ทดสอบ
TOYOTA FORTUNER 2.7 G 2WD VS MITSUBISHI PAJERO SPORT 3.0 GT 2WD
4 WHEELS พิสูจน์ความแรงรับหน้าร้อน นำเอสยูวี 2 รุ่นยอดนิยม โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์ เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.7 ลิตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ และมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท 3.0 จีที ขับเคลื่อน 2 ล้อ มาอวดโฉม ประชันหุ่น พร้อมทดสอบเปรียบเทียบด้วยดาทรอน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท 3.0 จีที รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน วี 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร เป็นน้องใหม่ มาแรง หลังจากรุ่นพี่ เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร เกียร์ธรรมดา ลองตลาดได้ไม่นาน เน้นขายสมรรถนะความแรง และความสะดวกสบายในห้องโดยสารเป็นหลัก ส่วน โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์ 2.7 จี รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.7 ลิตร เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งที่สามารถใช้งานอเนกประสงค์ รองรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่ง เน้นความหรูหราสะดวกสบาย เปิดตัวมานาน ปรับโฉมหลายครั้ง และยังครองใจผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง ทั้ง 2 รุ่นเป็นรถที่นำพื้นฐานของรถพิคอัพมาพัฒนาเป็นพีพีวี แต่ตอบสนองการใช้งานเหมือนเอสยูวี หรือ รถกิจกรรมกลางแจ้ง ระหว่างรุ่นพี่จอมเก๋า กับรุ่นน้องพลังแรง ใครจะตอบโจทย์ผู้ใช้ได้โดนใจกว่ากัน ต้องติดตาม
EXTERIOR ภายนอก
MITSUBISHI PAJERO SPORT 3.0 GT 2WD
หน้าตาภายนอกของ ปาเจโร สปอร์ท ใหม่นี้ เป็นโฉมปี 2556 ที่ปรับและพัฒนาเพิ่มอีกเล็กน้อย โดดเด่นที่รูปลักษณ์โค้งมนดูกลมกลืน มิติ ยาว/กว้าง/สูง 4,695/1,815/1,840 มม. ความยาวช่วงล้อ 2,800 มม. สัดส่วนโดยรวมค่อนข้างลงตัว
แม้จะมีระยะฐานล้อที่ยาวกว่า แต่สัดส่วนตัวรถนั้นแคบและสั้นกว่า คู่แข่งโดยตรงอย่าง ฟอร์ทูเนอร์ อยู่เล็กน้อย และยังเล็กกว่า เชฟโรเลต์ ทเรลบเลเซอร์ ด้วย
ไฟหน้าแบบพโรเจคเตอร์ พร้อมหลอดเอชไอดี ปรับระดับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ มีระบบควบคุมการเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบฉีดล้างทำความสะอาดไฟหน้า กระจังหน้าแบบลายครีบแนวตั้ง เน้นกรอบโครเมียมให้ดูหรูหรา ช่องรับลมด้านล่างเป็นลายรังผึ้งแบบสปอร์ท กระจกมองข้างแบบโครเมียม พร้อมไฟเลี้ยวในตัว และยังติดตั้งเรนเซนซอร์ (ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ) ที่ให้ความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น โป่งซุ้มล้อโค้งมนขนาดใหญ่ บึกบึน ฝาท้ายแบบเปิดยกขึ้น ไฟท้ายแนวนอน ส่วนดีไซจ์นและรูปทรงยังเหมือนตอนเปิดตัวครั้งแรก ล้อแมกขนาด 17 นิ้ว เข้าชุดกับยางบริดจ์สโตน ดูเลอร์ ขนาด 245/65 R17 โดยมีหน้ายางที่แคบกว่า ฟอร์ทูเนอร์ อยู่เล็กน้อย
TOYOTA FORTUNER 2.7 V 2WD
ฟอร์ทูเนอร์ ใหม่ ยังคงใช้รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกับโฉมปี 2011 ที่โดดเด่นด้วยเส้นสายแข็งแกร่ง ทันสมัย มิติ ยาว/กว้าง/สูง 4,705/1,840/1,795 มม. ความยาวช่วงล้อ 2,750 มม. สัดส่วนค่อนข้างลงตัว ยาวขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
ฟอร์ทูเนอร์ มีสัดส่วนที่ยาวและกว้างกว่าคู่แข่งโดยตรง อย่าง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท เล็กน้อย แต่ความสูงเป็นรอง สัดส่วนโดยรวมยังเล็กกว่า เชฟโรเลต์ ทเรลบเลเซอร์
