ทดสอบ(formula) 29 May 2018
เอมจี เซดเอส
กระแสรถครอสส์โอเวอร์ ยังคงไดัรับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ลำพังเรื่องพื้นที่ใช้สอย และการใช้งานที่หลากหลาย อาจเป็นคุณสมบัติที่ธรรมดาไปแล้วในปัจจุบันนี้ ค่ายรถที่ต้องเข้ามาร่วมวงในตลาดรถยนต์กลุ่มนี้ จึงต้องมี “หมัดเด็ด” เพื่อเรียกความสนใจจากลูกค้าที่แหวกแนวกว่าที่เคย หนึ่งในนั้น คือ ค่ายรถน้องใหม่ มาแรง กับการส่งครอสส์โอเวอร์รุ่นใหม่มาลุยตลาดในเซกเมนท์นี้อย่างอาจหาญ นั่นคือ เอมจี เซดเอส
EXTERIOR ภายนอก
ในบ้านเรา เอมจี เซดเอส จัดเป็นครอสส์-โอเวอร์ลำดับที่ 2 ของค่ายรถแห่งนี้ ถัดจากรุ่นพี่อย่าง จีเอส แม้เป็นรุ่นน้อง ขนาดเล็กกว่า แต่มีความสดใหม่ เส้นสายทันสมัยไม่แพ้รถยนต์ของค่ายรถสัญชาติอื่น ด้านหน้าเน้นกระจังหน้าขนาดใหญ่โต ขนาบข้างด้วยไฟหน้าทรงเหลี่ยมเฉียง สันเหลี่ยมข้างตัวถัง คมเข้ม ชัดเจน รับกับส่วนท้ายที่ออกแบบได้อย่างลงตัว รูปทรงของไฟท้ายที่ลงตัวกับกันชน ขาดไม่ได้สำหรับรถยนต์ในสไตล์ครอสส์โอเวอร์กับราวแรคหลังคา ในรุ่นทอพ 1.5 เอกซ์ ติดตั้งล้อแมกขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางคุณภาพดีของ โยโกฮามา แอดวานเดซิเบล (รุ่นย่อยอื่นๆ จะเป็นล้อแมก 16 นิ้ว และยาง แมกซ์ซิส)
โดยรวมแล้ว เซดเอส มีเส้นสายที่บ่งบอกความสปอร์ท ขนาดตัวใหญ่เกินคาด ใกล้เคียงกับรุ่นพี่อย่าง จีเอส ด้วยซ้ำ โดย เซดเอส มีความยาว 4,314 มม. และระยะฐานล้อ 2,585 มม. เมื่อเทียบกับครอสส์โอเวอร์ระดับ บี-เซกเมนท์ เครื่องยนต์ 1.5-1.6 ลิตร ถือว่าใหญ่โตเอาเรื่อง จะมียกเว้นเพียงคู่แข่งที่เน้นพื้นที่ใช้สอยเต็มพิกัดอย่าง ฮอนดา บี-อาร์วี เท่านั้น
INTERIOR ภายใน
อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่า รถยนต์ในกลุ่มครอสส์โอเวอร์มีการแข่งขันที่ดุเดือด ใครที่เข้ามาหมายจะช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดจะต้องมี “หมัดเด็ด” เข้าต่อกรกับบรรดาคู่แข่ง แน่นอนว่า เอมจี เซดเอส ก็มีสิ่งนี้เช่นกัน นั่นคือ อุปกรณ์ใช้สอยที่ล้ำสมัย และมีความโดดเด่น มีชื่อว่าระบบ ไอ-สมาร์ท สามารถส่งข้อมูลแสดงสถานะของตัวรถไปยังแอพพลิเคชันของเจ้าของรถ (ต้องลงทะเบียนกับทางผู้จัดจำหน่าย) เพื่อแสดงข้อมูลว่ารถยนต์อยู่ตรงไหน