ทดสอบ(4wheels) 20 May 2017
MG GS 1.5T 2WD X VS MG GS 2.0T AWD X
4 WHEELS นำครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี บแรนด์ เอมจี รุ่น จีเอส จากบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ทั้ง 2 รุ่น มาทดสอบสมรรถนะด้วยเครื่องดาทรอน เราจึงนำทั้งคู่มาเปรียบเทียบสมรรถนะของเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร และ 1.5 ลิตร ดูให้เห็นถึงความน่าใช้ เอมจี จีเอส 2.0 ที AWD เอกซ์ (MG GS 2.0T AWD X) รุ่นพี่ที่เปิดตัวในตลาดก่อน ชูดีไซจ์นโฉบเฉี่ยว เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร 218 แรงม้า พละกำลังจัดเต็ม ส่วน จีเอส 1.5 ที 2WD เอกซ์ (MG GS 1.5T 2WD X) เน้นความลงตัวด้านการใช้งาน ขับขี่สนุก ประหยัด ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร 167 แรงม้า ทั้งคู่ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ แบบทวินคลัทช์ พร้อมกับพัฒนาภายใต้แนวคิด บริท ไดนามิค (BRIT DYNAMIC)
EXTERIOR ภายนอก
ภายนอกมีสัดส่วนตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง อยู่ที่ 4,500/1,855/1,689 มม. ระยะฐานล้อ 2,650 มม. เทียบกับรุ่น 2.0 ที AWD เอกซ์ ที่มีราวหลังคาเหมือนกัน พบว่าความสูงน้อยกว่า 10 มม. ซึ่งน่าจะมาจากขนาดยางที่เล็กกว่า
หน้าตาโดยรวม แทบจะเหมือนกับ รุ่น 2.0 ที AWD เอกซ์ ทุกอย่าง ไฟหน้าพโรเจคเตอร์ แต่หลอดเป็นแบบฮาโลเจน มีไฟส่องสว่างขณะขับขี่ในเวลากลางวัน หรือเดย์ไทม์ รันนิง ไลท์ กระจังหน้าทรงเรียวเชื่อมต่อกรอบไฟ บนฝากระโปรงมีเส้นสันคมโดดเด่น เน้นโลโก MG
กรอบไฟตัดหมอกทรงเหลี่ยมสอดรับกับแผงกันกระแทกรอบคัน ดูบึกบึน กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ไฟท้ายแอลอีดี ให้ความสว่าง ปลอดภัย ซันรูฟเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ใช้งานง่ายเพียงมือหมุน
ระบบไฟหน้าเปิด/ปิดอัตโนมัติ ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ระบบหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า ระบบปรับระดับไฟหน้าสูง/ต่ำอัตโนมัติ ไฟตัดหมอกหน้าและหลัง รวมถึงราวหลังคา มีแค่ล้ออัลลอย ที่เล็กลง เปลี่ยนมาใช้ขนาด 17 นิ้ว พร้อมกับยาง 215/60 R17
เอมจี จีเอส 2.0 ที AWD เอกซ์ สัดส่วนตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง 4,500/1,855/1,699 มม. ระยะฐานล้อ 2,650 มม. มีความสูงตัวรถมากกว่ารุ่น 1.5 ที 2WD เอกซ์ 10 มม.
ไฟหน้าพโรเจคเตอร์ เหมือนกับรุ่น 1.5 ที 2WD เอกซ์ แต่ที่ต่างออกไป คือ หลอดที่ให้แสงสว่าง รุ่นนี้ใช้หลอดแบบเอชไอดี ที่ให้แสงสว่างมาก และดูพรีเมียมกว่าชัดเจน ส่วนด้านหลัง กันชนท้ายและปลายท่อไอเสียแบบโครเมียม มีเฉพาะในรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร นอกจากนั้นแทบเหมือนกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ไฟส่องสว่างขณะขับขี่ในเวลากลางวัน เดย์ไทม์ รันนิง ไลท์ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ไฟท้ายแอลอีดี ส่วนซันรูฟแบบปรับไฟฟ้า ระบบไฟหน้าเปิด/ปิดอัตโนมัติ ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ระบบหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า ระบบปรับระดับไฟหน้าสูง/ต่ำอัตโนมัติ ไฟตัดหมอกหน้าและหลัง รวมถึงราวหลังคา ที่ต่างกันอีกอย่าง คือ ล้ออัลลอย รุ่นนี้ใหญ่กว่า ขนาด 18 นิ้ว และยางขนาด 235/50 R18
INTERIOR ภายใน
ห้องโดยสาร ตกแต่งด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำ คอนโซลเน้นเส้นสายเหลี่ยมคมรูปแบบดูแปลกตา ส่วนเบาะนั่งเฉพาะฝั่งคนขับ ปรับไฟฟ้าแบบ 6 ทิศทาง ซึ่งดูต่างจาก รุ่น 2.0 ไปเพียงเล็กน้อย เบาะนั่งหลังปรับพับได้ แบบ 60:40 พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือครูสคอนทโรล และแพดเดิล ชิฟท์ ระบบกุญแจอัจฉริยะ สตาร์ทรถแบบ PUSH START ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และกระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ ติดตั้งเทคโนโลยีการสื่อสารอัจฉริยะ INKANET 12 ฟังค์ชัน ระบบนำทางเนวิเกชันแสดงผลผ่านหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว และระบบเครื่องเสียงตอบสนองความบันเทิงผ่านลำโพง 8 ตัว รองรับมัลทิมีเดีย และการเชื่อมต่อไร้สายผ่านบลูทูธ พร้อม USB และ AUX มีกล้องมองหลังและเซนเซอร์ถอยหลัง อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ให้มาพอๆ กับรุ่นทอพ 2.0 ลิตร
ระดับเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารค่อนข้างดัง วัดจากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. ทำได้ 59/64/70/71 เดซิเบล ซึ่งทำให้ต้องปรับปรุง ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. เอมจี จีเอส 1.5 ที 2WD เอกซ์ ขับเคลื่อน 2 ล้อ มีเสียงรบกวนในห้องโดยสารพอๆ กับรุ่น 2.0 ที AWD เอกซ์ ส่วนในช่วง 80/100/120 กม./ชม. ระดับเสียงรบกวนห้องโดยสารค่อนข้างดัง การเก็บเสียงยังไม่ดี โดยเฉพาะเสียงที่ขึ้นมาจากซุ้มล้อทั้ง 4
ห้องโดยสารดูผิวเผินแทบเหมือนกันเกือบทั้งหมด แต่ยังต่างกันที่วัสดุ ซึ่งรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร มีส่วนผสมของหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ มายกระดับให้ดูพรีเมียมมากขึ้น นอกจากนี้ เบาะนั่งคู่หน้าทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ยังปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง นอกนั้นให้มาเหมือนกันทั้งหมด อาทิ เบาะนั่งหลังปรับพับแยกส่วนแบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระท้าย พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือครูสคอนทโรล มีระบบสตาร์ทรถแบบ PUSH START ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และกระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ
มีระบบสื่อสารแบบ INKANET 12 ฟังค์ชัน ระบบนำทางเนวิเกชันแสดงผลผ่านหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว เครื่องเสียงตอบสนองความบันเทิงผ่านลำโพง 8 ตัว รองรับมัลทิมีเดีย และการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน BLUETOOTH พร้อม USB และ AUX มีกล้องมองหลังและเซนเซอร์ถอยหลัง
ระดับเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร ดีกว่ารุ่น 1.5 ที 2WD เอกซ์ แต่ยังจัดว่าไม่เงียบ วัดจากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. ทำได้ 60/63/68/68 เดซิเบล ระดับพอใช้ ที่ความเร็ว 60-80 กม./ชม. มีเสียงรบกวนพอๆ กับรุ่น 1.5 ที 2WD เอกซ์ นอกนั้นระดับเสียงจะเบากว่า
