ทดสอบ(formula)
MINI COOPER COUNTRYMAN
มีนี (MINI) บแรนด์รถเล็กเชื้อสายผู้ดีที่มีประวัติมายาวนาน ปัจจุบันยังคงเอกลักษณ์ทางรูปทรง และสไตล์ที่โดดเด่นจากในอดีตครบถ้วน ด้วยรูปทรงที่กะทัดรัด เข้าคู่กับดวงไฟกลมรี ซึ่งคุ้นหน้าคุ้นตามาแต่ไหนแต่ไรตามแบบฉบับของรถ “เรทโร” อย่างไรก็ตามเนื่องจากระยะเวลาของรถ มีนี ทำตลาดมาหลายปี ผนวกกับคู่แข่งที่ปรากฏตัวมากมาย ทำให้บแรนด์นี้ต้องสร้างความแตกต่างด้วยการเพิ่มรูปแบบของตัวถังให้หลากหลายยิ่งขึ้น และครั้งนี้เรานำมาทดสอบหนึ่งใน “ความแตกต่าง” ครั้งสำคัญของรถยี่ห้อนี้ กับรูปแบบตัวถัง เอสยูวี ครอสส์โอเวอร์ กับ มีนี คูเพอร์ คันทรีแมน (MINI COOPER COUNTRYMAN)
EXTERIOR ภายนอก
รูปทรงของ คันทรีแมน ถือว่าเป็นการ “คิดนอกกรอบ” โดยสิ้นเชิงจากธรรมเนียมเดิมๆ ของ มีนี จากไฟทรงลมรีที่ใช้มาแทบทุกรุ่น กลายมาเป็นกรอบไฟหน้าทรงเหลี่ยมโค้ง ซ่อนไฟทรงกลมไว้ภายใน ให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง บึกบึน ตามสไตล์รถ เอสยูวี พอประมาณ แต่ยังคุ้นตากับกระจังหน้าทรง 4 เหลี่ยมคางหมู รูปทรงของกันชนหน้า ตลอดจนรูปแบบของเสา และแนวหลังคา ทำให้ความคุ้นเคยจาก มีนี รุ่นอื่นๆ ยังคงมีอยู่จาก คันทรีแมน คันนี้
นอกจากรูปทรงแล้ว สิ่งที่ คันทรีแมน ให้มา คือ ขนาดตัวที่ใหญ่กว่ารุ่นปกติ เปรียบเทียบกันแล้ว รถเล็กสไตล์ เอสยูวี รุ่นนี้มีความยาว และระยะฐานล้อ ที่ 4,097 และ 2,595 มม. เทียบกับ มีนี คูเพอร์ ตัวถังแฮทช์แบคดั้งเดิม มีขนาดตัว 3,699 และ 2,467 มม. ตามลำดับ จะเห็นได้ว่า คันทรีแมน มีขนาดใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ มีนี ติดตั้งประตูมาให้ 4 บาน ได้ความสะดวกกับการขึ้น/ลงอีกต่างหาก แถมความสูงจากพื้นรถถึงผิวถนนก็มากกว่าที่ 10 มม. (คันทรีแมน 149 มม. ส่วน คูเพอร์ 139 มม.) ทำให้การผ่านทางขรุขระ หรือลุยแบบเบาๆ ได้ดีกว่าด้วย
ถึงกระนั้น แม้จะมีขนาดตัวใหญ่สุดในหมู่เพื่อนสายพันธุ์ มีนี แต่ คันทรีแมน ยังคงเป็น เอสยูวี ขนาดกะทัดรัด เน้นสไตล์เฉพาะตัว เพราะเมื่อพิจารณาจากค่าตัวแล้ว ถือว่ามีราคาใกล้เคียงกับ เอาดี คิว 3 (AUDI Q3) หรือ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 1 (BMW X1) ที่มีขนาดใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่เรื่องความคล่องตัว และความโดดเด่น สะดุดตา มีนี คูเพอร์ คันทรีแมน ยังมีความได้เปรียบเช่นกัน
INTERIOR ภายใน
การออกแบบภายในของ คันทรีแมน แทบจะยุกชุดมาจากรุ่นแฮทช์แบค ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของมาตรวัดความเร็วขนาดใหญ่ ติดตั้งตรงกลางของคอนโซลหน้า ขณะที่ด้านหน้าผู้ขับจะเป็นมาตรวัดรอบขนาดเล็ก ปุ่มใช้งานต่างๆ แผงข้างประตู รวมถึงช่องแอร์ เป็นทรงกลม และทรงโค้ง พวงมาลัยหุ้มหนังจับถนัดมือ พร้อมแปนแพดเดิล ชิฟท์ แปลกตากับเบรคมือที่มีรูปทรงคล้ายคันโยกควบคุมกำลังเครื่องยนต์ของเครื่องบิน และยังมีกล่องเก็บของขนาดเล็กติดตั้งอยู่บนราง บริเวณตรงกลางของห้องโดยสาร สามารถเลื่อนตำแหน่งขึ้น/ลงได้อิสระ นับว่าเก๋ไก๋ไม่เบา
