ทดสอบ(formula) 29 Jun 2018
มาซดา ซีเอกซ์-5
2 ขุนพล มาซดา กลับมาทวงตำแหน่งเจ้าตลาดครอสส์โอเวอร์ระดับ 1-2 ล้านบาท ที่กำลังร้อนระอุ มาทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล อัตราเร่ง สมรรถนะ ความปราดเปรียว และความสะดวกสบาย คือ หัวข้อที่เราต้องทดสอบ เพื่อให้รู้ว่า 2 คันนี้ถูก รังสรรค์ขึ้นเพื่อเล่นเกมรูปแบบไหนในตลาดกลุ่มดังกล่าว ติดตามได้ในบทความครั้งนี้
EXTERIOR ภายนอก
มาซดา ซีเอกซ์-5 ยังคงรักษาเส้นสายในสไตล์สปอร์ทไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ แต่มีการปรับเส้นสายให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น ส่วนหน้าดูหนา พร้อมไฟหน้าทรงเรียวในแนวนอน ซุ้มโป่งล้อขนาดใหญ่ตามแบบฉบับสายพันธุ์ลุย เส้นข้างตัวถัง และแนวหลังคาดูปราดเปรียวกว่าเดิม แต่แฝงความบึกบึนเอาไว้อย่างพอเหมาะ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ซีเอกซ์-5 รุ่นล่าสุด ให้ความรู้สึกภูมิฐานกว่าอย่างเห็นได้ชัด พร้อมมาดสปอร์ทที่ดูทันสมัยกว่าเดิม
การทดสอบในครั้งนี้เรานำรุ่นทอพของเครื่องยนต์เบนซิน และรุ่นทอพของเครื่องยนต์ดีเซลมาพร้อมกัน ทำให้เห็นว่า เมื่อมองจากภายนอกแล้ว รูปทรงของทั้ง 2 รุ่นมีความใกล้เคียงกันมาก ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งโดยรวม รวมถึงล้อแมกขนาด 19 นิ้ว ส่วนหนึ่งจากการที่ผู้ผลิตถอดรุ่นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตรออกไปจากทางเลือก ทำให้รุ่นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร มีระดับการตกแต่งที่สมน้ำสมเนื้อกว่าเดิม จุดแตกต่างที่พอจะสังเกตเห็นได้ง่าย คือ รุ่นเครื่องยนต์เบนซินจะไม่ติดตั้งซันรูฟมาให้
INTERIOR ภายใน
มาซดา ซีเอกซ์-5 ปรับปรุงห้องโดยสารขึ้นมาอีกระดับ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ จุดที่สังเกตได้ทันที คือ ความกว้างขวางที่มากขึ้น โดยเฉพาะผู้โดยสารด้านหลัง ตำแหน่งของเบาะหลังต่ำลงมาเล็กน้อย แต่องศาของพนักพิงหลังทำมุมลาดเอียงกว่าเดิม ปรับเอนได้ 1 ระดับ ทำให้นั่งได้สบาย ระยะช่วงขารวมถึงพื้นที่เหนือศีรษะเหลือเฟือ ไม่อึดอัดเหมือนรุ่นก่อน หากใครที่ใช้งานในชีวิตประจำวันกับผู้โดยสารไม่เกิน 4-5 คน (เนื่องจากเบาะมี 2 แถว 5 ตำแหน่ง) พื้นที่ใช้สอยของ ซีเอกซ์-5 ถือว่าน่าพอใจมาก มีความกว้างขวางที่เหมาะสมตามแบบฉบับครอสส์โอเวอร์สไตล์ เอสยูวี แม้คู่แข่ง ฮอนดา ซีอาร์-วี จะมีเบาะ 3 แถว 7 ตำแหน่งก็ตาม
ดูจากพื้นที่ใช้สอยแล้ว การตกแต่งโดยรวมทันสมัยขึ้น ภายใต้ความคุ้นเคยในมาดสปอร์ทของค่าย มาซดา ช่องแอร์ถูกออกแบบให้เป็นทรงเหลี่ยม รวมถึงพวงมาลัยที่เน้นความเข้มด้วยทรงเหลี่ยมเช่นกัน มาตรวัดแบบ 3 วง ดูไม่หวือหวามากนัก รวมถึงปุ่มใช้งานระบบปรับอากาศที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก ภายในตกแต่งด้วยชุดหนังเย็บประณีตสมราคา ตำแหน่งเบาะผู้ขับค่อนข้างสูง ทัศนวิสัยดี แม้ตัวเบาะไม่โอบกระชับสรีระมากนัก นอกจากนี้เราพบว่าครอสส์โอเวอร์รุ่นล่าสุดจาก มาซดา ติดตั้งระบบแสดงผลสะท้อนแสงผ่านกระจกหน้าอย่างแท้จริง นอกจากแสดงผลความเร็วแล้วยังมีข้อมูลของระยะห่างจากรถคันหน้าของระบบครูสคอนทโรลแปรผันความเร็ว มองเห็นได้ชัดเจนแม้ในเวลากลางวัน ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน
