ทดสอบ(formula) 28 May 2017
บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 1
ครอสส์โอเวอร์ รุ่นเล็ก ทายาทลำกับที่ 2 จากค่าย บีเอมดับเบิลยู กับการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าเป็นครั้งแรก ภายใต้เส้นสายที่คมเข้ม การขับขี่สะดวกสบาย แต่สามารถรักษา "ดีเอนเอ" ของการเป็นค่ายรถจากแคว้นบาวาเรีย ที่สืบทอดมายาวนาน ได้ดีแค่ไหน งานนี้ต้องลองให้รู้กับ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 1 เอสดไรฟ 18 ดี
EXTERIOR ภายนอก
บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 1 รุ่นล่าสุด เป็นทายาทลำดับที่ 2 ของสายพันธุ์ลุยรุ่นเล็กประจำค่าย เส้นสายมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมพอสมควร จากรุ่นก่อนหน้านี้ที่เน้นความเรียบง่าย จนเกือบจะเป็นครอสส์โอเวอร์ที่ผสมผสานความเป็นรถสเตชันแวกอน แต่ในรุ่นล่าสุดมีความคมเข้มมากกว่าเดิม มีความเป็นครอสส์โอเวอร์สไตล์ เอสยูวี มากขึ้น ใกล้เคียงกับบรรดารุ่นพี่ รุ่นใหญ่ทั้งหลาย เช่น เอกซ์ 3 หรือ เอกซ์ 5 กระจังหน้าขนาดใหญ่ เส้นด้านข้างที่พาดตรงตลอดแนวตัวถัง บั้นท้ายบึกบึน ประตูบานท้ายขนาดใหญ่ แม้ความสูงจากพื้นถนนจะไม่มากเท่ากับ เอสยูวี พันธุ์แท้ แต่โดยรวมแล้ว เอกซ์ 1 มีมาดลุยที่แฝงอยู่อย่างน่าพอใจ ผสมความโฉบเฉี่ยวตามแบบฉบับรถยนต์สมัยใหม่ รุ่นที่ทำตลาดในบ้านเราติดตั้งชุดตกแต่ง เอกซ์ ไลน์ ได้แก่ ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว ชุดตกแต่งตัวถังรอบคัน พร้อมแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถ
ในแง่ของมิติตัวถัง เอกซ์ 1 มีความยาว 4,439 มม. และความสูง 1,612 มม. ถือว่ามีขนาดตัวโดยรวมใหญ่กว่าคู่แข่งโดยตรงอย่าง เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอ ซึ่งมีมิติตัวถังที่ 4,417 และ 1,524 มม. ตามลำดับ นอกจากนี้ เส้นสายครอสส์โอเวอร์ ของค่ายดาว 3 แฉก จะเน้นความปราดเปรียว ใกล้เคียงกับรถแฮทช์แบคมากกว่า ขณะที่อีกหนึ่งคู่แข่งสัญชาติเยอรมัน เพิ่งเปิดตัวในบ้านเราเมื่อไม่นานอย่าง เอาดี คิว 5 เน้นมาดเหลี่ยม เรียบง่าย และผสมมาดสปอร์ท มิติตัวถังที่ 4,389 และ 1,590 มม.
