ทดสอบ(formula) 27 Mar 2019
แฟร์รารี 812 ซูเพอร์ฟาสต์
โลกนี้มีรถสปอร์ทในฝันอยู่มากมายหลายยี่ห้อ แต่เชื่อได้เลยว่าค่ายรถที่อยู่ในใจใครหลายคนเป็นลำดับต้นๆ คือ แฟร์รารี กับโลโกม้าลำพองที่เร้าใจตั้งแต่แรกเห็น ภายใต้พละกำลังอันมหาศาล อัตราเร่งดุดัน เร้าใจ เป็นสิ่งที่ถูกสืบทอดเสมอมา แต่การจะเข้าถึงตัวตนที่แท้จริงของ แฟร์รารี ต้องเข้าไปทดสอบด้วยตนเอง ครั้งนี้เราขอจัดเต็มกับสปอร์ทรุ่นใหญ่สุดของค่าย กับ 812 ซูเพอร์ฟาสต์ !
EXTERIOR ภายนอก
แฟร์รารี มีรถสปอร์ทมากมายหลายรุ่น หลากรูปแบบ แต่สำหรับรุ่นใหญ่อย่าง 812 ซูเพอร์ฟาสต์ เป็นรถสปอร์ทเครื่องยนต์วางด้านหน้า ทำให้มีตัวถังส่วนหน้าที่ยาวเป็นพิเศษ เพราะเป็นที่สิงสถิตขุมพลังบลอคใหญ่ ขนาด 6.5 ลิตร ช่องรับอากาศบนกันชนหน้า คือ หนึ่งในเอกลักษณ์ที่เห็นได้ชัดเจนของ แฟร์รารี บรรดาสันเหลี่ยมตามจุดต่างๆ นอกจากเพิ่มความดุดันแล้ว ยังมีไว้เพื่อประโยชน์ในแง่ของการไหลเวียนอากาศขณะใช้ความเร็วสูง ถูกออกแบบมาอย่างละเอียดโดยทีมวิศวกรของค่ายรถแห่งนี้ สันเหลี่ยมข้างตัวถังพาดเฉียง ขับเน้นความปราดเปรียวของตัวรถ และยังทำหน้าที่เป็นส่วนระบายอากาศจากห้องเครื่องยนต์ด้วย ขณะที่สันเหลี่ยมส่วนท้าย ทำหน้าที่จัดเรียงอากาศไประบายความร้อนของชุดเบรค
รายละเอียดทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีความหมาย เพื่อสมรรถนะสูงสุด สร้างแรงกดที่มากพอขณะใช้ความเร็วสูง แนวหลังคาลาดเทจรดส่วนท้ายที่ซ่อนสปอยเลอร์หลังเอาไว้ อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ แฟร์รารี คือ ไฟท้ายทรงกลมจำนวน 4 วง และท่อไอเสียคู่ ให้ความดุดันไม่แพ้ตัวแข่ง คุณสมบัติที่แฝงอยู่ภายในเส้นสายที่คมเข้ม คือ การกระจายน้ำหนักหน้า/หลังในอัตราส่วน 47:53 ถือเป็นรถสปอร์ทที่มีความสมดุลดีมาก
INTERIOR ภายใน
ห้องโดยสารของ 812 ซูเพอร์ฟาสต์ เน้นความเรียบง่าย ห้องโดยสารเน้นความกระชับแน่น เบาะโอบกระชับสรีระ รองรับการขับขี่แบบเน้นสมรรถนะล้วนๆ จุดน่าสนใจ คือ บริเวณโดยรอบผู้ขับ เต็มไปด้วยปุ่มปรับโหมดการทำงานอันหลากหลาย เพื่อการใช้งานที่สะดวก และไม่ต้องละสายตาจากถนน (โดยเฉพาะขณะขับขี่ที่ความเร็วสูง) ปุ่มใช้งานส่วนใหญ่จึงถูกจัดวางเอาไว้ใกล้กับพวงมาลัย รวมไปถึงปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ สีแดงโดดเด่น และปุ่มปรับโหมดการขับขี่เป็นแบบหมุน จุดที่น่าประหลาดใจเล็กน้อย คือ การใช้งานไฟเลี้ยว จะเป็นปุ่มทรงแบน ในตำแหน่งบริเวณนิ้วหัวแม่มือทั้ง 2 ข้างบนก้านพวงมาลัย ขณะที่การเปลี่ยนโหมดเกียร์จะเป็นปุ่มกดบริเวณตรงกลาง ไม่มีคันเกียร์ การเปลี่ยนจังหวะเกียร์จึงเป็นหน้าที่ของแพดเดิล ชิฟท์ล้วนๆ มีขนาดใหญ่ แข็งแรง ด้วยการใช้วัสดุอลูมิเนียม ติดตั้งบนคอพวงมาลัย รอบห้องโดยสารตกแต่งด้วยชุดหนังชั้นดี
