ทดสอบ(formula) 1 Aug 2015
Maserati Ghibli 3.0
มาเซราตี (MASERATI) คือ หนึ่งในค่ายรถระดับ ตำนาน จากประเทศ อิตาลี ก่อขึ้นมานานร่วมศตวรรษแล้ว แน่นอนว่า ความสปอร์ท ถือเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่ขาดไม่ได้ของค่ายรถแห่งนี้ ครั้งนี้คอลัมน์ทดสอบของเราขอต้อนรับการกลับมาอีกครั้งภายใต้โลโก ตรีศูล กับรถรุ่นนี้ กีบลี (GHIBLI)
EXTERIOR ภายนอก
ชื่อเสียงเรียงนามของ กีบลี เคยถูกใช้มาแล้วก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ปี 2510 รูปทรงสไตล์สปอร์ท จีที คูเป 2+2 ที่นั่ง ปราดเปรียว หลังจากนั้นก็เว้นว่างทำตลาดสักพัก และกลับมาอีกครั้งในปี 2535 เส้นสายเน้นสันเหลี่ยม (มีจำหน่ายในประเทศไทยอยู่พักหนึ่งด้วย) ก่อนจะยุติการทำตลาดอีกครั้งในเวลาต่อมา
วันเวลาผ่านไปจนถึงปัจจุบัน เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน นับเป็นช่วงเวลา “คิดใหม่ ทำใหม่” ของบแรนด์ มาเซราตี เน้นรูปทรงที่ปราดเปรียว ผสมผสานกับความหรูหราขึ้นกว่าเดิม ที่เคยเน้นแต่ความดิบห้าวเป็นส่วนใหญ่ และเป็นอีกครั้งที่ชื่อของ กีบลี ถูกนำมาใช้ แต่ต่างจาก 2 ครั้งก่อนหน้า เพราะชื่อนี้จับมาใส่ในรถสปอร์ทแบบ 4 ประตู
ปกติเราคงเรียกรถรูปทรงแนวนี้ว่า ซีดาน แต่จากการพิจารณาเส้นสาย ด้านหน้าที่ปราดเปรียว ชวนให้นึกถึงสปอร์ทร่วมค่ายอย่าง กรัน ตูริสโม (GRAN TURISMO) สันเหลี่ยมโค้งด้านข้างที่คมเข้ม ตลอดจนช่วงท้ายที่ดูแข็งแกร่ง จะเห็นได้ว่านี่คือรถสปอร์ท จีที คูเป แต่ติดตั้งประตูเพิ่มเป็น 4 บานเท่านั้น
ด้านมิติตัวถัง กีบลี มีความยาว 4,971 มม. และระยะฐานล้อ 2,998 มม. โดยรวมแล้วถือว่าใกล้เคียงกับ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 5 (ยาว 4,907 มม. ระยะฐานล้อ 2,968 มม.) และ เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ (ยาว 4,879 มม. ระยะฐานล้อ 2,874 มม.) นับว่ารถสปอร์ทจาก มาเซราตี มีขนาดใหญ่กว่าคู่แข่ง เพราะใช้โครงสร้างตัวถังร่วมกับรถสปอร์ท 4 ประตู ขนาดใหญ่กว่าอย่าง กวัตตโรโปร์เต (QUATTROPORTE)
INTERIOR ภายใน
เมื่อเข้ามานั่งตำแหน่งผู้ขับ เราพบว่า กีบลี ตกแต่งเน้นอารมณ์สปอร์ท คอนโซลหน้าทรงสูง เบาะนั่งอยู่ในระดับต่ำเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับอึดอัด พวงมาลัยกระชับมือ พร้อมแป้น แพดเดิล ชิฟท์ ขนาดใหญ่ ใช้วัสดุโลหะ ให้ความรู้สึกมั่นคงขณะเปลี่ยนจังหวะเกียร์ ส่วนคันเกียร์มีรูปทรงโค้งมน และสั้น รูปแบบการเปลี่ยนเกียร์อาจต้องทำความเคยชินเล็กน้อย โดยผลักคันเกียร์ขึ้น/ลงทีละครั้งเพื่อเปลี่ยนโหมดเกียร์ (P R N และ D) แต่ถ้าผลักมากไปอาจเข้าผิดโหมดได้ ในช่วงแรกต้องอาศัยการสังเกตตำแหน่งเกียร์บนจอดิจิทอลใกล้มาตรวัด เราค่อนข้างสับสนกับโหมดบวก/ลบ ที่ต้องกดปุ่ม M ด้านข้างฐานเกียร์ แทนการโยกคันเกียร์ไปด้านข้างแบบที่หลายค่ายนิยมทำกัน