โคมไฟหน้าแบบพโรเจคเตอร์ หลอดไฟเป็นฮาโลเจน ไม่ได้ใช้แบบเอชไอดี มีปุ่มปรับระดับสูง/ต่ำอัตโนมัติ พร้อมหัวฉีดน้ำทำความสะอาด กระจังหน้าขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ขึ้นรูปรับกับกันชนใหม่ที่ออกแบบช่องดักลมเป็นช่องยาวแนวนอน กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ พร้อมไฟเลี้ยวในตัว โป่งซุ้มล้อขนาดใหญ่บึกบึน ประตูบานท้ายแแบบเปิดยกขึ้น ชุดไฟท้ายกรอบใส ด้านในเป็นเลนส์สะท้อนสีแดง กรอบไฟหักมุมเล็กน้อย เน้นดีไซจน์ที่แตกต่างจากเดิม ล้อแมกขนาด 17 นิ้ว เข้าชุดกับยางบริดจ์สโตน ดูเลอร์ เอช/ที ขนาด 265/65 R17
INTERIOR ภายใน
MITSUBISHI PAJERO SPORT 3.0 GT 2WD
ปาเจโร สปอร์ท ไม่ได้มีรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก หรือแปลกตาขึ้น ส่วนใหญ่เน้นเพิ่มเติมเรื่องของออพชันความทันสมัย และสะดวกสบาย มากกว่า หน้าตาโดยรวมจึงดูไม่ค่อยต่างจากรุ่นแรกๆ มากนัก
ภายในเน้นความเป็นสปอร์ท เบาะหนังสีดำ อุปกรณ์ความบันเทิงพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่น DVD/VCD/CD/MP3 รุ่นใหม่ ที่ง่ายต่อการใช้งาน ชุดอุปกรณ์ต่อพ่วง IPOD และ USB จอภาพด้านหน้าแบบหน้าจอสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว จอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาดใหญ่ 10.2 นิ้ว ระบบนำทางที่สามารถแสดงภาพแผนที่นำทาง และฟังค์ชันการใช้งานอื่นในเวลาเดียวกันได้ รวมไปถึงระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (บลูทูธ) เพิ่มความปลอดภัยและสะดวกในการสนทนาระหว่างขับรถ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ มีปุ่มควบคุมอยู่บริเวณพวงมาลัย ทั้งเซนเซอร์ขณะถอยจอด และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
ระดับเสียงในห้องโดยสารอยู่ในระดับพอใช้ ความเร็วตั้งแต่ 60/80/100/120 กม./ชม. มีระดับเสียงอยู่ที่ 60/63/67/69 เดซิเบล โดยระดับเสียงช่วง 60 กม./ชม. ตกเป็นรอง ฟอร์ทูเนอร์ 2.7 วี ขับเคลื่อน 2 ล้อ อยู่เล็กน้อย แต่ที่ความเร็ว 80/100/120 กม./ชม. ทำได้ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ระดับเสียงที่ความเร็วสูง ยังทำได้ดีกว่า ปาเจโร 3.0 วี เอสยูวีพันธุ์แท้ จากรั้วเดียวกันอีกด้วย
TOYOTA FORTUNER 2.7 V 2WD
ห้องโดยสารตกแต่งหรูด้วยลายไม้สีเทาเข้มคลาสสิค คอนโซลหน้าแบบใหม่ ติดตั้งจอขนาด 2 DIN มาพร้อมกล้องมองหลัง ระบบนำทางด้วยดาวเทียม ECO NAVI ใหม่ล่าสุด คอยประมวลผลการขับจริง ว่าประหยัดมากน้อยแค่ไหน แสดงผลบนหน้าจอตลอดเวลา ด้วยกราฟวงกลมซ้อนกัน 2 วง กราฟสีเขียว แสดงผลจากการขับขี่รวม ยิ่งขับประหยัดได้นานเท่าไร กราฟสีเขียวก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ส่วนกราฟสีฟ้า จะแสดงผลตลอดเวลา ถ้ากดคันเร่งมาก กราฟสีฟ้าจะเหลือน้อย แต่ถ้าเร่งน้อย กราฟสีฟ้าก็จะขึ้นมาเกือบเต็ม และเมื่อถอนคันเร่ง กราฟจะขึ้นมาเต็มวง แสดงให้รู้ว่าอยู่ในข่วงขับขี่ที่ประหยัดที่สุด นอกจากนี้ยังมีระดับคะแนนเฉลี่ยของพฤติกรรมการขับของเราในขณะนั้น อีกทั้งมีช่องต่อพ่วงอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง ได้แก่ USB AUX หรือ IPOD/IPHONE
ระบบปรับอากาศหน้าจอแบบดิจิทอล พร้อมระบบแอร์แยกส่วนหน้า/หลัง ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถว 2/3 ติดตั้งบนหลังคา ให้ความเย็นทั่วถึง ดูลงตัวมากขึ้น เช่นเดียวกับเบาะนั่งแถว 3 พับเก็บด้านข้างแบบ 50:50 เบาะนั่งแถว 2 ปรับพับ 60:40 สามารถปรับเอนได้ตามต้องการ พวงมาลัยหนังสลับไม้ แบบมัลทิฟังค์ชันดูหรูหรา ควบคุมเครื่องเสียง บลูทูธ รับ/วางสายโทรศัพท์ พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