นอกเหนือจากนี้ นั่นคือ ปุ่มใช้งานทั่วไป เช่น ปุ่มเปิด/ปิดไฟหน้า ระบบปรับอากาศ และระบบเครื่องเสียง เป็นสิ่งที่ทางผู้ผลิตไม่เน้นหนักเท่าใดนัก รูปแบบเป็นปุ่มหมุน หรือปุ่มกดรูปทรงเรียบง่าย วัสดุที่ใช้เป็นพลาสติคแข็งทรงเรียบ เราคิดว่าในจุดนี้ดูไม่สมกับชื่อชั้นของตัวรถมากนัก น่าจะออกแบบให้มีความลงตัวมากกว่านี้ จริงอยู่ว่า รถสปอร์ทสมรรถนะสูง อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่กับค่าตัวระดับ 33 ล้านบาทขึ้นไป รายละเอียดของห้องโดยสาร คือ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นสำคัญ
สิ่งที่ผู้ขับให้ความสนใจมากที่สุดในขณะขับขี่ คือ แผงหน้าปัด ทางผู้ผลิตก็รู้ดี จึงเน้นหนักในส่วนนี้ กับรูปแบบของรถสปอร์ทพันธุ์ดุ ตรงกลางจะเป็นมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ขนาดใหญ่แบบแอนาลอกดั้งเดิม โดดเด่นด้วยการเล่นสีเหลืองสด หนึ่งในสีประจำค่ายของ แฟร์รารี โดยมีจอดิจิทอลขนาดเล็ก แสดงผลข้อมูลของโหมดเกียร์ และไม่ธรรมดา ด้วยหน้าจอดิจิทอลขนาดใหญ่ วางตำแหน่งประกบซ้าย/ขวา ของมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้หลากหลายตามสมัยนิยม รวมถึงระบบเนวิเกเตอร์ ไม่กินเนื้อที่ตรงคอนโซลกลาง
ENGINE เครื่องยนต์
หัวใจหลักของรถสปอร์ทระดับซูเพอร์คาร์ หนีไม่พ้นขุมพลังที่มาพร้อมกับพละกำลังอันมหาศาล แฟร์รารี 812 ซูเพอร์ฟาสต์ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน บลอคใหญ่ ขนาด 6.5 ลิตร กำลังสูงสุดมหาศาลถึง 800 แรงม้า ! ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังด้วยเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ ใช้เทคโนโลยีเดียวกับรถแข่งสูตร 1 หรือ ฟอร์มูลา วัน ก่อนที่จะพุ่งทะยานออกไปเพื่อพิสูจน์สมรรถนะ สิ่งที่เราได้สัมผัส คือ ซุ่มเสียงอันมีเอกลักษณ์ของค่าย แฟร์รารี เสียงทุ้มคำรามตั้งแต่สตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อกดคันเร่งในขณะอยู่กับที่ ก็ให้ความรู้สึกที่เร้าใจไม่น้อยแล้ว มีความกังวาน และแผดดังผสมผสานกันอยู่ บ่งบอกได้ว่าพละกำลังที่เตรียมพร้อมอยู่ภายในตัวเครื่องสามารถปลดปล่อยได้ตลอดเวลา ว่าแล้วเราก็พุ่งทะยานออกไปเพื่อทดสอบอัตราเร่ง สัมผัสตัวตนที่แท้จริงของ “ม้าลำพอง”
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.9 วินาที ถือเป็นสถิติใหม่ของการทดสอบโดยทีมงานของเราโดยไม่ต้องสงสัย แม้ตัวเลขจะแตกต่างจากที่ทางผู้ผลิตระบุอยู่บ้าง แต่ก็มากพอที่บ่งบอกได้ว่า พละกำลังร่วม 800 แรงม้า คือ ของจริง !