แม้จะเน้นความสปอร์ทเป็นหลัก ค่าตัวที่พิเศษกว่ารถระดับเดียวกัน มาเซราตี จึงจำเป็นต้องเสริมความหรูเต็มพิกัด ด้วยชุดหนังเกรดสูง ตกแต่งรอบคัน ตัดเย็บอย่างประณีตด้วยงานฝีมือ พร้อมเครื่องเสียงชั้นยอดของBOWERS & WILKINS ตรงคอนโซลกลางติดตั้งจอระบบสัมผัส แสดงผลระบบเนวิเกเตอร์ เสริมความ “คลาสสิค” เล็กน้อยด้วยการติดตั้งนาฬิกาแบบแอนาลอกบริเวณด้านบนของคอนโซล
ในแง่ของความกว้างขวาง ตำแหน่งผู้ขับถือว่านั่งสบาย ไม่คับแคบ คันเกียร์ติดผู้ขับ เอื้อมจับได้สะดวก ส่วนคอนโซลเกียร์มีขนาดพอดี ไม่กินเนื้อที่ช่วงเอวของผู้โดยสารด้านหน้า เบาะนั่งทรงหนา โอบกระชับสรีระพอประมาณ ส่วนเบาะด้านหลัง มีพื้นที่เพียงพอ นั่งสบาย แต่ไม่ถึงกับโอ่โถงมากมาย ขอบกระจกด้านล่างจะอยู่เหนือระดับไหล่เล็กน้อย เนื่องจากการออกแบบเน้นความปราดเปรียว โดยรวมแล้วความสะดวกสบายอยู่ในระดับน่าพอใจ
ENGINE เครื่องยนต์
มาเซราตี กีบลี ใช้เครื่องยนต์เบนซิน วี 6 สูบ เทอร์โบคู่ ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง ขนาด 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 330แรงม้า ออกแบบและประกอบเครื่องยนต์จากบแรนด์รถสปอร์ทหรูร่วมเครือ นั่นคือ แฟร์รารี (FERRARI) ประกบคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลัง
คู่เปรียบเทียบรายแรก เรานำ บีเอมดับเบิลยู 730 แอลไอ เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร เช่นกัน แต่มีแรงม้าเพียง 218 แรงม้า เพื่อดูความแตกต่างระหว่าง กีบลี
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. กีบลี อยู่ที่ 7.2 วินาที ส่วน 730 แอลไอ คือ 10.3 วินาที แค่ช่วงตีนต้นก็ห่างกันมากแล้ว
อัตราเร่งที่ 0-160 กม./ชม. กีบลี ทำได้ที่ 16.0 วินาที ยังถูกตามมาห่างๆ กับ 730 แอลไอ ที่ทำเวลาได้ 24.6วินาที
มาที่อัตราเร่งยืดหยุ่น 60-100 และ 80-120 กม./ชม. กีบลี มีอัตราเร่งที่ 3.4 และ 3.9 วินาที ทางด้านซีดานหรูอย่าง 730 แอลไอ มีตัวเลขที่ 5.6 และ 7.1 วินาที
จากอัตราเร่งในส่วนต่างๆ เห็นได้ว่า เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร ระดับ “ธรรมดาสามัญ” ไม่อาจเทียบกับ กีบลี ได้เลย ไม่ว่าจะในแง่ของพละกำลัง และอัตราเร่ง แม้ว่ารถสปอร์ท 4 ประตู สัญชาติ อิตาเลียน จะเป็นรุ่น “พื้นฐาน” ก็ตาม แต่ก็เหนือกว่ารถยนต์ทั่วไปหลายขุม