รุ่นทอพของเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล ยังคงมีการตกแต่งห้องโดยสารที่ใกล้เคียงกัน รวมถึงบรรดาอุปกรณ์ใช้สอย และระบบเครื่องเสียงของ BOSE ก็มีติดตั้งมาให้ เฉพาะในรุ่นทอพของเครื่องยนต์ดีเซลถึงจะมีซันรูฟมาให้ แต่มีขนาดค่อนข้างเล็ก เปิดรับทิวทัศน์ภายนอกสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าเท่านั้น เปิด/ปิดด้วยไฟฟ้าโดยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว ส่วนคู่แข่งต่างเซกเมนท์ที่มีราคาย่อมเยากว่าอย่าง เอมจี เซดเอส ก็ยังติดตั้งซันรูฟแบบพาโนรามิคมาให้
ENGINE เครื่องยนต์
มาซดา ซีเอกซ์-5 รุ่นเบนซิน ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 165 แรงม้า ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า (ไม่มีทางเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ) เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ คู่แข่งที่เรานำมาเปรียบเทียบ เป็นใครไม่ได้ นอกจาก ฮอนดาซีอาร์-วี เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร ตัวทอพ ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา กำลังสูงสุด 175 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแปรผัน
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. มาซดา ซีเอกซ์-5 ทำได้ที่ 11.5 วินาที ขณะที่ ฮอนดา ซีอาร์-วี คือ 11.0 วินาที ต่อกันด้วยช่วงความเร็วสูง อัตราเร่ง 0-1,000 ม. ซีเอกซ์-5 ทำเวลาได้ใน 32.9 วินาที (ที่ความเร็ว 161.9 กม./ชม.) ส่วน ซีอาร์-วี มีตัวเลขที่ 32.2 วินาที (ที่ความเร็ว 168.5 กม./ชม.) สุดท้าย คือ อัตราเร่งยืดหยุ่นที่ 80-120 กม./ชม. ทาง มาซดา ทำได้ที่ 7.6 วินาที ขณะที่ ฮอนดา คือ 7.3 วินาที
จากตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าแม้ มาซดา ซีเอกซ์-5 จะมีขนาดเครื่องยนต์ที่เล็กกว่า และพละกำลังน้อยกว่า แต่ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า และเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีความฉับไวตีตื้นขึ้นมาได้อย่างสูสี ใครที่ใช้งานในทางเรียบเป็นหลัก ถือว่ามีความใกล้เคียงกันในแง่ของสมรรถนะ จุดอ่อนมีเพียงขาดทางเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มาให้ ต่างจากทาง ฮอนดา ที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ทั้ง 2 รุ่น เบนซิน และดีเซล ถือเป็นความหลากหลายในแง่ของระบบส่งกำลังที่มีทางเลือกมากกว่า
ขณะที่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. มาซดา ซีเอกซ์-5 (เครื่องยนต์เบนซิน) ทำได้ตามนี้ คือ 28.4/23.4/16.4/13.2 กม./ลิตร ขณะที่ ฮอนดา ซีอาร์-วี มีตัวเลขที่ 19.0/16.7/13.6/10.3 กม./ลิตร (ทางฝั่ง ฮอนดา สามารถรองรับน้ำมันเบนซิน อี 85 ได้) จากตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-จี ขนาด 2.0 ลิตร มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยม ทิ้งห่างเครื่องยนต์เบนซิน ใหญ่กว่า ขนาด 2.4 ลิตรของ ฮอนดา อย่างเห็นได้ชัด แม้เป็นการพัฒนาต่อยอดจากเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-จี บลอคก่อนหน้านี้ แต่ประสิทธิภาพของขุมพลังถือว่าอยู่ในระดับหัวแถว ไม่เปลี่ยนแปลงในแง่ของการเป็นเครื่องยนต์เบนซิน
หันมาทางด้านเครื่องยนต์ดีเซล คู่เปรียบ-เทียบยังคงเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนมาเป็นตัวทอพเครื่องยนต์ดีเซล ฝั่ง มาซดา ซีเอกซ์-5 ใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร กำลังสูงสุด 175 แรงม้า รุ่นทอพ เอกซ์ดีแอล ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ขณะที่ ฮอนดา ซีอาร์-วี ใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 1.6 ลิตร กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาเช่นกัน