INTERIOR ภายใน
แม้ เอกซ์ 1 จะเป็นครอสส์โอเวอร์ที่เพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นาน แต่การออกแบบห้องโดยสารยังเน้นความเรียบง่าย และเอกลักษณ์ที่คุ้นเคยของค่าย บีเอมดับเบิลยู เอาไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของแผงคอนโซลหน้า ปุ่มใช้งานแบบมือหมุน 2 อัน ทำมุมเอียงเข้าหาคนขับเล็กน้อย จอแสดงผลทรงแบน มาตรวัดแบบแอนาลอกแบบ 2 วง แป้นหมุนควบคุมระบบความบันเทิง เนวิเกเตอร์ และการแสดงผลบางระบบ คือ สิ่งที่สามารถพบเจอได้ใน บีเอมดับเบิลยู รุ่นอื่น ไม่ว่าจะตัวถังซีดาน หรือครอสส์โอเวอร์สไตล์ เอสยูวี ก็ตาม
สิ่งที่แตกต่างอยู่บ้าง คือ ความเรียบง่ายที่ เอกซ์ 1 ถูกเน้นเป็นพิเศษ ราวกับผู้ผลิตต้องการให้รถรุ่นนี้สามารถใช้งานในวงกว้าง ขับขี่ และโดยสาร สะดวกสบาย ทั้งชายและหญิง คันเกียร์ที่ใช้เป็นแบบทรงยาว ต่างจากรถร่วมค่ายบางรุ่นเป็นคันเกียร์ทรงสปอร์ท กระชับสั้น รูปทรงโค้งมน พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน รูปทรงเรียบง่าย ในความเห็นของเรามีความรู้สึกว่า 2 สิ่งนี้ทำให้ตัวรถดูไม่ทันสมัย และลดทอนมาดสปอร์ทของตัวรถมากไปหน่อย ถึงจะเป็น ครอสส์โอเวอร์ น้องเล็กก็ตามที รถที่เรานำมาทดสอบใช้เบาะหุ้มหนังสีน้ำตาล เช่นเดียวกับแผงข้างประตู และวัสดุตกแต่งบางส่วน หากเลือกใช้สีดำดูจะลงตัวกว่านี้ (การตกแต่งสามารถเลือกสีได้)
อย่างไรก็ตามสิ่งที่พอใจมาก คือ พื้นที่ห้องโดยสารที่ได้รับการพัฒนาจากรุ่นก่อนหน้านี้พอสมควร มีความกว้างขวาง ไม่อึดอัด เบาะนั่งทรงเรียบ ไม่เน้นการโอบสรีระ มีความแข็งเล็กน้อย แต่ยังนั่งได้สบาย ตำแหน่งค่อนข้างสูง เน้นทัศนวิสัยที่ปลอดโปร่ง เบาะคู่หลังมีระยะช่วงขาที่มากพอ สามารถพับแยกได้ 3 ส่วนแบบ 40:20:40 โดยพับพนักพิงหลังลงมา เมื่อพับเก็บลงมาแล้วจะได้พื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มมากขึ้น แม้เบาะจะไม่ถึงกับพับราบต่อเนื่องก็ตามที ส่วนที่เก็บสัมภาระมีพื้นที่เหลือเฟือ มีความจุมากพอสำหรับกิจกรรมครอบครัว พื้นที่หลังเบาะหลัง มีลักษณะเป็นพื้นราบ รูปทรงสมมาตร พื้นรถไม่สูงมากนัก ขนสัมภาระได้สะดวก และยังมีระบบเปิดประตูบานท้ายด้วยการกวาดเท้าผ่านบริเวณตรงกลางของกันชน โดยผู้ขับต้องมีกุญแจรถอยู่ในระยะใกล้
ENGINE เครื่องยนต์
บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 1 รุ่นที่เรานำมาทดสอบ คือ เอสดไรฟ 18 ดี เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบเรียง กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 4,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 33.7 กก.-ม. ที่ 1,750 รตน. เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ จุดเปลี่ยนแปลงสำคัญของรถรุ่นนี้ คือ การออกแบบให้เป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า นับเป็นครั้งแรกของค่ายใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาวก็ว่าได้ (ไม่นับค่ายรถในเครืออย่าง มีนี) แต่หากมองโดยรวมแล้ว ในยุคปัจจุบัน บรรดาคู่แข่งรถครอสส์โอเวอร์ขนาดเล็กทั้งหลาย ต่างก็ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้ากันระยะหนึ่งแล้ว
อย่างไรก็ตามในฐานข้อมูลของนิตยสาร “ฟอร์มูลา” ยังไม่มีข้อมูลตัวเลขสมรรถนะจากเครื่องมือ ดาทรอน ทั้งของ เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอ หรือรถยนต์ระดับเดียวกันโดยตรง เราจึงนำข้อมูลของ เอกซ์ 1 รุ่นแรกมาเปรียบเทียบ โดยมีรหัส เอสดไรฟ 20 ดี เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ เช่นกัน มีกำลังสูงสุด 179 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง เพื่อดูความแตกต่างด้านสมรรถนะของรถรุ่นเดียวกัน แต่ต่างลำดับทายาทของสายพันธุ์
เริ่มด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เอกซ์ 1 (รุ่นล่าสุด) ทำเวลาได้ที่ 10.6 วินาที ขณะที่ เอกซ์ 1 (รุ่นแรก) ทำได้ที่ 9.3 วินาที ถัดมาที่ระยะ 0-1,000 ม. เอกซ์ 1 (รุ่นล่าสุด) ทำเวลาได้ 31.7 วินาที ที่ความเร็ว 171.6 กม./ชม. และ เอกซ์ 1 (รุ่นแรก) มีตัวเลขที่ 30.5 วินาที ที่ความเร็ว 174.2 กม./ชม.