ถัดมาในช่วงความเร็วสูงที่ระยะ 0-1,000 ม. 812 ซูเพอร์ฟาสต์ ทำเวลาที่ 20.3 วินาที นับว่าเร้าใจมาก อัตราเร่งที่ดุดัน ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงความเร็วต่ำ จนถึงช่วงความเร็วสูง ไม่มีอาการแผ่วให้เห็น สามารถไต่ความเร็วได้ต่อเนื่องจนสิ้นสุดระยะดังกล่าวที่ความเร็ว 273.1 กม./ชม. และยังไปได้อีกไกล หากมีระยะทางมากกว่านี้ จัดเป็นอีกหนึ่งสถิติที่เกิดขึ้น พร้อมกับการสำแดงเดชของ แฟร์รารี รุ่นใหญ่
ถัดมา คือ การพิสูจน์ประสิทธิภาพของระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ กับอัตราเร่งยืดหยุ่น ช่วงความเร็ว 60-100 กม./ชม. 812 ซูเพอร์ฟาสต์ ใช้เวลาที่ 2.8 วินาที และช่วงความเร็ว 80-120 กม./ชม. ในพริบตาที่ 2.4 วินาที เห็นได้ชัดว่า ในช่วงความเร็วสูง รถสปอร์ทของ แฟร์รารี รุ่นนี้มีการตอบสนองดีขึ้นด้วยซ้ำ ตามแบบฉบับรถยนต์สมรรถนะสูง มีการตอบสนองที่เร้าใจ
การทดสอบครั้งนี้เราจึงไม่สามารถหาคู่เปรียบเทียบใดๆ มานำเสนอได้ เพราะ แฟร์รารี 812 ซูเพอร์ฟาสต์ เป็นยานยนต์ที่อยู่เหนือระดับรถยนต์ที่ถูกทีมงานของเราทดสอบมาก่อน แต่เราก็หวังไว้เหลือเกินว่า สักวันจะมีโอกาสนำรถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นอื่นมาพิสูจน์ความร้อนแรงกัน !
SUSPENSION ระบบรองรับ
สมรรถนะที่ร้อนแรง คงไม่มีความหมาย หากปราศจากระบบรองรับที่หนึบแน่น และระบบอันทรงประสิทธิภาพ เพื่อการขับขี่ที่ครบเครื่อง และความมั่นคงปลอดภัย นอกเหนือจากพละกำลังอันมหาศาล ระบบรองรับของ 812 ซูเพอร์ฟาสต์ สามารถแปรผันการตอบสนองได้ โดยในส่วนของชอคอับสามารถแปรผันความหนึบแน่นได้ ตามการปรับโหมด หรือตามแต่โหมดการขับเคลื่อน มีชื่อว่าระบบแมกเนทีโน (MAGNETINO) โดยโหมดเริ่มต้น คือ สปอร์ท ขณะที่โหมดอื่นๆ จะเน้นการขับขี่แบบเน้นสมรรถนะในสนามแข่ง เช่น โหมดเรศ และโหมดปิดระบบช่วยเหลือต่างๆ เพื่อการขับขี่ที่ต้องใช้ทักษะ และฝีมือของผู้ขับกันเต็มที่ เสริมด้วยโหมดพื้นเปียกที่เน้นการจัดสรรการส่งกำลังไปยังล้อแต่ละข้างไม่ให้เกิดการลื่นไถลบนพื้นผิวถนนลื่น
ระบบรองรับมีความหนึบแน่น แต่ดูดซับแรงสั่นสะเทือนบนผิวถนนทั่วไปได้ดีเกินคาด พวงมาลัยมีน้ำหนักค่อนข้างมาก สัมผัสโดยรวมเป็นไปในแนวทางรถสปอร์ทสัญชาติอิตาเลียน นั่นคือ ความดิบห้าวที่แฝงเอาไว้ทุกอณู ไม่ต้องเผื่อเหลือให้กับความสะดวกสบายอื่นใด นับว่าเหมาะสมสำหรับการเป็นสปอร์ทตัวทอพของค่ายโดยแท้จริง (ไม่นับไฮเพอร์คาร์แบบสุดขั้วอย่าง ลาแฟร์รารี) นอกเหนือจากความดิบห้าวแล้ว ยังแฝงด้วยความมั่นคงปลอดภัยของระบบเบรค โดยมีระยะเบรคที่ความเร็ว 80 และ 100 กม./ชม. ที่ 21.8 และ 34.5 ม. ตามลำดับ ภายใต้ระบบเบรคแบบเซรามิค ในช่วงแรกระยะเบรคจะมากกว่านี้ เนื่องจากระบบเบรคถูกออกแบบให้พร้อมทำงานเต็มประสิทธิภาพในช่วงความเร็วสูง และผ้าเบรคมีความร้อนสูงพอ แนวทางเดียวกับระบบเบรคของรถแข่งพันธุ์แท้
เสน่ห์ของ แฟร์รารี คือ ความดุดันอย่างไร้ขีดจำกัด สมกับรูปลักษณ์ของโลโกม้าลำพอง ที่ชวนให้ผู้ขับมีหัวใจพองโตตลอดเวลาที่ทำอัตราเร่ง ปลุกเร้าด้วยซุ่มเสียงที่แผดกังวาน ตามติดกันมา คือ อัตราเร่งอันฉับไว อย่างที่รถสปอร์ทไม่กี่รุ่นในโลกจะสามารถเทียบเคียงได้ บ่งบอกความเป็นที่สุดของยานยนต์ พิสูจน์ให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแห่งโลกยานยนต์ ท้าทายให้ผู้ที่หาญกล้ามาพิสูจน์ความร้ายกาจของมัน !