ENGINE เครื่องยนต์
เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร TGI-TECH หัวฉีดไดเรคท์อินเจคชัน ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า ที่ 5,600 รตน. แรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. ที่ 1,700-4,400 รตน. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ ขับเคลื่อน 2 ล้อ รองรับเชื้อเพลิง อี 85
ระบบเกียร์ทวินคลัทช์ 7 จังหวะ คลัทช์คู่แบบแห้ง จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ขณะใช้งานในเมือง ยังมีอาการจับปล่อยของคลัทช์ให้รู้สึก โดยเฉพาะจังหวะเร่งแล้วเบรคหยุด อาการจับปล่อยของเกียร์สลับไป/มา รู้สึกว่าขาดความนุ่มนวล ส่วนวิ่งทางตรงเปลี่ยนเกียร์ได้ต่อเนื่องดี
อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ทำได้ 10.5/17.8 วินาที เช่นเดียวกับอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ทำได้ 31.9 วินาที อัตราเร่งยืดหยุ่น จังหวะเร่งแซง 60-100 และ 80-120 กม./ชม. สมรรถนะอยู่ในระดับพอใช้ ทำได้ 5.0/7.3 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทำได้โดดเด่นและประหยัด เกียร์อัตโนมัติ คลัทช์คู่ 7 จังหวะ รอบเครื่องยนต์ต่ำ วัดอัตราสิ้นเปลืองจากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. ทำไว้ 23.4/19.6/15.2/12.1 กม./ลิตร เทียบดูแล้วอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ที่ประหยัด
อัตราเร่งทำได้ดี โดยเฉพาะตีนต้น ช่วงออกตัว 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. อัตราเร่งใกล้เคียงกับรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ใน จีเอส รุ่นพี่มาก แต่ช่วงความเร็วปลาย 0-160 กม./ชม. อัตราเร่งยังเป็นรองรุ่นใหญ่อยู่บ้าง แต่ 0-1,000 ม. ก็กลับมาสูสีอีกครั้ง เรียกว่าทั้งแรงแถมได้ความประหยัดเชื้อเพลิงที่โดดเด่น เทียบดูแล้วอัตราเร่งโดดเด่นกว่าคู่แข่ง ในกลุ่มครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร มีเพียง มาซดา ซีเอกซ์-5 เครื่องยนต์ 2.0. ลิตร ที่ทำอัตราเร่งไว้โดดเด่นพอกัน
เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ไดเรคท์อินเจคชัน กำลังสูงสุด 218 แรงม้า ที่ 5,300 รตน. แรงบิดสูงสุด 35.7 กก.-ม. ที่ 2,500-4,000 รตน. พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ (AWD) ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ TST แบบ 6 จังหวะ รองรับเชื้อเพลิง อี 85
อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ทำได้ 10.1/17.2 วินาที เช่นเดียวกับอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ทำได้ 31.0 วินาที อัตราเร่งยืดหยุ่น จังหวะเร่งแซง 60-100 และ 80-120 กม./ชม. สมรรถนะอยู่ในระดับพอใช้ ทำได้ 5.5/7.1 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง พอใช้ เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร บลอคนี้ทำงานร่วมกับชุดเกียร์อัตโนมัติ คลัทช์คู่ 6 จังหวะ วัดอัตราสิ้นเปลืองจากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม.ทำไว้ 18.2/16.3/12.6/10.3 กม./ลิตร เทียบดูแล้วอัตราสิ้นเปลืองอยู่ในเกณฑ์พอใช้
อัตราเร่ง ทำได้แค่สูสีกับรุ่นเครื่องยนต์ เทอร์โบ 1.5 ลิตร โดยเฉพาะตีนต้น ช่วงออกตัว 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. อัตราเร่งใกล้เคียงกันกับรุ่นพี่มาก แต่ช่วงความเร็วปลาย 0-160 กม./ชม. อัตราเร่งเห็นความแตกต่างของเครื่องบลอคใหญ่ ที่ให้กำลัง แรงม้า และแรงบิดมากกว่า แต่ก็น่าแปลกเพราะช่วง 0-1,000 ม. อัตราเร่งกลับมาสูสีอีกครั้ง ยังดีที่เป็นคู่แข่งในบแรนด์เดียวกัน ไม่อย่างนั้น เหมือนเจอหมัดนอค เพราะเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร นั้นมาพร้อมทั้งความแรงและประหยัด เทียบในกลุ่มครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ด้วยกัน จัดว่ามีสมรรถนะแรงโดดเด่นที่สุด มีแค่ มาซดา ซีเอกซ์-5 เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ที่มีอัตราเร่งตามติดขนาดหายใจรดต้นคอ ส่วนอัตราสิ้นเปลือง ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีคู่แข่ง เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ทำได้ประหยัดกว่า