จากตัวเลขอัตราเร่งดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เครื่องยนต์รหัส 18 ดี ของ เอกซ์ 1 รุ่นล่าสุด ไม่เน้นพละกำลังมากเท่าเครื่องยนต์รหัส 20 ดี ของ เอกซ์ 1 รุ่นแรก อัตราเร่งจึงดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด แม้ขณะออกตัวแบบกดคันเร่งสุด เอกซ์ 1 รุ่นล่าสุด จะมีอาการล้อหมุนฟรีให้สัมผัสพอสมควร จากแรงบิดที่ค่อนข้างมาก แต่หลังจากนั้นการไต่ความเร็วจะค่อยเป็นค่อยไป ไม่อืด แต่ไม่ถึงกับกระแทกกระทั้น ไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงความเร็วสูงได้อย่างไม่ยากเย็น
สำหรับอัตราเร่งยืดหยุ่นสำหรับการเร่งแซง ที่ความเร็ว 60-100 และ 80-120 กม./ชม. เอกซ์ 1 (รุ่นล่าสุด) ทำเวลาได้ที่ 5.5 และ 6.9 วินาที ตามลำดับ ขณะที่ เอกซ์ 1 (รุ่นแรก) มีอัตราเร่งที่ 4.9 และ 6.2 วินาที แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าพละกำลังที่มากกว่าของ เอกซ์ 1 รุ่นบุกเบิก มีอัตราเร่งโดยรวมฉับไวกว่ารุ่นล่าสุดพอประมาณ อย่างไรก็ตามขณะทำอัตราเร่ง เอกซ์ 1 เอสดไรฟ 18 ดี มีจังหวะการเปลี่ยนเกียร์แบบ 8 จังหวะที่นุ่มนวลมาก และไม่มีอาการสะดุดแม้แต่น้อย
มาถึงหัวข้ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. เอกซ์ 1 (รุ่นล่าสุด) ทำได้ตามนี้ คือ 30.1/29.9/22.9/18.2 กม./ลิตร นับเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งไม่น้อย !?! ถือว่าเหนือกว่ารถขนาดเล็กอย่างอีโคคาร์ อยู่หลายขุม เผลอๆ จะเป็นรองแค่รถยนต์ระบบไฮบริดเท่านั้น แสดงให้เห็นว่า รุ่นย่อย เอสดไรฟ 18 ดี เป็นเครื่องยนต์ที่เน้นความประหยัดได้น่าพอใจมาก ด้วยประสิทธิภาพที่โดดเด่นของขุมกำลังดีเซลจากค่าย บีเอมดับเบิลยู เมื่อเทียบกับรหัสที่เน้นสมรรถนะมากกว่าจากรุ่นก่อนหน้านี้ของ เอสดไรฟ 20 ดี มีตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 26.1/25.2/19.5/15.3 กม./ลิตร แม้ถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ แต่เมื่อเทียบกับ เอกซ์ 1 รุ่นล่าสุดที่ใช้เครื่องยนต์เน้นความประหยัดแล้ว ทายาทรุ่นแรกยังมีอัตราสิ้นเปลืองที่ด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
SUSPENSION ระบบรองรับ
บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 1 เป็นครอสส์โอเวอร์ที่เน้นการใช้งานในวงกว้าง อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้ว การปรับแต่งระบบรองรับโดยรวม จึงเน้นความนุ่มนวลที่พอเหมาะ แต่แฝงความหนึบที่ลงตัว ตามแบบฉบับรถยนต์จากแคว้นบาวาเรีย การหักเลี้ยวทำได้อย่างคล่องแคล่ว น้ำหนักพวงมาลัยไม่มากจนเกินไป รวมถึงระบบช่วงล่างที่มีมั่นคงเป็นอย่างดีในช่วงความเร็วสูง โดยรวมแล้วเป็นครอสส์โอเวอร์ที่ขับขี่ได้ดี ทั้งชาย และหญิง ไม่หนักหน่วงเหมือนรุ่นพี่รหัส เอกซ์ ทั้งหลาย นอกจากนี้ทีมงานของเราได้มีโอกาสนำ เอกซ์ 1 รุ่นล่าสุด ไปลุยเส้นทางสมบุกสมบันแบบพอหอมปากหอมคอ ภายใต้เส้นทางพื้นดินเปียกฝน พบว่าระบบขับเคลื่อนล้อหลังสามารถผ่านเส้นทางดังกล่าวได้อย่างไม่ยากเย็น ระบบป้องกันล้อลื่นไถล ทำงานได้อย่างเหมาะสม หากล้อมีอาการลื่นไถล สามารถตะกุยผ่านพื้นดินเปียกได้ดี สมกับรถที่มีสายพันธุ์ตัวลุยแฝงอยู่ ลุยได้พอสมควร หากเดินทางผ่านเส้นทางพื้นดินลูกรัง อย่างไรก็ตามเส้นทางสมบุกสมบันแบบหนักหน่วง อาจยังไม่เหมาะสมสำหรับรถรุ่นนี้
ในส่วนของอุปกรณ์ช่วยเหลือการขับขี่ที่น่าสนใจ คือ ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ เพียงกดปุ่มที่อยู่ด้านข้างฐานเกียร์ ระบบจะตรวจจับพื้นที่ว่างในแนวคู่ขนาน หากพบพื้นที่มากพอ ระบบจะแจ้งให้ผู้ขับหยุดรถ และเข้าเกียร์ถอย หรือเกียร์เดินหน้า ตามคำแนะนำของระบบ ผู้ขับไม่ต้องควบคุมพวงมาลัยแต่อย่างใด แต่ยังต้องควบคุมแป้นเบรค และคันเร่ง การจอดทำได้อย่างแม่นยำ แต่น่าเสียดายที่ระบบช่วยจอดอัจฉริยะยังไม่รองรับการจอดแบบเข้าซอง ทั้งที่ในปัจจุบันมีรถยนต์หลายรุ่นทำได้แล้ว นอกจากนี้ เอกซ์ 1 รุ่นล่าสุด ไม่มีระบบครูสคอนทโรลมาให้ นับว่าน่าแปลกใจสำหรับรถที่มีค่าตัวเกิน 2 ล้านบาทเช่นนี้ แต่ถูกทดแทนด้วยระบบควบคุมความเร็ว โดยใช้งานผ่านปุ่มบนพวงมาลัยฝั่งซ้าย เมื่อปรับตั้งความเร็วที่ต้องการก็กดปุ่มให้ระบบทำงาน ระบบจะควบคุมให้ความเร็วอยู่ในระดับที่กำหนด โดยผู้ขับต้องกดคันเร่งตลอดเวลา (หากถอนคันเร่งความเร็วจะลดลงจากที่กำหนดไว้) ความเร็วที่ใช้จะสัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์ แม้กดคันเร่งเพิ่มก็ตาม อย่างไรก็ตามระบบยังเผื่อเหลือสำหรับกรณีฉุกเฉินเอาไว้ด้วย นั่นคือ หากกดคันเร่งลึกทันทีทันใด ความเร็วจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่กำหนดจากระบบเอาไว้ ผู้ขับต้องลดความเร็วมาอยู่ที่ถูกปรับตั้งเอาไว้ด้วยตนเอง ระบบควบคุมความเร็วจึงจะกลับมาทำงานอีกครั้ง โดยรวมแล้วเรารู้สึกว่า ระบบครูสคอนทโรลมีความสะดวกสบายมากกว่า
หลังจากทดสอบ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 1 เรามีความรู้สึกว่า นี่คือ ครอสส์โอเวอร์ ที่เน้นการใช้งานวงกว้างในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว มีความนุ่มนวล ควบคุมง่าย พื้นที่กว้างขวาง แต่ยังไม่ลืมรากเหง้าของค่ายใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว นั่นคือ ความหนึบ และมั่นคงที่เหมาะสม เส้นสายโดยรวมมีความลงตัว แม้ภายในจะเน้นความเรียบง่ายมากไปหน่อย สิ่งที่น่าพอใจมาก คือ เครื่องยนต์ที่ประหยัดเชื้อเพลิงอย่างยอดเยี่ยม แม้สมรรถนะอาจด้อยกว่ารุ่นก่อนหน้านี้อยู่บ้าง แต่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป รวมถึงการเร่งแซงเมื่อขับทางไกลได้สบายๆ เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นพัฒนาการที่น่าพอใจสำหรับทายาทลำดับที่ 2 ของครอสส์โอเวอร์รุ่นเล็ก จากแคว้นบาวาเรีย น่าคบหาไม่น้อย