ทดสอบ(formula) 31 Aug 2018
เกีย โซล อีวี และ บีวายดี อี 6
โลกยานยนต์ไม่เคยหยุดนิ่ง สิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หนึ่งในกระแสที่กำลังก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ คือ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เดิมทีอาจเป็นสิ่งที่ยังดูห่างไกลจากความเป็นจริง แต่ทุกวันนี้ เริ่มมีรถยนต์ประเภทนี้เข้ามาทำตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงบ้านเรา รถยนต์พลังงานไฟฟ้า จะมีความแตกต่างด้านการใช้งานจากรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปดั้งเดิมมากน้อยแค่ไหน เรามาทดสอบกัน 2 รุ่นรวด กับ เกีย โซล อีวี และบีวายดี อี 6
EXTERIOR ภายนอก
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่นมีรูปแบบที่แตกต่างกัน ทางฝั่ง เกีย มาในรูปแบบครอสส์โอเวอร์ พื้นฐานเดิมจากรุ่นปกติ กับ โซล อีวี เส้นสายมีความแปลกใหม่ แต่ไม่หวือหวาเท่ากับ โซล รุ่นแรก มาพร้อมกับสีสันสะดุดตา สีแดงตัดกับสีดำเข้ม รายละเอียดขององค์ประกอบต่างๆ มีการปรับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสมของการเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เช่น กระจังหน้าทรงหนา เป็นจุดติดตั้งฝาปิดแบบเลื่อนออกด้านข้างสำหรับจุดชาร์จไฟฟ้า แบ่งเป็น 2 ช่อง สำหรับการชาร์จไฟฟ้าจากครัวเรือน และการชาร์จแบบเร่งด่วน นอกจากนี้ ล้อแมกขนาด 17 นิ้ว มีลักษณะปิดทึบ เพื่อลดอากาศหมุนวนขณะแล่น ซึ่งจะส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า นอกเหนือจากนั้นแล้ว โซล อีวี คือ ครอสส์โอเวอร์ที่มีความทันสมัย ขนาดตัวพอเหมาะ ไม่จำเป็นต้องเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีขนาดเล็กเสมอไป
ทางด้าน บีวายดี อี 6 เน้นเหลี่ยมสัน เรียบง่าย แม้ดูไม่หวือหวามากนัก เน้นความเป็นเอมพีวี ขนาดพอเหมาะสำหรับการโดยสาร ด้านหน้าแสดงความเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสมัยใหม่ ด้วยกระจังหน้าลวดลายคล้ายวงจรไฟฟ้า แนวเสา เอ ค่อนข้างลาดเท กระจกหน้าต่างขนาดใหญ่ สมกับการเป็นรถที่เน้นการโดยสาร ไฟตัดหมอกแบบแอลอีดี ไฟท้ายทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ รุ่นที่เรานำมาทดสอบปรับเปลี่ยนรูปทรงของกันชนหน้าเล็กน้อย ดูภูมิฐานมากขึ้น สำหรับการใช้งานทั่วไป แต่สิ่งที่ต้องระวัง คือ ชุดแบทเตอรีที่ติดตั้งใต้ตัวถัง กินเนื้อที่ลงมาค่อนข้างมาก การขับผ่านอุปสรรคที่มีความสูงจากพื้นถนนขึ้นมา ต้องใช้ความระมัดระวังให้ดี
INTERIOR ภายใน