ขณะขึ้นไปนั่งบนเบาะ เรารู้สึกว่าตำแหน่งของเบาะอยู่ในระดับต่ำเล็กน้อย แม้จะปรับความสูงได้ก็ตาม คงเป็นเจตนาของผู้ออกแบบให้รถคันนี้มีกลิ่นอายความสปอร์ทเจืออยู่บ้าง แต่สิ่งที่แตกต่างจากรุ่น แฮทช์แบค คือ พื้นที่โดยสารที่สะดวกสบาย และกว้างขวาง อย่างพอเพียง ระยะเหนือศีรษะมีมากกว่าเดิม การขึ้น/ลง ทำได้สะดวกจากประตูผู้โดยสารที่มี 4 บาน นับว่าเป็นความคุ้มค่า ด้านการใช้งานอีกประการหนึ่งของรถที่ผสมผสานความเป็น เอสยูวี
หากมองในแง่การผสมผสานระหว่างการตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของ มีนี และการใช้สอยที่รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันที่หลากหลาย ถือว่า คันทรีแมน คันนี้ สนองตอบได้ดีที่สุดในบรรดาเพื่อนร่วมสายพันธุ์
ENGINE เครื่องยนต์
ขุมกำลังของ มีนี คูเพอร์ คันทรีแมน ที่เรานำมาทดสอบเป็นรุ่นพื้นฐาน เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร กำลัง 122 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ยกชุดมาจากรุ่นแฮทช์แบคทุกประการ แต่ คันทรีแมน มีน้ำหนักตัวมากกว่าแน่นอน ขณะที่คู่เปรียบเทียบด้านสมรรถนะ (แต่แตกต่างระดับราคา) เรานำอีกหนึ่ง เอสยูวี ครอสส์โอเวอร์ เน้นสไตล์เฉพาะตัวจากแดนกิมจิ นั่นคือ เกีย โซล (KIA SOUL) เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร 130 แรงม้า
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. คันทรีแมน ทำได้ที่ 13.2 วินาที (ผู้โดยสาร 2 คน) ส่วน โซล ตามมาใกล้ๆ ที่ 13.7 วินาที หากวัดกันที่ระยะควอร์เตอร์ไมล์ (0-400 ม.) เอสยูวี ของ มีนี อยู่ที่ 19.1 วินาที (ที่ความเร็ว 119.2 กม./ชม.) ขณะที่ เอสยูวี จาก เกีย คือ 19.4 วินาที (ที่ความเร็ว 117.3 กม./ชม.)
ในส่วนของอัตราเร่งยืดหยุ่น ที่ความเร็ว 60-100 กม./ชม. คันทรีแมน ทำเวลาได้ 7.3 วินาที ยังคงสูสีกับ โซล ที่ทำได้ 7.7 วินาที แต่ที่ช่วงความเร็ว 80-120 กม./ชม. เอสยูวี กะทัดรัดของ มีนี มีอัตราเร่งที่ 9.7 วินาที ขยับเวลาส่วนต่างออกมาเล็กน้อย เมื่อเทียบกับ เอสยูวี ครอสส์โอเวอร์ของ เกีย ที่ทำได้ 11.0 วินาที
จากอัตราเร่งแต่ละส่วน แสดงให้เห็นว่า มีนี คูเพอร์ คันทรีแมน มีสมรรถนะที่ใกล้เคียงกับรถ อสยูวี ครอสส์โอเวอร์ เน้นสไตล์แต่ต่างรูปแบบอย่าง เกีย โซล โดยเฉพาะความเร็วในช่วงตีนต้นที่ปลดปล่อยกำลังออกมาไม่หวือหวา แต่ คันทรีแมน มีความได้เปรียบได้ช่วงปลายเล็กน้อย ถือว่าพอเพียงสำหรับรถประเภทนี้ แต่หากจะหวังความ “จี๊ดจ๊าด” แบบรุ่นแฮทช์แบค หรือคูเป คงต้องขยับไปเล่นรุ่นตัวแรง คูเพอร์ เอส (COOPER S) ซึ่งตอนนี้มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล
หันมาด้านการประหยัดเชื้อเพลิงบ้าง ที่ความเร็ว 60/80 กม./ชม. คันทรีแมน ทำได้ที่ 20.7/17.7 กม./ลิตร นับว่าน่าพอใจในระดับหนึ่ง แต่กลับด้อยกว่า เกีย โซล เล็กน้อยที่ทำได้ 22.5/19.1 กม./ลิตร แต่หากเพิ่มความเร็วมาเป็นช่วง 100/120 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองกลับขยับมาใกล้เคียงกัน โดยรถจากทาง มีนี อยู่ที่ 14.4/11.6 กม./ลิตร ส่วนจากฟากแดนกิมจิ คือ 14.7/11.8 กม.ลิตร ถือว่าใกล้เคียงกันไม่น้อย
