ทดสอบ(4wheels) 22 Mar 2019
SUZUKI ERTIGA VS MITSUBISHI XPANDER
4 WHEELS นำครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี 7 ที่นั่ง มิตซูบิชิ เอกซ์แพนเดอร์ มาปะทะกับ ซูซูกิ แอร์ติกา ใหม่ ที่ปรับเปลี่ยนพแลทฟอร์มใหม่ HEARTECT และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตรเท่ากัน ทดสอบเปรียบเทียบสมรรถนะ
EXTERIOR ภายนอก
บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่ใช่หน้าใหม่สำหรับตลาดรถครอบครัว 7 ที่นั่ง ขนาดเล็ก แอร์ติกา รุ่นเดิม เปิดตัวเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ยุค เชฟโรเลต์ สปิน (CHEVROLET SPIN) โตโยตา อวันซา (TOYOTA AVANZA) และเป็นคู่แข่งของ ฮอนดา โมบิลีโอ (HONDA MOBILIO) ก่อนจะมีตลาดใหม่ในแนวยกสูง ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี อย่าง บีอาร์-วี (BR-V) และ มิตซูบิชิ เอกซ์แพนเดอร์
ซูซูกิ แอร์ติกา ใหม่ ยังคงมาในแบบเอมพีวี 7 ที่นั่ง มีมิติตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง 4,395/1,735/1,690 มม. ยาวกว่ารุ่นเดิมถึง 130 มม. และกว้าง/สูงขึ้น 40/5 มม. เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง มิตซูบิชิ เอกซ์แพนเดอร์ แล้วพบว่ามีตัวเลขน้อยกว่า 80/15/10 มม. และมีใต้ท้องรถต่ำกว่า 25 มม. ทำให้ แอร์ติกา มีตัวรถที่หนากว่า (15 มม.) ช่วงล้อหน้า/หลังกว้างกว่าเดิม 30 มม. ระยะฐานล้อ 2,740 มม. เท่าเดิม
กระจังหน้าโครเมียม ไฟหน้าพโรเจคเตอร์ดูดุดันเข้ากับเส้นสายการออกแบบด้านหน้า สะดุดตาด้วยไฟท้าย LED และล้ออลูมิเนียมอัลลอยขนาด 15 นิ้ว กับยางขนาด 185/65 R15
นอกจากนี้ ในรุ่น จีเอกซ์ ยังเสริมด้วยไฟตัดหมอกทรงกลม ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง (พับด้วยไฟฟ้า) และมือจับโครเมียม รวมทั้งเส้นนำแสงแอลอีดีในชุดไฟท้าย เพิ่มความหรู
มิตซูบิชิ เลือกครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี 7 ที่นั่ง เอกซ์แพนเดอร์ ที่โดดเด่นด้วยดีไซจ์นล้ำสมัย และดึงดูดทุกสายตา คู่แข่ง ฮอนดา บีอาร์-วี (HONDA BR-V) ผู้นำตลาดใหม่ในแนวยกสูง ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี 7 ที่นั่ง ซึ่งมาพร้อมกับความสูงใต้ท้องรถ 201 มม.
เอกซ์แพนเดอร์ มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า บีอาร์-วี เล็กน้อย ด้วยมิติตัวรถ ยาว/กว้าง 4,475/1,750 สูง 1,700 มม. ในรุ่น จีที และ 1,695 มม. ในรุ่น จีแอลเอส-ลิมิเทด ส่วนระยะฐานล้อ 2,775 มม. กับความสูงใต้ท้องรถ 205 มม. ยาว/สูงกว่า บีอาร์-วี อยู่ 120/5 มม.