ห้องโดยสารของ เกีย โซล อีวี มีความกว้างขวางที่น่าพอใจ ตามแบบฉบับครอสส์โอเวอร์ระดับ ซี-เซกเมนท์ ชุดแบทเตอรีติดตั้งอยู่ข้างใต้ห้องโดยสาร ไม่กินเนื้อที่แม้แต่น้อย จุดเด่น คือ พื้นที่เหนือศีรษะที่เหลือเฟือ ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง ทั้งผู้โดยสารด้านหน้า และด้านหลัง เบาะนั่งผู้ขับปรับระดับได้สูง การตกแต่งโดยรวมเรียบง่าย วัสดุที่ใช้เป็นแบบขึ้นรูป ไม่เน้นวัสดุที่ให้ความรู้สึกหรูหรา สิ่งที่แตกต่างจากรุ่นปกติ คือ รูปแบบการแสดงผลของหน้าปัด แสดงผลของลักษณะการใช้พลังงาน ว่าระบบกำลังชาร์จไฟฟ้าจากการเบรค หรือถอนคันเร่ง แสดงให้เห็นถึงการส่งกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า ด้านบนของคอนโซลกลางมีไฟส่องสว่างจำนวน 3 ดวง สำหรับแสดงระดับของแบทเตอรีขณะกำลังชาร์จ สังเกตเห็นง่ายจากด้านนอกตัวรถ นอกจากนี้ยังระบุเปอร์เซนต์ของแบทเตอรีบนหน้าปัดอีกด้วย อุปกรณ์ใช้งานทั่วไปค่อนข้างครบครันสำหรับการใช้งานทั่วไป พื้นที่เก็บสัมภาระเหลือเฟือ จากรูปแบบตัวถังครอสส์โอเวอร์ เบาะด้านหลังพับเก็บได้ นับเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่พิสูจน์ได้ว่ามีความกว้างขวางไม่แพ้รถยนต์ปกติทั่วไป
ภายในห้องโดยสารของ บีวายดี อี 6 เน้นความเรียบง่าย แต่แฝงความทันสมัยพอสมควรตามแบบฉบับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า จุดเด่น คือ แผงมาตรวัดติดตั้งตรงกลาง แสดงผลแบบดิจิทอลล้วนๆ มาตรวัดทรงโค้งทางซ้าย คือ ระดับการใช้พลังงานของมอเตอร์ไฟฟ้า (ครึ่งบนสีเหลือง คือ ขณะกดคันเร่ง ส่วนครึ่งล่างสีเขียว คือ สถานะชาร์จไฟฟ้ากลับ จากการถอนคันเร่ง หรือเหยียบเบรค) ตรงกลางเป็นมาตรวัดความเร็วทั้งแบบเสมือนแอนาลอก และแบบดิจิทอลโดยตรง ด้านล่างเป็นตัวเลขบอกระยะทางที่สามารถแล่นได้จากระดับแบทเตอรีที่เหลืออยู่ สำหรับความกว้างขวาง ถือว่ามีให้เพียงพอ สำหรับรถยนต์ประเภท เอมพีวี เบาะคู่หน้านั่งได้ค่อนข้างสบาย และระดับการนั่งจะสูงขึ้นมาพอสมควร ทัศนวิสัยดี จากการใช้กระจกหน้าต่างที่มีขนาดใหญ่ แต่กระจกมองหลังของผู้ขับมีขนาดเล็กไปหน่อย ผู้โดยสารด้านหลังมีความกว้างขวางที่น่าพอใจเช่นกัน แต่พบว่าเบาะหลังไม่สามารถพับแยกได้ และไม่ใช่พับราบเป็นพื้นเดียวกัน
ENGINE เครื่องยนต์
เกีย โซล อีวี ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน กำลังสูงสุด 81 แรงม้า ที่ 2,730-8,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 29.1 กก.-ม. ที่ 0-2,730 รตน. แบทเตอรีแบบลิเธียม-ไอออน มีอัตราสิ้นเปลืองตามที่ผู้ผลิตระบุ คือ 142 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ขณะที่ บีวายดี อี 6 มอเตอร์มีพละกำลังที่ 121 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 45.9 กก.-ม. แบทเตอรีแบบเอฟอี ของค่าย บีวายดี วัสดุเหล็กแบบฟอสเฟท มีอัตราสิ้นเปลืองตามที่ผู้ผลิตระบุ คือ 61.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง ถือว่าเน้นการประหยัดพลังงานไฟฟ้าอย่างชัดเจน
