ทดสอบ(formula)
PROTON PREVE & EXORA
ค่ายรถแดนเสือเหลืองเปิดแนวรุก ด้วยขุมกำลังเบนซิน เทอร์โบ เน้นสมรรถนะกันเต็มๆ กับรถ 2 แบบ 2 สไตล์ คันแรกคือ สปอร์ทซีดานมาดเข้ม เพิ่งเปิดตัวในงาน “MOTOR EXPO 2012” ของเราไปหมาดๆ กับ ปเรวี (PREVE) และอีกคันคือ เอมพีวี ที่ปรับหน้าตาให้โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นกับ เอกโซรา (EXORA) มาดูกันว่าภายใต้ขุมกำลังเดียวกัน ทั้ง 2 คันนี้ จะให้ความเร้าใจแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
EXTERIOR ภายนอก
ปเรวี ใช้โครงสร้างตัวถังร่วมกับซีดานสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอกซ์ (MITSUBISHI LANCER EX) จึงมั่นใจได้ว่าขนาดตัวย่อมทัดเทียมกับบรรดาคู่แข่งระดับ ซี เซกเมนท์ ทั้งหลายแน่นอน ไม่ใช่ซีดานเล็กจิ๋ว เมื่อพิจารณาจากระดับค่าตัว อย่างไรก็ตาม ปโรตอน ก็ออกแบบตัวถังด้านหน้า และด้านหลัง ใหม่หมด โดยลดระยะโอเวอร์แฮง ช่วยให้ตัวรถมีความกระชับกว่า มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอกซ์ แถมเพิ่มมาดสปอร์ทไปในตัว รุ่นที่เรานำมาทดสอบเป็นรุ่นทอพ พรีเมียม (PREMIUM) แต่ล้อแมกยังเป็นขนาด 16 นิ้ว (ยางขนาด 205/55 R16) เท่ากับรุ่นย่อยรองลงมา ถ้าเปลี่ยนไปใช้ล้อแมกขนาดใหญ่กว่านี้ คงดูดีขึ้นอีกพอสมควร
ทางด้าน เอกโซรา เดิมทีก็มีรูปทรงโฉบเฉี่ยวพอสมควรแล้ว เมื่อเปลี่ยนขุมกำลังมาเป็นแบบเบนซิน เทอร์โบ จึงถูกจับมาเสริมมาดเข้าไปอีก ด้วยกันชนรูปทรงใหม่ มีสันเหลี่ยมขึงขังกว่าเดิม พร้อมชุดแต่งรอบคัน รวมไปถึงชุดไฟท้ายแอลซีดีรมดำ ราวกับจะบ่งบอกรถคันอื่นว่า เอมพีวี คันนี้ “ไม่ธรรมดา” ไม่ใช่รถบ้านที่จะมาแซงกันง่ายๆ
INTERIOR ภายใน
ภายในของ ปเรวี มีความกว้างขวางอย่างพอเพียง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลพวงจากการใช้ตัวถังร่วมกับซีดานจากค่าย 3 เพชร แต่ ปโรตอน ก็ออกแบบบริเวณคอนโซลหน้าให้มีเอกลักษณ์ รวมไปถึงรูปแบบของพวงมาลัย โทนสีภายในเน้นสีดำ เพิ่มความคมเข้ม (เบาะหุ้มด้วยผ้า มีเฉพาะส่วนพวงมาลัยที่หุ้มหนัง) แต่ยังเผื่อเหลือให้ความหรูด้วยชุดแต่งลายไม้ ซึ่งเรามีความคิดว่าน่าจะใช้วัสดุอื่นๆ เน้นมาดสปอร์ทกันเต็มๆ ไปเลยจะดีกว่า
ด้านอุปกรณ์ใช้สอยถือว่าให้มาเยอะพอสมควร ทั้งพวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน พร้อมแป้นแพดเดิลชิฟท์ แอร์อัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติครูสคอนทโรล ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ และระบบเปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ซึ่งอุปกรณ์ตามที่ว่ามาส่วนใหญ่ มีให้เฉพาะรุ่นย่อย พรีเมียม เท่านั้น ในแง่ความสะดวกสบายแล้ว ปเรวี ให้มาสมตัวเมื่อเทียบกับราคา