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระบบรองรับด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท เหล็กกันโคลง ด้านหลังอิสระ มัลทิลิงค์ เหล็กกันโคลง โครงสร้างตัวถังนิรภัย มาตรฐานความปลอดภัย SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM 13 ระบบทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียว ตั้งแต่การป้องกันล้อลอคขณะเบรคฉุกเฉิน พร้อมระบบช่วยกระจายแรงเบรค ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล ระบบควบคุมการเบรคขณะเข้าโค้ง ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบป้องกันการไหลของรถ
ช่วงล่างนุ่มแต่นั่งสบาย ได้รับการเซทช่วงล่างหลังใหม่ โดยใช้ชอคอับ และสปริงชุดใหม่ ให้เหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น ขับแล้วรู้สึกได้เลยว่า ช่วงล่างหลังนุ่มขึ้น มีอาการให้ตัวตามลักษณะของถนนได้ดี นั่งแล้วรู้สึกสบาย แต่ถ้าเจอกับคอสะพาน หรือถนนขรุขระมากๆ ก็จะมีจังหวะยุบย้วยหรือโคลงให้เห็นเช่นกัน ด้านหน้ายังเป็นช่วงล่างชุดเดียวกับรุ่น 2.0 เทอร์โบ กอดโค้ง แม่นยำดี
ระยะเบรคที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. จนถึงจุดหยุดนิ่ง 16.1/28.7/43.4 ม. ระยะเบรคทุกช่วง ทำได้ดี เทียบตัวเลขกับรุ่น 2.0 ที AWD เอกซ์ พบว่าระยะเบรคที่ความเร็ว 60/80/100-0 กม./ชม. มีตัวเลขระยะหยุดในเกณฑ์ดี ระยะหยุดใกล้เคียงกัน แม้จะใช้ขนาดล้อและยางต่างกันก็ตาม
ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบอิสระ มัลทิลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง เซทมาค่อนข้างหนึบกว่ารุ่น 1.5 ที 2WD เอกซ์ โดยเฉพาะช่วงล่างหลัง แต่ให้ความรู้สึกมั่นคงดี โดยเฉพาะต้องรับกับความแรงของเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 218 แรงม้า แถมได้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบออลล์วีลดไรฟมาเสริม ทำให้การขับขี่มั่นคงและเกาะถนนมากยิ่งขึ้น
ระยะเบรคที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. จนถึงจุดหยุดนิ่ง 15.7/28.3/43.1 ม. ระยะเบรคทุกช่วง ทำได้ดี เทียบตัวเลขกับรุ่น 1.5 ที 2WD เอกซ์ พบว่าระยะเบรคที่ความเร็ว 60/80/100-0 กม./ชม. มีตัวเลขระยะหยุดที่ดี ตัวเลขใกล้เคียงกัน แม้จะมีขนาดล้อและยางที่ใหญ่กว่าก็ตาม เทียบกับคู่แข่งในกลุ่มครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ด้วยกัน เอมจี จีเอส 2.0 ที AWD เอกซ์ เบรคหยุดได้สั้นและดีกว่าทุกช่วง
ด้านความปลอดัย จัดเต็มทั้งโครงสร้างตัวถังนิรภัย เทคโนโลยี FSF (FULL SPACE FRAME) ป้องกันผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกที่นั่ง ด้วยถุงลมคู่หน้าและด้านข้าง มาตรฐานความปลอดภัย SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM จัดมาถึง 13 ระบบ เหมือนกับรุ่น 1.5 ที 2WD เอกซ์ ทุกอย่าง จะมีเพิ่มมาแค่ ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง เท่านั้น
MG GS 1.5T 2WD X
เอมจี จีเอส 1.5 ที 2WD เอกซ์ เป็นครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ขับเคลื่อนล้อหน้า ที่โดดเด่นรุ่นหนึ่ง ได้ทั้งสมรรถนะเครื่องยนต์ที่แรงและประหยัด สมรรถนะใกล้เคียงกับรุ่น 2.0 ที AWD เอกซ์ แต่ประหยัดกว่า ออพชันต่างจากรุ่นพี่เพียงเล็กน้อย แถมราคาตั้งไว้โดนใจ หากได้เกียร์เจ๋งๆ วัสดุเด่นๆ มาทดแทน คงจะขายกันสนุกแน่ๆ
MG GS 2.0T AWD X
เอมจี จีเอส 2.0 ที AWD เอกซ์ เป็นครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีรุ่นแรกของ เอมจี ในประเทศไทยที่เข้ามาบุกตลาด ยุคนี้ ความกลมกล่อมจากการเซทอัพ และทูนอัพ ยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก ต่างจากรุ่นน้องที่อยู่ในร่างเดียวกัน แต่ครบเครื่องมากกว่า และน่าจะเป็นไม้เด็ดของ เอมจี ยุคนี้แน่นอน