มีการเคลื่อนไหวหรือไม่ (ในกรณีกำลังถูกโจรกรรม) รวมถึงข้อมูลที่จำเป็น เช่น แรงดันลมยาง เป็นต้น โดยใช้สัญญาณมือถือผ่านซิมคาร์ดที่ฝังในตัวรถ (ค่าย ทรู ใช้งานฟรี 3 ปี ภายใต้จำนวนการใช้ข้อมูลที่เหมาะสม) นอกจากการแสดงผลแล้ว เจ้าของสามารถสั่งงานให้รถทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ได้จากระยะไกล เพื่อให้ระบบปรับอากาศทำงานล่วงหน้า โดยจะทำงานเป็นเวลานานไม่เกิน 10 นาที จนกว่าเจ้าของรถจะมาถึง และปลดลอคประตู มีประโยชน์ยามจอดทิ้งไว้กลางแจ้ง ตัวรถโดนแสงแดด ระบบดังกล่าวช่วยเพิ่มความสบาย ตั้งแต่ขึ้นรถกันเลยทีเดียว
นอกจากระบบแสดงผล และสั่งงานการสตาร์ทรถระยะไกล เซดเอส ยังมีระบบสั่งงานด้วยเสียง รองรับภาษาไทยเป็นรุ่นแรกๆ ก็ว่าได้ (เพราะภูมิภาคอื่นในโลกไม่มีใครใช้ภาษาไทย) การทำงานของระบบสั่งงานด้วยเสียงจะเริ่มขึ้น เมื่อผู้ขับกดปุ่มบนคอพวงมาลัย หรือ พูดคำว่า “เฮลโล เอมจี” หากระบบสามารถตรวจจับเสียงพูดได้ชัดเจน จะตอบกลับเป็นคำพูดให้ผู้ขับได้ยิน การสั่งงานด้วยเสียงมีความหลากหลาย และทางผู้ผลิตพยายามปรับปรุงให้สามารถรองรับประโยคทั่วๆ ไปได้ เช่น หากต้องการให้รถเพิ่มความเย็นภายในห้องโดยสาร นอกจากคำสั่งควบคุมระบบปรับอากาศโดยตรง ผู้ขับสามารถพูดประโยคทำนองว่า “ร้อนจังเลย” (หลังการเริ่มใช้ระบบสั่งงานด้วยเสียง) ระบบจะทวนประโยคของเราอีกครั้ง หากผู้ขับตอบรับ ระบบก็จะปรับอุณหภูมิทันที นอกจากนี้ยังสามารถเปิดหลังคาซันรูฟ แบบพาโนรามิคด้วยคำสั่งเสียงด้วย
จากการทดสอบการใช้ระบบดังกล่าว พบว่าในช่วงแรกอาจต้องทำความคุ้นเคยเล็กน้อย รวมถึงรูปแบบการพูดคำสั่ง ระบบสามารถตรวจพบคำสั่งเสียงเริ่มต้น (นั่นคือ “เฮลโล เอมจี”) ได้ค่อนข้างดี แต่หากมีเสียงรบกวนจากภายนอก บางครั้งระบบก็ไม่สามารถตอบสนองต่อคำสั่งด้วยเสียง การสั่งงานด้วยภาษาไทยเป็นความแปลกใหม่ ที่น่าสนใจไม่น้อย และในบางครั้งราวกับว่ารถสามารถพูดคุยโต้ตอบกับเราได้ นอกจากเรื่องความทันสมัยแล้ว การสั่งงานด้วยเสียงยังมีส่วนช่วยเรื่องความปลอดภัยขณะขับขี่ เพราะผู้ขับไม่จำเป็นต้องละมือ และสายตามาจากปุ่มควบคุมต่างๆ ให้ยุ่งยาก อาศัยการสั่งงานด้วยเสียงแทนที่ นับเป็นอีกหนึ่งความโดดเด่น ของครอสส์โอเวอร์รุ่นนี้ ที่หาไม่ได้ในรถยนต์ราคาแพงระดับล้านบาทด้วยซ้ำไป !