สำหรับ เอมพีวี มาดปสอร์ท เอกโซรา ยังคงออกแบบห้องโดยสารเน้นความเรียบง่าย วัสดุต่างๆ ไม่ถึงกับหรูหรา ภูมิฐานอะไรมากมาย ตามค่าตัวที่สมน้ำสมเนื้อ แต่ชดเชยด้วยการตกแต่งเบาะที่เร้าใจกว่าเดิม ทั้งเบาะ แผงข้างประตู พวงมาลัย และหัวเกียร์ หุ้มหนัง เน้นแบบทูโทนโทนสีดำ สลับแดง แต่ขัดความรู้สึกเล็กน้อยกับคอนโซลหน้าลายไม้
แม้มาดสปอร์ทแค่ไหน แต่ เอกโซรา ก็ไม่ลืมความเป็นรถอเนกประสงค์แบบเอมพีวี ประโยชน์ใช้สอยเพื่อผู้โดยสาร จึงยังคงให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารทั้งด้านหน้า และด้านหลัง เบาะแถว 1 และ 2 ติดตั้งพนักแขนแบบพับเก็บได้ โดยเฉพาะระบบความบันเทิงแบบจัดเต็ม ทั้งเครื่องเล่น ดีวีดี เนวิเกเตอร์ บลูทูธ พร้อมจอมอนิเตอร์ 2 ตัวที่ด้านหลังพนักศีรษะของเบาะคู่หน้า เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องเสียเงินติดตั้งระบบความบันเทิงเพิ่มเติมด้วยซ้ำ
ENGINE เครื่องยนต์
ทั้ง ปโรตอน ปเรวี และ เอกโซรา ต่างใช้ขุมกำลังร่วมกันคือ เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.6 ลิตร (CAMPRO CFE) ให้กำลัง 138 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแปรผัน ซึ่งในปัจจุบันรูปแบบเครื่องยนต์ดังกล่าว ต่างก็ใช้กันแพร่หลายแล้ว ไม่ว่าจะเป็น บีเอมดับเบิลยู หรือ เมร์เซเดส-เบนซ์ นั่นคือเครื่องยนต์บลอคเล็ก แต่เพิ่มกำลังด้วยเทอร์โบ มาดูกันว่ารถทั้ง 2 รุ่น จากประเทศมาเลเซีย จะทำได้ดีแค่ไหนกัน
ทางผู้ผลิตอ้างว่า สมรรถนะของ ปเรวี ฉับไวไม่แพ้ซีดานระดับเดียวกัน สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร นั่นเชียว เราจึงไม่ขัดศรัทธา จับมาเปรียบเทียบกับ มาซดา 3 (MAZDA 3) และ ฟอร์ด โฟคัส 2.0 สปอร์ทพลัส (FORD FOCUS 2.0 SPORT+) ส่วนทางด้าน เอกโซรา ก็เปรียบเทียบกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง ฮอนดา ฟรีด (HONDA FREED)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ปเรวี ออกตัวมาที่ 10.5 วินาที เริ่มมาก็นำหน้า มาซดา 3 กับอัตราเร่ง 11.7 วินาที แต่คันที่นำหน้าแบบเฉือนๆ ยังเป็น ฟอร์ด โฟคัส 2.0 ที่ทำได้ 9.9 วินาที หรือจะวัดกันยาวที่อัตราเร่ง 0-1,000 ม.
ปเรวี ทำได้ 31.6 วินาที (ที่ความเร็ว 169.4 กม./ชม.) มาซดา 3 โดนทิ้งห่าง กับเวลาที่ทำได้ 33.0 วินาที (ที่ความเร็ว 161.3 วินาที) ผู้นำยังคงเป็น ฟอร์ด โฟคัส 2.0 ที่ทำเวลาได้ 31.0 วินาที (ที่ความเร็ว 172.0 กม./ชม.)
บุคลิกขณะออกตัวของ ปเรวี จะไม่หวือหวา หรือกระแทกกระทั้น หลังทะลุเบาะ อะไรขนาดนั้น มีช่วงรอพละกำลังจากเทอร์โบเล็กน้อย แต่เมื่อเริ่มทำงาน อัตราเร่งก็จะดุดันขึ้นทันที พร้อมความกระฉับกระเฉง สามารถไต่ความเร็วสูงได้ดีเกินคาด วัดรอยเท้ากับบรรดาซีดานระดับ 2.0 ลิตร ได้สบายๆ หรือเผลอๆ จะฉับไวกว่าด้วยซ้ำ ถือว่าไม่ธรรมดาเลย ยิ่งเมื่อเทียบกันแล้วรถที่เป็นคู่แข่งด้านสมรรถนะต่างก็มีค่าตัวระดับ 1 ล้านบาทขึ้นไปทั้งนั้น ขณะที่ ปเรวี ตัวทอพนี้ มีค่าตัวยเพียง 7 แสนบาทกลางๆ เท่านั้น !