ระดับเสียงในห้องโดยสารอยู่ในเกณฑ์พอใช้ในทุกช่วงความเร็ว ตั้งแต่ 60/80/100/120 กม./ชม. โดยมีระดับเสียงอยู่ที่ 58/62/67/70 เดซิเบล ระดับเสียงในช่วง 60/80 กม./ชม. ดีกว่า ฟอร์ทูเนอร์ ขับเคลื่อน 2 ล้อ รุ่นก่อน แต่ที่ความเร็ว 80/100 กม./ชม. กลับดังกว่า เทียบกับ ปาเจโร สปอร์ท แล้วระดับเสียงเงียบกว่าที่ความเร็วต่ำ 60 กม./ชม. แต่ที่ความเร็วสูงขึ้น มีระดับเสียงรบกวนใกล้เคียงกัน
ENGINE เครื่องยนต์
MITSUBISHI PAJERO SPORT 3.0 GT 2WD
เครื่องยนต์รหัส 6B31 MIVEC เบนซิน ขนาด 3.0 ลิตร วี 6 สูบ ให้กำลังสูงสุด 219 แรงม้า ที่ 6,250 รตน. และแรงบิดสูงสุด 22.2 กก.-ม. ที่ 4,000 รตน. ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ 5 จังหวะ พร้อมสปอร์ทรอนิคส์ พร้อมการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบการปรับเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย แพดเดิลชิฟท์ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ครูสคอนทโรล กล้องมองหลัง และสปอยเลอร์หลัง ที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
การที่ ปาเจโร สปอร์ท รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ หันมาใช้เครื่องยนต์เบนซินบลอคนี้ ทำให้สมรรถนะโดดเด่นขึ้นมามาก เรียกได้ว่า แรงที่สุดในเซกเมนท์นี้เลยทีเดียว
จากผลทดสอบด้วยดาทรอน อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. 0-400 ม. และอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ทำได้ 11.5/18.2/32.9 วินาที ตามลำดับ เช่นเดียวกับจังหวะเร่งแซง ที่อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี เป็นต่อ ฟอร์ทูเนอร์ เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร อยู่พอตัว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ ปาเจโร สปอร์ท ใช้บลอคใหญ่กว่า ขนาด วี 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร ที่ให้แรงม้า และแรงบิดมากกว่าเยอะ ลองเทียบกับผลทดสอบของเอสยูวีสายพันธุ์แท้ ปาเจโร เครื่องยนต์ขนาดเท่ากัน อัตราเร่งก็ทำได้พอๆ กัน แต่เมื่อข้ามรุ่นไปเทียบกับเอสยูวีรุ่นใหญ่ อย่าง โตโยตา เอฟเจ ครูเซอร์ เครื่องยนต์เบนซิน 4.0 ลิตร วี 6 สูบแล้ว ปาเจโร สปอร์ท ก็ยังเป็นรองเห็นๆ เช่นกัน
อัตราสิ้นเปลืองในช่วงความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. ค่อนข้างดุดัน จึงมักหันไปติดตั้งระบบเชื้อเพลิงทางเลือกอย่างแกสแทน และเมื่อหันมาดูคู่แข่งอย่าง ฟอร์ทูเนอร์ แล้ว อัตราสิ้นเปลืองต่างก็กินจุดุดันกันทั้งคู่
TOYOTA FORTUNER 2.7 V 2WD
เครื่องยนต์เบนซิน รหัส 2TR-FE 2.7 ลิตร บลอคเดิม 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-I หัวฉีดอีเลคทรอนิคส์ อีเอฟไอ ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 5,200 รตน. แรงบิดสูงสุด 24.6 กก.-ม. ที่ 3,800 รตน. รองรับน้ำมันดีเซล บี 5 ได้ ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะเดิม
ฟอร์ทูเนอร์ ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ขับเคลื่อน 2 ล้อ เน้นความแข็งแกร่ง ทนทาน จึงไม่ได้พัฒนาสมรรถนะให้โดดเด่นมากขึ้น และยังใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะเดิม ต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ที่พัฒนาทั้งกำลังเครื่องยนต์ และระบบเกียร์ไปแล้ว ซึ่งน่าจะพอใจในสมรรถนะการใช้งานเดิม และความทนทาน ไม่จุกจิก ของเครื่องยนต์บลอคนี้เป็นหลัก
อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. 0-400 ม. และอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ทำได้ 14.1/19.5/35.5 วินาที ตามลำดับ อยู่ในเกณฑ์พอใช้ เป็นรอง โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์ 3.0 วี ขับเคลื่อน 4 ล้อ ใหม่ และเป็นรองคู่ปรับอย่าง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท 3.0 จีที ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ ปาเจโร สปอร์ท ใช้เครื่องยนต์บลอคใหญ่ ความจุเยอะ ให้กำลังเครื่องยนต์มากกว่าชัดเจน
วัดอัตราสิ้นเปลือง ในช่วงความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. อยู่ในเกณฑ์ที่มีอัตราสิ้นเปลืองสูง แม้ว่าจะประหยัดกว่า ปาเจโร สปอร์ท อยู่เล็กน้อย แต่ถึงจะใช้เครื่องยนต์เบนซินกินจุ ก็ยังเป็นที่นิยมสำหรับกลุ่มคนรักแกส อยู่ดี
SUSPENSION ระบบรองรับ
MITSUBISHI PAJERO SPORT 3.0 GT 2WD
ช่วงล่างแบบคอยล์สปริงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแบบปีกนกคู่ ด้านหลังมัลทิลิงค์ เสริมเหล็กกันโคลงทั้ง 2 ด้าน ระบบเบรคด้านหน้าแบบจาน มีช่องระบายความร้อน หลังแบบดุม ปลอดภัยด้วย เอบีเอส เสริมแรงเบรคด้วย อีบีดี พร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า ช่วงล่างนุ่มแน่น พวงมาลัยค่อนข้างหนัก ต้องเลี้ยวเยอะ หมุนพวงมาลัยเยอะ ตามสไตล์ของ ปาเจโร สปอร์ท
ผลทดสอบเบรคของ ปาเจโร สปอร์ท 3.0 จีที ใหม่ มีระยะเบรค 60/80-0 กม./ชม. อยู่ในเกณฑ์ที่ดี เบรคที่ความเร็วสูง 100-0 กม./ชม. ประสิทธิภาพตกลงมาเล็กน้อย ทำได้ค่อนข้างดี เทียบกับ ฟอร์ทูเนอร์ 2.7 วี แล้ว ระยะเบรคยังทำได้โดดเด่น และแตกต่างกันพอสมควร
TOYOTA FORTUNER 2.7 V 2WD
ช่วงล่างหน้าอิสระ ดับเบิลวิชโบน พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ช่วงล่างหลังแบบโฟร์ลิงค์ คอยล์สปริง พร้อมชอคอับแกสหน้า/หลัง ส่วนเรื่องความความปลอดภัย ไม่ได้จัดชุดใหญ่ชุดเต็มเหมือนกับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ขับเคลื่อน 4 ล้อ จึงขาดทั้ง ทแรคชันคอนทโรล (ป้องกันล้อหมุนฟรี) และวีเอสซี (ควบคุมการทรงตัว) ไม่มีระบบเสริมแรงเบรค บีเอ และระบบช่วยกระจายแรงเบรค อีบีดี ที่คอยสนับสนุนการทำงานของเบรค เอบีเอส ป้องกันล้อลอค อีกด้วย
ผลทดสอบเบรคของ ฟอร์ทูเนอร์ 2.7 วี ใหม่ มีระยะเบรค 60/80/100-0 กม./ชม. อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องปรับปรุง เทียบกับ ปาเจโร สปอร์ท และฟอร์ทูเนอร์ ขับเคลื่อน 4 ล้อใหม่แล้ว ระยะเบรคยังทำได้ไม่ดี และค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร
MITSUBISHI PAJERO SPORT 3.0 GT 2WD
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท 3.0 จีที เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 3.0 ลิตร วี 6 สูบ ขับเคลื่อน 2 ล้อ เป็นเอสยูวีที่ถูกส่งเข้ามาเสริมทัพในตลาด ก่อนนี้มีแค่รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร เกียร์ธรรมดา ซึ่งเป็นรองคู่แข่งทั้งสมรรถนะและออพชัน แต่เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร วี 6 สูบ บลอคนี้ ดูจากผลทดสอบแล้ว เน้นแรง แถมออพชันยังเยอะโดนใจจริงๆ
TOYOTA FORTUNER 2.7 V 2WD
โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์ 2.7 วี เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง เป็นเอสยูวีขนาด 7 ที่นั่ง ได้รับการปรับรูปลักษณ์ให้ทันสมัยมากขึ้น เครื่องยนต์บลอคเดิม สมรรถนะพอตัว ช่วงล่างนั่งสบายขึ้น ใช้พื้นฐานโครงสร้างที่แข็งแกร่งทนทาน เป็นหลัก มีดีที่ชื่อชั้นและศูนย์บริการ และเป็นที่นิยมในตลาด จึงเหมาะที่จะเป็นรถครอบครัว ที่ซื้อง่าย ขายคล่อง