ENGINE เครื่องยนต์
เอมจี เซดเอส ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ดูแล้วตกยุคไปหน่อย ขณะที่คู่แข่งที่เรานำมาเปรียบเทียบสมรรถนะ คือ ครอสส์โอเวอร์ระดับใกล้เคียงกันในแง่ของขนาดเครื่องยนต์ และราคา นั่นคือ ฟอร์ด อีโคสปอร์ท เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 110 แรงม้า และ ฮอนดา บี-อาร์วี เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 117 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแปรผัน
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เซดเอส ใช้เวลา 16.4 วินาที ถัดมา คือ อีโคสปอร์ท คือ 14.0 วินาที และ บี-อาร์วี อยู่ที่ 12.8 วินาที แสดงให้เห็นว่าแม้ตัวเลขแรงม้าสูงสุดจะใกล้เคียงกัน แต่ บี-อาร์วี ที่มีขนาดตัวใหญ่สุด กลับมีอัตราเร่งที่โดดเด่น ขณะที่ครอสส์โอเวอร์จาก เอมจี โดนทิ้งห่างค่อนข้างชัดเจน
อัตราเร่ง 0-1,000 ม. เซดเอส มีตัวเลขที่ 37.6 วินาที (ที่ความเร็ว 142.0 กม./ชม.) อีโคสปอร์ท ทำได้ 35.4 วินาที (ที่ความเร็ว 149.7 กม./ชม.) และ บี-อาร์วี คือ 34.2 วินาที (ที่ความเร็ว 156.2 กม./ชม.) แม้ในช่วงความเร็วตีนปลาย อัตราเร่งของ เอมจี เซดเอส ก็ไม่โดดเด่นเท่าใดนัก แต่เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบายๆ
อัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100/80-120 กม./ชม. เซดเอส ทำเวลาได้ 8.3/12.3 วินาที ขณะที่ อีโคสปอร์ท คือ 7.8/10.3 วินาที และ บี-อาร์วี มีตัวเลขที่ 7.1/9.0 วินาที ส่วนต่างของอัตราเร่งในแต่ละส่วน บ่งบอกว่า เอมจี เซดเอส อาจไม่ใช่จุดเด่นของรถรุ่นนี้ การใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ทำให้ช่วงความเร็วตั้งแต่ 100-120 กม./ชม. ขึ้นไป มีการใช้รอบเครื่องยนต์สูงเอาการ (หากเทียบกับรถยนต์ในยุคปัจจุบัน) เราคิดว่าความเร็วที่เหมาะสมของรถรุ่นนี้ ไม่ควรเกินกว่า 110-120 กม./ชม. และเพลิดเพลินกับอุปกรณ์ที่ล้ำสมัยของตัวรถ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
หัวข้อถัดมา คือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. เอมจี เซดเอส ทำได้ที่ 22.7/19.3/16.6/12.9 กม./ลิตร ส่วน ฟอร์ด อีโคสปอร์ท คือ 23.0/20.5/15.9/12.4 กม./ลิตร ปิดท้ายด้วย ฮอนดา บี-อาร์วี มีตัวเลขที่ 25.1/22.1/17.0/12.8 กม./ลิตร ในช่วงความเร็วต่ำ เซดเอส มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่น่าพอใจ ตัวเลขใกล้เคียงคู่แข่ง ส่วนช่วงความเร็วสูงสูสีกับ บี-อาร์วี
SUSPENSION ระบบรองรับ
หนึ่งในทีเด็ดที่เราพบจากการทดสอบรถยนต์ยี่ห้อ เอมจี นั่นคือ ระบบรองรับที่ให้ความรู้สึกน่าพอใจ กับความหนึบที่พอเหมาะ แต่ไม่กระด้าง สมความเป็นรถยนต์ที่มีสายเลือดผู้ดี พวงมาลัยตอบสนองดี หนักแน่น ควบคุมง่าย
ประสิทธิภาพของระบบเบรค ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. เซดเอส มีระยะเบรคที่ 16.0/ 27.2/41.7 ม. อีโคสปอร์ท ทำได้ที่ 17.2/29.9/47.9 ม. ปิดท้ายด้วย บี-อาร์วี มีตัวเลขที่ 16.6/28.2/ 43.8 ม. ถือว่า เซดเอส สามารถโต้กลับคืนมาด้วยระยะเบรคที่น่าพอใจ ส่วนหนึ่งมาจากการใช้ระบบเบรคแบบจานทั้ง 4 ตำแหน่ง และการใช้ยางที่มีเนื้อนุ่ม
ตลาดรถยนต์กลุ่มครอสส์โอเวอร์ นับจากนี้จะมีความสนุกสนานยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน แต่ละเจ้าต่างก็มีจุดเด่นในตัว ไม่เว้นแม้แต่ เอมจี เซดเอส งัดไม้ตาย ด้วยระบบใช้งานขณะขับขี่ที่ล้ำสมัย เกินกว่าราคาค่าตัวไปไกล เช่น ระบบสั่งงานผ่านมือถือ รวมถึงการสตาร์ทเครื่องยนต์ล่วงหน้าจากระยะไกล และระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย นับเป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัยกว่ารถยนต์ราคาหลักล้านบาทด้วยซ้ำไป ระบบรองรับน่าพอใจเช่นกัน มีจุดต้องติติงอยู่บ้าง คือ เครื่องยนต์สมรรถนะไม่โดดเด่นเท่าใดนัก ทางที่ดีควรหันมาคบกับเกียร์อัตโนมัติ หรืออัตโนมัติแปรผันก็ยังดี รถคันนี้จึงเหมาะกับการขับแบบไม่รีบร้อน ใช้ความเร็วสบายๆ และอยู่ท่ามกลางความทันสมัยของระบบสั่งงานด้วยเสียง ดูจะเหมาะสม และลงตัวที่สุดแล้ว