เอกซ์แพนเดอร์ มีจุดเด่นตรงที่ไฟหน้าขนาดใหญ่ติดตั้งในกันชนหน้า และไฟหรี่แบบแอลอีดี บนแนวฝากระโปรง ส่วนไฟท้ายแบบแอลอีดี ด้านข้างเน้นเส้นสายตอนท้าย พร้อมไฟเบรคแบบแยกส่วน และกันชนท้ายมีแผ่นสะท้อนแสงในตัว เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ติดตั้งสปอยเลอร์หลังคา พร้อมไฟเบรคดวงที่ 3 แบบ LED กระจ่างชัดเจนในทุกมุมมอง
รุ่นมาตรฐาน จีแอลเอส-ลิมิเทด ล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้ว พร้อมยางขนาด 185/65 R15 ส่วนรุ่นทอพ คือ รุ่น จีที ที่นำมาทดสอบ มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ยางขนาด 265/55 R16
INTERIOR ภายใน
ห้องโดยสารขนาด 3 แถว 7 ที่นั่ง กว้างขวาง สามารถปรับเปลี่ยนใช้งานได้อย่างเต็มที่ พวงมาลัยแบบสปอร์ทรูปตัวดี (D-SHAPE) เพิ่มพื้นที่วางขามากขึ้น พร้อมฟังค์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์ด้วยบลูทูธ เพิ่มเติมความหรูด้วยปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย และใส่ลายไม้สีเข้มที่คอนโซลหน้า แผงข้างประตูหน้า พร้อมที่วางแก้วน้ำแบบรักษาอุณหภูมิ (มีช่อง ลมเย็นจากแอร์) 2 ตำแหน่ง และปุ่มสตาร์ท/ดับเครื่องยนต์ ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ แค่พกกุญแจรีโมทไว้กับตัว ในรุ่น จีเอกซ์
เบาะนั่งสีดำ ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าเบาะจะเลอะเหมือนกับสีเบจ (รุ่นเดิม) เบาะนั่งผู้ขับปรับสูง/ต่ำได้ (รุ่น จีเอกซ์) และเอาใจคนติดโทรศัพท์ด้วยช่องเชื่อมต่อยูเอสบี และช่องจ่ายไฟสำรอง 12 โวลท์ ใต้คอนโซลหน้า/ด้านหลังคอนโซลเกียร์ สำหรับคนนั่งหลังอีก 1 จุดระบบปรับอากาศแถวหลัง ให้ความเย็นสบายรวดเร็วทั่วถึงตลอดคัน
เบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับพับแยก 60:40 พนักพิงปรับเอนได้ 2 ระดับ ปรับเลื่อนหน้า/หลัง ช่วยให้ผู้โดยสารแถวที่ 3 เข้า/ออกได้สะดวกยิ่งขึ้น เบาะนั่งแถวที่ 3 มีพื้นที่วางขาเพียงพอ พนักพิงสามารถพับแยกแบบ 50:50 หรือพับตลบไปด้านหน้า 2 จังหวะ เพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ
ผลการวัดเสียงพบว่า ระดับเสียงรบกวนในห้องโดยสาร ที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. อยู่ที่ 60/64/66/69 เดซิเบล เงียบกว่า มิตซูบิชิ เอกซ์แพนเดอร์ ไม่มาก
ห้องโดยสารกว้างและสูงที่สุดในรถระดับเดียวกัน สามารถปรับเบาะที่นั่งได้อย่างอเนก ประสงค์ ช่วงขาและช่วงไหล่รองรับผู้โดยสาร 7 คน ได้สบาย และสามารถพับเบาะราบได้เพื่อเพิ่มพื้นที่การบรรทุกสัมภาระ
ภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำ ที่เก็บของและที่วางแก้วหลายจุด ทั้งบริเวณคอนโซลกลาง ข้างประตูคู่หลัง และข้างที่นั่งแถว 3 ที่เก็บรองเท้าใต้เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า ที่เก็บของใต้ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายพร้อมฝาปิด
นอกจากนี้ ยังมีช่องจ่ายกระแสไฟฟ้า DC 12 โวลท์ อีก 3 จุด ทั้งกุญแจอัจฉริยะ และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ แผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลัง พวงมาลัยปรับระดับสูง/ต่ำ ปรับเข้า/ออก และสวิทช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย พร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์แบบ 3 มิติ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง มีระบบควบคุมความเร็วบนพวงมาลัย จอภาพระบบสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว เบาะที่นั่งหุ้มหนังและวัสดุหนังสังเคราะห์ทั้ง 3 แถว ในรุ่น จีที นอกจากนี้ ยังติดตั้งวัสดุซับเสียง เพื่อลดการสั่นสะเทือนและเสียงรบกวน