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. มาซดา ซีเอกซ์-5 ทำได้ที่ 9.7 วินาที ส่วน ฮอนดา ซีอาร์-วี คือ 11.0 วินาที ต่อกันด้วยช่วงความเร็วสูง อัตราเร่ง 0-1,000 ม. ซีเอกซ์-5 ทำเวลาได้ใน 31.1 วินาที (ที่ความเร็ว 168.9 กม./ชม.) ทางด้าน ซีอาร์-วี มีตัวเลขที่ 32.7 วินาที (ที่ความเร็ว 158.8 กม./ชม.) สุดท้าย คือ อัตราเร่งยืดหยุ่นที่ 80-120 กม./ชม. ทาง มาซดา ทำได้ที่ 6.3 วินาที ขณะที่ ฮอนดา คือ 7.9 วินาที
สมรรถนะของเครื่องยนต์ดีเซลในครอสส์โอเวอร์แต่ละรุ่นมีความแตกต่างในแง่ของสมรรถนะ ทางฝั่ง มาซดา ซีเอกซ์-5 อาศัยขนาดเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า พละกำลังที่มากกว่า และเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (ซีอาร์-วี เครื่องยนต์ดีเซลให้มาถึง 9 จังหวะ) อัตราเร่งในแต่ละช่วงค่อนข้างทิ้งห่างพอสมควร การตอบสนองคันเร่งของ ซีเอกซ์-5 ค่อนข้างฉับไว ในช่วงรอบเครื่องยนต์ต่ำอาจตอบสนองช้าเล็กน้อยเท่านั้น แต่ยังขับขี่ได้ไหลลื่น
ขณะที่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ความ เร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. มาซดา ซีเอกซ์-5 (เครื่องยนต์ดีเซล) ทำได้ตามนี้ คือ 30.1/24.5/ 18.6/14.5 กม./ลิตร ขณะที่ ฮอนดา ซีอาร์-วี มีตัวเลขที่ 25.3/20.5/17.4/13.9 กม./ลิตร ครอสส์โอเวอร์ทั้ง 2 รุ่นต่างแสดงให้เห็นถึงตัวเลขการประหยัดเชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยมของเครื่องยนต์ดีเซลยุคใหม่ อย่างไรก็ตาม มาซดา ซีเอกซ์-5 สำแดงประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-ดี ให้เห็น ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีกว่า เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.6 ลิตรของ ฮอนดา ซีอาร์-วี โดยเฉพาะในช่วงความเร็วต่ำ ซีเอกซ์-5 มีการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยมไม่แพ้เครื่องยนต์ขนาดเล็กของอีโคคาร์ด้วยซ้ำ ขณะที่ช่วงความเร็วสูง (มากกว่า 100 กม./ชม.) อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอาจสูงขึ้นบ้าง แต่โดยรวมยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เหนือกว่าคู่แข่ง รวมถึงเครื่องยนต์เบนซินอย่างชัดเจน แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพรอบด้านของเครื่องยนต์ สกายแอคทีฟ-ดี ที่พัฒนาต่อเนื่องจากรุ่นก่อนหน้านี้
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระบบรองรับของ มาซดา ซีเอกซ์-5 มีความหนึบในระดับที่เหมาะสม เพิ่มความนุ่มนวลเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ ความรู้สึกขณะบังคับเลี้ยวยังแฝงมาดสปอร์ท ตอบสนองได้ดังใจ มีความหนักหน่วงเล็กน้อยที่ช่วงความเร็วต่ำ ตัวรถมีความมั่นคงเป็นอย่างดี ทั้งในทางโค้ง และช่วงความเร็วสูง การแล่นผ่านคอสะพานมีความนิ่ง ไม่โคลงเคลง และไม่แข็งกระด้างเกินไป บุคลิกของระบบรองรับ และการบังคับควบคุมถือว่าใกล้เคียงกันทั้งในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง ฮอนดา ซีอาร์-วี รุ่นล่าสุด มีความหนักแน่นเช่นกัน การควบคุมก็แม่นยำสูสี แต่ในแง่ความคล่องแคล่วอาจเป็นรอง มาซดา ซีเอกซ์-5 เล็กน้อย เนื่องจากมีขนาดตัวถังที่เล็กกว่า