หากเทียบสมรรถนะ งานนี้ต้องเป็นรถที่ “แรง” และ “พิเศษ” อย่างแท้จริง ครั้งนี้เราเปลี่ยนคู่เปรียบเทียบ แม้ยังอิงพื้นฐานจาก บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 7 แต่ขุมกำลังนั้นอัพเกรดกว่าเดิมมาก นั่นคือรุ่น แอคทีฟไฮบริด 7 เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 3.0 ลิตร เสริมพละกำลังด้วยระบบไฮบริดแบบ “จัดหนัก” เน้นสมรรถนะ มีกำลังสูงสุดที่ 320แรงม้า
เริ่มที่อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. กีบลี ทำได้ที่ 7.2 วินาที เทียบกับ “รุ่นพิเศษ” ของรถยนต์ราคาใกล้เคียงกัน แต่มีขนาดใหญ่กว่าอย่าง บีเอมดับเบิลยู แอคทีฟ ไฮบริด 7 ทำเวลาในส่วนนี้ที่ 7.1 วินาที นับว่าสูสีไม่น้อย
รถสมรรถนะสูงต้องลองดูกันยาวๆ กับอัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. กันไปเลย กีบลี ทำได้ที่ 26.3 วินาที ส่วน แอคทีฟ ไฮบริด 7 อาศัยทั้งเทอร์โบ และระบบไฮบริด ทำเวลาไป 24.5 วินาที ในช่วงตีนปลาย ระบบอัดอากาศ และระบบไฮบริด ของ บีเอมดับเบิลยู มีความได้เปรียบพอสมควร
มาถึงอัตราเร่งยืดหยุ่นที่ 60-100 และ 80-120 กม./ชม. ของ กีบลี คือ 3.4 และ 3.9 วินาที ส่วน แอคทีฟ ไฮบริด 7 อยู่ที่ 3.3 และ 3.9 วินาที นับว่าใกล้เคียงกันสุดๆ !! ทางฝั่งรถสปอร์ทจาก มาเซราตี มีการตอบสนองที่ดีมาก หากกดคันเร่งลึก ระบบโอเวอร์บูสต์ก็จะทำงาน เรียกแรงบิดได้ฉับไวกว่าปกติ แม้เป็นรุ่นพื้นฐาน แต่อัตราเร่งก็ฉับไวเทียบชั้น ตัวแรงพิเศษ ขุมกำลัง เทอร์โบ และไฮบริด ได้อย่างสูสี
นอกจากเรื่องสมรรถนะแล้ว ความแตกต่างอีกประการหนึ่งของ มาเซราตี กีบลี คือ “เสียง” แต่ไม่ใช่จากเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ที่ติดตั้งมาให้ เสียงที่ว่า คือ เสียงของเครื่องยนต์ขณะเน้นอัตราเร่ง สุ้มเสียงนั้นแผดกังวาน เน้นความทุ้ม หนักแน่น แตกต่างจากเสียงหวีดแหลมของรถยนต์ทั่วไป อารมณ์เดียวกับรถสปอร์ทตัวแรง สมกับการร่วมพัฒนาขุมกำลังร่วมกับค่ายม้าลำพองจริงๆ
SUSPENSION ระบบรองรับ
แม้รถคันนี้จะนับเป็นรุ่น “พื้นฐาน” แต่ภายใต้โลโก “ตรีศูล” ศาสตราวุธของเทพเจ้า จึงสำแดงพลังออกมาได้ทัดเทียมรุ่น “แรงพิเศษ” ของรถหรูทั่วไป มาเซราตี กีบลี แสดงให้เห็นถึงความสปอร์ทที่สืบทอดมาช้านาน และยังคงอยู่ต่อไป ภายใต้รูปทรงที่ปราดเปรียว ผสมความหรูหราสมราคา แถมยังมีความสะดวกสบายที่น่าพอใจ แต่เชื่อเถอะ ตัวตนที่แท้จริงของรถคันนี้จะพบเห็นได้ยามเมื่อกดคันเร่ง เสียงเครื่องยนต์ที่กระหึ่มเร้าใจ พร้อมกับการทำงานอันดุดันของเทอร์โบคู่