ระดับเสียงรบกวนในห้องโดยสาร วัดจากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. อยู่ที่ 61/ 64/68/71 เดซิเบล เทียบกับ ฮอนดา บีอาร์-วี แล้ว ดังกว่าเล็กน้อย
ENGINE เครื่องยนต์
เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว รหัส K15B กำลังสูงสุด 105 แรงม้า เพิ่มขึ้น 13 แรงม้า (92 แรงม้า) ที่ 6,000 รตน. เท่าเดิม แรงบิดสูงสุด 14.1 กก.-ม. ที่ 4,400 รตน. มากกว่าเดิม (13.3 กก.-ม. ที่ 4,000 รตน.) กับเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ
จากผลทดสอบดาทรอน อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ทำได้ 13.8/19.5 วินาที อัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ทำได้ 35.2 วินาที (ที่ความเร็ว 153.9 กม./ชม.) อัตราเร่งยืดหยุ่น จังหวะเร่งแซง 60-100 และ 80-120 กม./ชม. ทำได้ 7.4/10.3 วินาที เปรียบเทียบกับเอมพีวีระดับใกล้เคียงกัน อย่าง ฮอนดา โมบิลีโอ เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 120 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแปรผัน ที่ทำไว้ 11.1/18.0 วินาที และ 32.6 วินาที (ที่ความเร็ว 159.6 กม./ชม.) ถึงตัวเลขอัตราเร่งจะไม่โดดเด่น แต่ก็ดีกว่าตัวเดิม ที่ทำไว้ 15.8/20.2/36.6 วินาที และเอกซ์แพนเดอร์ ที่ทำไว้ 14.6/19.9/36.2 วินาที
ในส่วนของอัตราเร่งยืดหยุ่น เร็วกว่ารุ่น 1.4 ลิตร 1 ถึง 2 วินาที และเร็วกว่า เอกซ์แพนเดอร์ 1 วินาที ในช่วง 80-120 กม./ชม. แต่ยังตาม โมบิลีโอ ที่ทำไว้ 6.4 และ 8.1 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ที่ความเร็ว 60/80/ 100/120 กม./ชม. แอร์ติกา ทำได้ที่ 26.0/20.7/ 16.0/12.5 กม./ลิตร อยู่ในเกณฑ์ประหยัดทุกช่วง และประหยัดกว่า มิตซูบิชิ เอกซ์แพนเดอร์ ที่ทำได้ 24.7/20.2/15.4/12.3 กม./ลิตร แต่ยังไม่เท่า โมบิลีโอ ที่ทำไว้ 27.7/23.6/ 16.7/12.9 กม./ลิตร
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC MIVEC รหัส 4A91 ความจุ 1.5 ลิตร เอกซ์แพน-เดอร์ ให้กำลัง 105 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 14.3 กก.-ม. ที่ 4,000 รตน. ไม่รองรับน้ำมันแกสโซฮอล อี 85 ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่เคลมไว้ใน ECO STICKER คือ 14.5 กม./ลิตร
จากผลทดสอบดาทรอน อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาไปถึง 14.6 วินาที ช้ากว่าทั้ง ฮอนดา บีอาร์-วี 1.8 วินาที และโตโยตา ซี-เอนตา 0.7 วินาที แต่ 0-400 ม. ทำได้ 19.9 วินาที อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย ก่อนจะแผ่วปลาย อัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ใช้เวลา 36.2 วินาที
อัตราเร่งยืดหยุ่น จังหวะเร่งแซง 60-100 กม./ชม. ช่วงเร่งแซงในเมืองทำได้ 7.4 วินาที ถือว่าพอตัว ส่วน 80-120 กม./ชม. ใช้เวลา 11.3 วินาทีนั้น ทำได้พอๆ กับ ซูซูกิ แอร์ติกา 1.4 (11.4 วินาที) โดยรวมแล้วด้านสมรรถนะอัตราเร่งไม่โดดเด่นเท่า ฮอนดา บีอาร์-วี
อัตราสิ้นเปลืองวัดจากความเร็วคงที่ 60/ 80/100/120 กม./ชม. ทำได้ 24.7/20.2/15.4/12.3 กม./ลิตร อยู่ในเกณฑ์ประหยัด แต่เมื่อเทียบกับ ฮอนดา บีอาร์-วี แล้วพบว่ายังเป็นรองที่ความเร็ว 80/100 กม./ชม.