ทางด้านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อใน มาซดา ซีเอกซ์-5 ตัวทอพ เน้นการใช้งานบนทางเรียบมากกว่าเส้นทางสมบุกสมบัน มันจะทำงานแปรผันตามสภาพพื้นผิวได้เองโดยอัตโนมัติ แต่ของ ซีอาร์-วี คนขับสามารถเลือกที่จะลอคระบบขับเคลื่อน 4 ล้อได้เอง นับว่าทางฝั่ง ฮอนดามีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาที่มีความหลากหลายกว่า
ส่วนหัวข้อประสิทธิภาพระบบเบรค ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. ทางด้าน มาซดา ซีเอกซ์-5 เครื่องยนต์เบนซิน ทำระยะเบรคได้ที่ 14.9/26.3/41.8 ม. (เทียบกับ ฮอนดา ซีอาร์-วี รุ่นเบนซิน คือ 15.0/26.2/42.0 ม.) ขณะที่ ซีเอกซ์-5 เครื่องยนต์ดีเซล มีระยะเบรคที่ 15.1/26.5/42.1 ม. (เทียบกับ ซีอาร์-วี เครื่องยนต์ดีเซล มีตัวเลขที่ 14.7/26.2/42.1) แสดงให้เห็นว่า เอสยูวี แต่ละรุ่นมีระบบเบรคที่ดีทัดเทียมกัน ระยะเบรคที่ทำได้ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีของรถยนต์ประเภทนี้ แม้จะมีตัวถังทรงสูง น้ำหนักตัวมากกว่ารถเก๋งทั่วไปที่มีระดับราคาใกล้เคียงกัน และขนาดยางมีความแตกต่างกันเล็กน้อยก็ตามที ขณะเบรคให้ความรู้สึกมั่นคงดีมาก
จุดเด่นของ ซีเอกซ์-5 คือ ระบบความปลอดภัย ที่ล้ำหน้า ซึ่งมีติดตั้งมาแล้วในรถยนต์ของ มาซดา หลายรุ่นที่ทำตลาดไปก่อนหน้านี้ เช่น ระบบครูสคอนทโรลแปรผันความเร็ว ปรับระยะห่างจากคันหน้าได้ตามต้องการ สามารถหน่วงความเร็วตามรถคันหน้าอย่างได้ผล การหน่วงความเร็วอาจไม่นุ่มนวลเท่าที่ควรหาผู้ขับปรับตั้งระยะห่างจากรถคันหน้าค่อนข้างประชิด นอกจากนี้ยังมีระบบเตือนเมื่อมีรถแล่นมาด้านหลังขณะทำการถอยรถ มีประโยชน์สำหรับรถ เอสยูวี ที่มีขนาดตัวหนากว่ารถเก๋งทั่วไป นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมทิศทางพวงมาลัย เมื่อรถแล่นออกนอกเลนโดยไม่เจตนา (นอกเหนือจากการส่งสัญญาณเตือน เมื่อระบบทำงาน) แต่ระบบเตือนจุดอับสายตาด้านหลังใช้การเตือนด้วยสัญญาณไฟบนกระจกมองข้าง และสัญญาณเสียงเท่านั้น น่าเสียดายที่รถรุ่นนี้ไม่มีระบบช่วยจอดอัตโนมัติมาให้ ทั้งที่มีเซนเซอร์รอบคันเช่นนี้ รวมถึงกล้องมองรอบคัน สำหรับการถอยจอดในที่แคบ
การวางตำแหน่งรุ่นย่อยทั้ง 2 เครื่องยนต์ของ มาซดา ซีเอกซ์-5 คือ ความแตกต่างกันในแง่ค่าตัว โดยในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน รุ่นทอพ 2.0 เอสพี ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ไม่น้อยหน้าเครื่องยนต์ดีเซลตัวทอพ เอกซ์ดีแอล รวมถึงรูปทรงภายนอกของตัวถัง พร้อมระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ มีราคาที่ย่อมเยาลงมาในระดับที่เหมาะสม สำหรับผู้ที่ไม่เน้นอัตราเร่งมากนัก และสูสีทั้งการตกแต่ง และความหรู รวมถึงระบบความปลอดภัย แต่เรามีความรู้สึกว่า ศักยภาพของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ ฉายแววเด่นชัดในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ภายใต้สมรรถนะที่เหนือกว่าเครื่องยนต์เบนซิน และยังเหนือกว่าด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยม ทำได้ดีกว่าคู่แข่งอย่าง ซีอาร์-วี ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กกว่าด้วยซ้ำ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา แม้จะแลกกับราคาที่ค่อนข้างสูงตามมา (มีรุ่นระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าเป็นทางเลือกด้วย) แต่นับว่าคุ้มค่ากับเป็นครอสส์โอเวอร์ทรงสวย ทันสมัย มีความอเนกประสงค์ ลงตัวทั้งสมรรถนะ และการประหยัดเชื้อเพลิงเช่นนี้ ช่วยยืนยันว่าขุมพลังดีเซลของ มาซดา เหมาะสมกับการเป็นรถยนต์รุ่นทอพ มีจุดเด่นรอบด้านในแบบที่เครื่องยนต์เบนซินไม่สามารถทำได้