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. โซล อีวี ทำได้ที่ 11.5 วินาที ในช่วงความเร็วสูง ระยะ 0-1,000 ม. มีตัวเลข คือ 33.6 วินาที (ที่ความเร็ว 146.6 กม./ชม.) ขณะที่อัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100 และ 80-120 กม./ชม. ทำเวลาได้ที่ 6.4 และ 8.7 วินาทีจากตัวเลขอัตราเร่งดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า โซล อีวี มีอัตราเร่งที่ดีไม่แพ้เครื่องยนต์เบนซิน ระดับ 2.0 ลิตร แรงบิดที่ส่งออกมาตั้งแต่กดคันเร่ง การตอบสนองคันเร่งจึงน่าพอใจมาก ล้อมีอาการหมุนฟรีชั่วระยะหนึ่ง ในช่วงตีนต้นสร้างความเร้าใจได้พอสมควร อย่างไรก็ตาม ความเร็วสูงสุดของรถคันนี้ถูกปรับตั้งเอาไว้ที่ประมาณ 145 กม./ชม. เท่านั้น ทำให้อัตราเร่งในช่วงระยะทาง 0-1,000 ม. ตัวเลขจึงออกมาไม่หวือหวา เหมือนกับช่วงตีนต้น และช่วงทำอัตราเร่งแบบยืดหยุ่น
ขณะที่ อี 6 คือ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 18.9 วินาที อัตราเร่ง 0-1,000 ม. ใน 39.4 วินาที (ที่ความเร็ว 131.4 กม./ชม.) ส่วนอัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100 กม./ชม. และ 80-120 กม./ชม. คือ 11.0 และ 17.2 วินาที ตามลำดับ
แม้พละกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าจะมากกว่าก็ตาม แต่ด้วยตัวถังที่มีขนาดใหญ่ และชุดแบทเตอรีที่มีขนาดใหญ่เช่นกัน ส่งผลให้ตัวรถมีน้ำหนักค่อนข้างมาก ผนวกกับการปรับแต่งมอเตอร์ไฟฟ้าให้เน้นการประหยัดเชื้อเพลิง การตอบสนองของคันเร่งจึงค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวาเหมือนกับ โซล อีวี แต่บุคลิกของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีแรงบิดสูง ทำให้การไต่ความเร็วทำได้อย่างต่อเนื่อง ผนวกกับเสียงมอเตอร์ไฟฟ้าที่ค่อนข้างเบา (เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์สันดาป) หากขับเพลินๆ อาจลืมไปเลยว่ากำลังใช้ความเร็วสูงอยู่
ขณะที่อัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า เราอาจไม่ได้วัดตัวเลขตรงๆ แต่จากสเปคระบุว่า เกีย โซล อีวี มีตัวเลขที่ 142 กิโลวัตต์ชั่วโมง และ บีวายดี อี 6 คือ 61.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง ขณะทดสอบเราสังเกตได้ว่า ระดับของแบทเตอรีของ โซล อีวี ลดลงรวดเร็วกว่า รวมถึงระยะทำการที่สั้นลง ขณะทดสอบอัตราเร่ง ต่างจาก อี 6 ที่แล่นได้ระยะทางไกลกว่า และด้วยความจุของแบทเตอรีที่มากกว่า สามารถแล่นได้นานกว่าเช่นกัน ทำให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสัญชาติจีนรุ่นนี้ เหมาะสำหรับการใช้งานบนทางไกล หรือการรับ/ส่งสาธารณะ
สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า สิ่งสำคัญ คือ จุดชาร์จ แม้ปัจจุบันจะมีบริษัทเอกชนเปิดบริการสถานีชาร์จไฟฟ้าแล้วก็ตาม แต่การชาร์จยังคงใช้เวลานาน หากเป็นกระแสไฟฟ้าตามครัวเรือน การชาร์จแบทเตอรีจนเต็มอาจต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง ในกรณีที่ใช้งานจุดชาร์จแบบเร่งด่วน อาจใช้เวลาไม่ถึง 1 ชม. สำหรับการชาร์จถึงระดับ 80 % แต่ก็ยังถือว่านานกว่าเติมน้ำมันที่ปกติจะใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีด้วยซ้ำ นับเป็นอีกจุดหนึ่งที่ผู้ใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าต้องปรับตัว และทำความคุ้นเคยให้ดี วางแผนการขับให้รอบคอบ