ขุมกำลังของ มีนี คูเพอร์ คันทรีแมน ถูกปรับแต่งมากลางๆ เน้นการใช้งานทั่วไป แม้สมรรถนะไม่เด่นมากนัก แต่เราคิดว่าอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง น่าจะทำได้ดีกว่านี้ ยังดีที่รองรับน้ำมันแกสโซฮอล อี 20 การตอบสนองถือว่าทำได้ดีพอสมควร ใครที่ชอบบุคลิกที่นุ่มนวลของเครื่องยนต์เบนซิน น่าจะถูกใจได้ ถ้าอยากประหยัดแบบเน้นๆ ยังมีทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซล ในรุ่น มีนี คูเพอร์ ดี คันทรีแมน (MINI COOPER D COUNTRYMAN) เป็นอีกหนึ่งทางเลือก
SUSPENSION ระบบรองรับ
ตัวถังของ คันทรีแมน มีระยะความสูงของพื้นรถมากกว่ารุ่นอื่นๆ แม้ช่วงล่างจะมีความหนึบพอสมควร ขณะเข้าโค้งจะโคลงตัวมากกว่ารุ่นแฮทช์แบคเล็กน้อย ซึ่งเป็นบุคลิกของรถ เอสยูวี ครอสส์โอเวอร์ อยู่แล้ว แต่โดยรวมถือว่ารองรับการใช้งานทั่วไปได้ดี และจากขนาดตัวที่กะทัดรัดทำให้ คันทรีแมน มีความสนุกสนานขณะขับขี่แบบพอหอมปากหอมคอ ไม่เสียที มีนี รุ่นอื่นๆ แต่ถ้าอยากหนึบแน่น และเร้าใจกว่านี้ คงต้องหันไปเล่น มีนี คูเพอร์ เอส คันทรีแมน ออลล์ 4 (MINI COOPER S COUNTRYMAN ALL4) ขณะที่การบังคับควบคุมถือว่าหนักมือเล็กน้อย การตอบสนองจะช้ากว่ารุ่นแฮทช์แบค และรุ่นคูเป แต่สำหรับการขับขี่ในตัวเมือง ถือว่ายังสะดวกสบาย
คันทรีแมน ใช้ยางสำหรับรถ เอสยูวี แบบเน้นสมรรถนะ นั่นคือ บริดจ์สโตน ดูเลอร์ เอช/พี สปอร์ท (BRIDGESTONE DUELER H/P SPORT) ขนาด 205/55 R17 มั่นใจได้เรื่องการยึดเกาะถนน แม้รถรุ่นนี้จะขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าก็ตาม และยังส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการเบรค โดยที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. คันทรีแมน มีระยะเบรคที่ 14.3/25.8/39.6 ม. ทำได้ดีเทียบเท่ากับ เอสยูวี ของค่ายรถที่โดดเด่นเรื่องระบบเบรคอย่าง บีเอมดับเบิลยู กับ เอสยูวี รุ่น เอกซ์ 1 เอสดไรฟ 18 ไอ ที่ทำได้ 14.4/25.9/41.0 ม. ตามลำดับ
สายพันธุ์ มีนี ในยุคปัจจุบัน แปรเปลี่ยนจากรถราคาย่อมเยาในอดีต กลายมาเป็นรถเล็กราคาแพงที่หลายคนมองว่าเป็น “ของเล่นเศรษฐี” แต่ มีนี คูเพอร์ คันทรีแมน สามารถเติมเต็มด้านความสะดวกสบาย และพื้นที่ใช้สอยที่คุ้มค่ากว่ารุ่นตัวถังแฮทช์แบค รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น แม้รูปทรงภายนอกจากแปรเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมๆ อยู่บ้าง แต่ก็ใช้เวลาไม่นานที่จะทำความคุ้นเคยสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสไตล์ของรถยี่ห้อนี้ เพียงแต่ต้องทำใจเรื่องสมรรถนะไม่เด่นมากนัก เนื่องจากเป็นรุ่นพื้นฐาน
อย่างน้อย มีนี คูเพอร์ คันทรีแมน ก็แสดงให้เห็นว่าการ “คิดต่าง” อย่างมีสไตล์ สามารถนำไปสู่การผสมผสานระหว่างการใช้งานที่คุ้มค่า และเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้รถเล็กแดนผู้ดียี่ห้อนี้ยั่งยืนมาได้จนถึงปัจจุบัน