หันมาทางด้าน เอมพีวี ร่วมค่ายที่ใช้เครื่องยนต์ร่วมกัน เอกโซรา ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 11.7 วินาที ทิ้งห่างคู่แข่งอย่าง ฟรีด ที่ทำได้ 14.8 วินาที หรือจะวัดกันยาวที่ช่วงระยะ 0-1,000 ม. เอมพีวี จากมาเลเซียทำได้ที่ 32.9 วินาที (ที่ความเร็ว 161.0 กม./ชม.) ส่วนรถประเภทเดียวกันจากญี่ปุ่นยังคงตามหลังที่ 35.9 วินาที (ที่ความเร็ว 146.5 กม./ชม.) นับว่าขุมกำลังบลอคนี้ มีสมรรถนะที่ดุดันไม่เบา ทำให้ เอกโซรา มีอัตราเร่งที่ฉับไวกว่าเครื่องยนต์บลอคเดิมมาก
อย่างไรก็ตามอัตราเร่งที่ฉับไวของทั้ง 2 รุ่น ต้องแลกกับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเช่นกัน โดยที่ความเร็ว 80/100/120 กม./ชม. ปเรวี มีอัตราสิ้นเปลืองที่ 17.5/13.7/10.9 กม./ลิตร สิ้นเปลืองกว่า มาซดา 3 รุ่น 2.0 ลิตร ด้วยซ้ำ ที่ทำได้ 19.4/16.5/13.1 กม./ลิตร ทางด้าน เอกโซรา มาในแนวเดียวกับกับอัตราสิ้นเปลืองที่ 15.0/12.5/10.4 กม./ลิตร โดนคู่แข่งอย่าง ฟรีด ทิ้งห่างบ้าง มีความได้เปรียบด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็กกว่า กับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 20.0/15.7/12.5 กม./ลิตร ตามลำดับ ใครที่พอใจกับสมรรถนะ อาจต้องเข้าใจในจุดนี้บ้าง ได้อย่าง/เสียอย่าง
SUSPENSION ระบบรองรับ
แต่ไหนแต่ไร รถของ ปโรตอน จะมีความหนึบแน่นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับ ปเรวี ยังคงให้อารมณ์หนึบเช่นกัน พวงมาลัยตอบสนองดี แถมมีน้ำหนักค่อนข้างมากที่ความเร็วต่ำ แต่รู้สึกหวิวที่ความเร็วสูงเล็กน้อย (ที่ความเร็ว 150 กม./ชม. ขึ้นไป) หากปรับแต่งช่วงล่างให้หนึบแน่นสมกับความเป็นรุ่นทอพเน้นสมรรถนะ คงขับสนุกกว่านี้มาก แต่ถ้ามองในแง่การเผื่อเหลือให้การใช้งานทั่วไปด้วยถือว่ายังพอรับได้
ความแตกต่างของรุ่นทอพ พรีเมียม คือระบบช่วยการทรงตัวต่างๆ ที่ติดตั้งมาให้เต็มที่ ทั้งถุงลมนิรภัยรอบคัน (คู่หน้า ด้านข้างสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า และม่านถุงลมนิรภัย) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL) และระบบควบคุมการทรงตัว (ESC) มั่นใจว่าสามารถรองรับสมรรถนะได้อยู่หมัด ขณะที่ประสิทธิภาพระบบเบรคถือว่าทำได้ดีเยี่ยม ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. ปเรวี ทำระยะเบรคได้ที่ 15.4/27.6/42.8 ม. นับว่าสูสีและดีกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับ มาซดา 3 รุ่น 2.0 ลิตร ที่ทำได้ 15.4/28.1/44.9 ม. ตามลำดับ
หันมาทางด้าน เอกโซรา ช่วงล่างยังคงนุ่มหนึบ ค่อนข้างมั่นคง แม้ช่วงความเร็วสูง พวงมาลัยหนักมือเล็กน้อย ในแง่การใช้งานในเมืองที่ความเร็วต่ำ ฮอนดา ฟรีด อาจมีความคล่องตัวมากกว่าเล็กน้อย แต่ เอกโซรา จะเด่นกว่าที่ความหนึบ และมั่นคง และด้วยพละกำลัง และสมรรถนะที่กระฉับกระเฉงกว่าเครื่องยนต์ตัวเก่ามากๆ ทำให้ช่วงล่างมีความสมดุลยิ่งขึ้นกับอัตราเร่งที่ฉับไว ส่วนประสิทธิภาพระบบเบรคที่ 60/80/100 กม./ชม. ของ เอกโซรา คือ 15.6/27.4/42.3 ม. ดีกว่าคู่แข่งอย่าง ฟรีด เล็กน้อยที่ทำได้ 15.8/28.2/43.9 ม.
การพัฒนาขุมกำลังของทั้ง ปโรตอน ปเรวี และ เอกโซรา มีแนวทางที่ชัดเจน นั่นคือการเน้นสมรรถนะแบบเต็มๆ ทำให้รถทั้ง 2 รุ่นมีอัตราเร่งที่ฉับไว เกินหน้าคู่แข่งระดับเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด เหมาะสำหรับผู้สนใจที่งบประมาณจำกัด ไม่ยึดติดกับบแรนด์ใหญ่ๆ แต่อยากได้ความเร้าใจแบบจัดเต็ม “ซิ่ง” ได้ไม่น้อยหน้าใคร แถมอุปกรณ์ใช้สอยก็ให้มาเกินตัวเสียด้วย แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆ แต่สิ่งที่ต้องทำใจกับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่อาจจะมากไปสักหน่อย รวมถึงศูนย์บริการที่ยังไม่แพร่หลายมากนัก