SUSPENSION ระบบรองรับ
เกีย โซล อีวี ปรับแต่งระบบรองรับให้ตอบสนองได้ใกล้เคียงกับรถยนต์ทั่วไป เน้นความนุ่มนวล แต่ไม่มีอาการโคลงมากจนเกินควร พวงมาลัยมีน้ำหนักเบา การขับขี่โดยรวมให้ความสะดวกสบาย ไม่ต่างจากรถยนต์ทั่วไป เสียงรบกวนในห้องโดยสารต่ำ ตามแบบฉบับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เสียงของเครื่องยนต์ถูกแทนที่ด้วยเสียงหวีดหวิวของมอเตอร์ไฟฟ้า มีเพียงเสียงลมปะทะ และเสียงจากยางขณะแล่นเท่านั้น อย่างไรก็ตามความเงียบก็มีจุดที่ต้องระวังเช่นกัน นั่นคือ บุคคลที่เดินอยู่ใกล้ตัวรถจะแทบไม่รู้ตัวเลยว่า มีรถกำลังแล่นผ่านในระยะใกล้ หากผู้ขับไม่ระมัดระวังอาจเกิดอันตรายได้ สิ่งดังกล่าวเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับ บีวายดี อี 6 นั่นคือ ห้องโดยสารที่มีเสียงรบกวนต่ำ ระบบรองรับมีความหนักแน่นมากกว่า ส่วนหนึ่งมาจากน้ำหนักตัวรถที่ค่อนข้างมาก พวงมาลัยตอบสนองช้า แต่ยังควบคุมได้ดีในสภาพการจราจรทั่วไปในตัวเมือง
รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีจุดที่ต้องปรับตัวอีกประการ คือ บุคลิกของระบบเบรค เนื่องจากการเบรคแบบปกติทั่วไป ระบบจะใช้แรงหน่วงบางส่วนมาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าด้วย ทำให้บางครั้งช่วงแรกของการเหยียบแป้นเบรคลงไป ตัวรถจะหน่วงความเร็วค่อนข้างน้อย ผนวกกับน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างมากจากชุดแบทเตอรี และยางที่เน้นการประหยัดเชื้อเพลิง ทำให้ตัวเลขระยะเบรคที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. มีผลลัพธ์ออกมาตามนี้ เกีย โซล อีวี มีตัวเลขที่ 17.2/28.6/44.4 ม. ส่วน บีวายดี อี 6 ทำได้ที่ 15.9/28.3/44.2 ม. ถือว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยของแต่ละช่วงความเร็วเล็กน้อย แต่อยู่ในระดับที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง หากมองในแง่ของการเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และบุคลิกของระบบเบรคตามที่กล่าวไปแล้ว
อนาคตรถพลังงานไฟฟ้า ขยับใกล้เข้ามาอีกขั้น
จากการทดสอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่น ทำให้เห็นภาพของรถยนต์ประเภทนี้มากขึ้น เรามีความเห็นว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้ายังคงต้องใช้เวลาพัฒนาตัวเองอีกสักระยะหนึ่ง หากจะมาทดแทนรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปในปัจจุบัน จากข้อจำกัดเรื่องการใช้งาน