SUSPENSION ระบบรองรับ
ช่วงล่างยังคงความแน่นหนึบ เบรคหยุดรถทำได้สบาย โดยมีระบบช่วยเบรคอย่าง เอบีเอส และอีบีดี รวมทั้งระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน เข้าโค้งแคบๆ พวงมาลัยเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า บังคับควบคุมแม่นยำ ด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 ม.
ผลทดสอบเบรคที่ความเร็ว 60-0/80-0/100-0 กม./ชม. ระยะเบรค 15.0/26.5/42.8 ม. อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย เบรคมั่นใจ ดีกว่า โมบิลีโอ ที่ทำไว้ 16.1/27.9/43.3 ม. และใกล้เคียงกับ เอกซ์แพน เดอร์ ที่ทำไว้ 15.0/26.3/41.5 ม.
ระบบรองรับด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์-สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง และเหล็กค้ำหัวชอคอับ ด้านท้ายแบบทอร์ชันบีม ให้การยึดเกาะถนนที่ดี เพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการขับขี่ ด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 ม.
ระบบความปลอดภัย มีทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบป้องกันล้อลอคขณะเบรค (ABS) และระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรคแบบอีเลคทรอนิคส์ (EBD) พร้อมระบบเสริมแรงเบรค (BA) ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรคกะทันหัน (ESS) ถุงลมนิรภัยและเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับ และระบบผ่อนแรงอัตโนมัติ และเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง นอกจากนี้ ยังติดตั้งกล้องมองภาพด้านหลัง ในรุ่น จีที
ผลทดสอบเบรคที่ความเร็ว 60-0/80-0/100-0 กม./ชม. ระยะเบรค 15.0/26.3/41.5 ม. ทำได้ ค่อนข้างดี ใช้ระยะเบรคสั้นกว่า ฮอนดา บีอาร์-วี 1.6/1.9/2.3 ม.
SUZUKI ERTIGA
แอร์ติกา ใหม่ น่าจะเป็นทางเลือกสำหรับคนมีครอบครัว และต้องการรถที่สามารถใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ ในราคาระดับเดียวกับรถซีดาน 1.5 ลิตร โดยเริ่มต้นที่รุ่นมาตรฐาน จีแอล ราคา 655,000 บาท และรุ่นทอพ จีเอกซ์ ราคา 695,000 บาท
MITSUBISHI XPANDER
มิตซูบิชิ เอกซ์แพนเดอร์ หน้าตาทันสมัย สมรรถนะการขับขี่พอตัว เน้นความนุ่มสบาย ในราคา 779,000 บาท สำหรับรุ่น จีแอลเอส ลิมิเทด หรือจะเลือกหรูขึ้น ก็เป็นรุ่น จีที ราคา 849,000 บาท