล และประหยัดน้ำมัน โหมดสปอร์ท (SPORT) เน้นการเปลี่ยนเกียร์เร็วและฉับไวในขณะที่รอบเครื่องสูง
โหมดการขับขี่ทางลุยอีก 4 โหมด คือ โหมดหญ้า/หิมะ (GRASS/GRAVEL/SNOW) ใช้ขับขี่บนพื้นผิวลื่น และเป็นหลุมบ่อ พร้อมทั้งออกตัวด้วยเกียร์ที่ 2 โหมดโคลน/ทราย (MUD/SAND) เหมาะสมกับพื้นผิวที่มีความลึก ไหลลื่น เคลื่อนตัวได้อย่างพื้นทรายและโคลน โหมดก้อนหิน (ROCK) ควบคุมรถให้ขับเคลื่อนอย่างช้าๆ และใช้ความเร็วต่ำ และโหมดบาฮา (BAJA) ซึ่งเราตั้งชื่อว่า โหมดสิงห์ทะเลทราย ระบบจะลดการทำงานระบบป้องกันล้อหมุนฟรี รวมทั้งเกียร์จะถูกปรับให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด ระบบจะค้างรอบเครื่องไว้นานขึ้น และเปลี่ยนเกียร์ลงได้รวดเร็วกว่าเดิม
ปีกนกทำจากอลูมิเนียม ตัวบนแบบฟอร์จ และตัวล่างแบบหล่อ แชสซีส์ออกแบบให้แข็ง แกร่งกว่าเดิม ระบบกันสะเทือนหลังแบบใหม่ ระบบวัตต์ลิงค์ และสปริงคอยล์โอเวอร์ชอคอับ ช่วยให้การทรงตัวดีขึ้น พวงมาลัยแบบอีเลคทรอนิคควบคุมง่ายทั้งทางเรียบและทางลุย ชอคอับลูกสูบขนาด 46.6 มม. ผลิตโดย FOX SHOX ทั้งคู่หน้าและหลัง มีระยะการให้ตัวสูง ซับแรงกระแทกขณะขับลุย และระบบบายพาสส์ภายใน ทำให้การขับบนถนนทางเรียบนุ่มนวล
ผลการทดสอบเบรค พบว่าน้ำหนักตัวและยางสำหรับลุยทำได้ไม่ดี ระยะเบรคที่ความเร็ว 60/80/100-0 กม./ชม. ต้องใช้ระยะทางถึง 19.0/ 33.7/52.1 ม. ส่วนเบรคที่ความเร็วสูง 100 กม./ชม. ประสิทธิภาพการเบรคลดลงเล็กน้อย อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี โดยทำได้ 45.0 ม.
FORD EVEREST 2.0L BI-TURBO TITANIUM PLUS 4x4
ปลอดภัยด้วยระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ ระบบเตือนการชนด้านหน้า และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง และระบบแจ้งเตือนการขับขี่ ส่วนด้านหลังมีกล้องมองหลังขณะถอยจอด มีระบบช่วยจอดอัจฉริยะ และยังมีระบบตรวจจับรถในจุดบอด พร้อมระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด ระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน และระบบตรวจจับยานพาหนะ บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ และช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนนลง ระบบตรวจจับลมยาง ในรุ่น ไททาเนียม พลัส ขับเคลื่อน 4 ล้อ สมกับราคา 1,799,000 บาท
FORD RANGER RAPTOR
ฟอร์ด เรนเจอร์ แรพเตอร์ เป็นพิคอัพมาดแกร่ง ตัวจริง ดุดันแบบอเมริกันสไตล์ ดูสวยครบเครื่อง บึกบึน ภายในดูทันสมัย พรีเมียม เพียบพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร 213 แรงม้า ให้สมรรถนะใกล้เคียงเครื่องยนต์ดีเซล 3.2 ลิตร ช่วงล่างหนึบ หนักแน่น และระบบความปลอดภัยมีให้ครบ