ตลอดจนต้นทุนที่ยังค่อนข้างสูงของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดย เกีย โซล อีวี มีราคาที่ 2,290,000 บาท และ บีวายดี อี 6 ราคา 1,800,000 บาท ถือว่าย่อมเยาลงมามาก เมื่อเทียบกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายุคก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังถือว่าสูง สำหรับรถยนต์ปกติทั่วไป สามารถซื้อรถหรู 1 คันได้สบายๆ นอกจากนี้รูปแบบการใช้งานในชีวิตประจำวันต้องปรับตัวพอสมควร จุดแรก คือ การชาร์จไฟฟ้าที่ใช้เวลานาน หากใช้ไฟฟ้าจากครัวเรือนอาจต้องใช้เวลา 6-8 ชม. พูดง่ายๆ คือ ต้องชาร์จทิ้งเอาไว้กันข้ามคืนเลยทีเดียว แม้ปัจจุบันจะมีระบบการชาร์จแบบเร่งด่วนก็ตาม ยังต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 ชม. ซึ่งถือว่านานพอสมควร เมื่อเทียบกับการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้เวลาไม่กี่นาที ในแง่นี้แล้วจุดชาร์จไฟฟ้าควรอยู่ในบริเวณชุมชน หรือห้างร้านที่ผู้เป็นเจ้าของสามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ฆ่าเวลาได้ ขณะรถยนต์ทำการชาร์จไฟฟ้า ในแง่ของการขับขี่ รถยนต์ทั้ง 2 รุ่นสะท้อนการใช้งานที่แตกต่างกันไป โดยทาง เกีย โซล อีวี เป็นเหมือนตัวแทนของรถยนต์ทั่วไปที่แล่นอยู่บนท้องถนน รูปทรงตัวถังแบบครอสส์โอเวอร์สไตล์แฮทช์แบคที่กำลังเป็นที่นิยม การใช้งานในชีวิตประจำวันถือว่ารองรับได้ดี อัตราเร่งดีในช่วงตีนต้น ตอบสนองไวทันทีที่กดคันเร่ง ระบบรองรับเน้นความนุ่มนวล เสียงรบกวนในห้องโดยสารต่ำตามแบบฉบับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยชุดแบทเตอรี ส่งกำลังไปยังมอเตอร์ มีจุดอ่อนอยู่บ้าง คือ ความเร็วปลายที่ถูกจำกัดเอาไว้ที่ประมาณ 145 กม./ชม. ในแง่การขับขี่ทั่วไปเพื่อความปลอดภัย ถือว่าไม่มีผลมากนัก แต่สำหรับผู้ที่เท้าหนัก ชอบขับขี่ช่วงความเร็วสูงอาจต้องทำใจในจุดนี้ ขณะที่ บีวายดี อี 6 สะท้อนการเป็นรถยนต์ในเชิงสาธารณะ หรือ “แทกซี” รูปทรง และอัตราเร่งอาจไม่โดดเด่นมากนัก แต่มีจุดเด่นในแง่ของพื้นที่ใช้สอย ทั้งการโดยสาร และการบรรทุกสัมภาระ และมีจุดเด่นสำคัญ คือ ความจุของแบทเตอรีที่เหลือเฟือ สามารถแล่นได้เป็นระยะทางไกล (ประมาณกว่า 300 กม. ขึ้นไป เมื่อชาร์จเต็ม) จุดที่ต้องระวัง คือ ความสูงจากพื้นถนนค่อนข้างน้อย เนื่องจากการติดตั้งชุดแบทเตอรีข้างใต้ รถรุ่นนี้เริ่มใช้งานเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการแล้วในบ้านเรา
อย่างไรก็ตาม อนาคตที่สดใสของรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ การทดสอบครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เชื่อว่าคอลัมน์ “ทดสอบ” ของเราจะได้พบเจอรถยนต์ประเภทนี้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนให้เห็นว่า ยุคสมัยของรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังค่อยๆ เรืองรองขึ้น ช้าๆ แต่มั่นคง !