ทดสอบ(formula)
Nissan Almera/Mitsubishi Attrage/Honda Brio Amaze
ตลาดอีโคคาร์ ดำเนินมาได้ระยะหนึ่งแล้ว กับรถมากมายหลากรุ่นเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ที่มีงบประมาณจำกัด แต่ต้องการรถที่ประหยัดน้ำมัน และความคุ้มค่าในการใช้งานโดยรวม เดิมทีนั้นทางเลือกเน้นหนักไปทางรถแฮทช์แบค แต่ตอนนี้หลายค่ายเพิ่มทางเลือกด้วยตัวถังซีดานเข้ามาด้วย และครั้งนี้เราก็นำตัวเลือก อีโคคาร์ในแบบซีดานมาทดสอบกันแบบครบทีม !
EXTERIOR ภายนอก
ในแง่ของรูปทรง แต่ละคันก็มีสไตล์เฉพาะตัว แต่เรามีความเห็นว่า อัลเมรา มีรูปทรงที่เป็นเอกเทศ ไม่อิงกับรูปทรงกับแฮทช์แบคร่วมค่ายอย่าง มาร์ช (แม้จะใช้พื้นฐานตัวถังร่วมกัน) ทางด้าน แอททราจ แม้จะปรับเปลี่ยนรูปทรงด้านหน้าแล้ว แต่ก็ยังมีเค้าลางของ มิราจ เจืออยู่พอสมควร ส่วน บรีโอ อเมซ ตัวถังด้านหน้าเหมือนกับแฮทช์แบค บรีโอ แทบทุกกระเบียด มีการสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยที่ส่วนของกระจังหน้า และ บริเวณช่องรับอากาศสีเดียวกับตัวรถ
ขนาดตัวถังของทั้ง อัลเมรา และ แอททราจ ก็มีความใหญ่โตไม่แพ้ซีดานระดับ บี เซกเมนท์ กับระยะฐานล้อที่ 2,600 และ 2,550 มม. ตามลำดับ เทียบเท่าทั้ง โตโยตา วีออส และ ฮอนดา ซิที เลยด้วยซ้ำ อีโคคาร์ ทั้ง 2 รุ่นที่ว่ามาเหมือนเป็นการนำรถ บี เซกเมนท์ มาวางเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ผลดี คือ ผู้บริโภคมีโอกาสได้รถที่มีขนาดใหญ่เกินราคาค่าตัว ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินระดับ 6-7 แสนบาท
ทาง บรีโอ อเมซ ดูจะแตกต่างจากคู่แข่ง 2 คันที่ว่ามา ตัวถังมีขนาดเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัด กับระยะฐานล้อที่ 2,405 มม. ดูเป็นรถเล็กใกล้เคียงระดับ เอ เซกเมนท์ อาจด้อยเรื่องความใหญ่โต ภูมิฐาน ไปบ้าง แต่ก็มีผลดีที่ความคล่องตัวในการใช้งาน ผนวกกับเส้นสายที่ค่อนข้างโฉบเฉี่ยว มีความสปอร์ทมากกว่าคู่แข่งเล็กน้อย
INTERIOR ภายใน
ภายในของ อัลเมรา (รุ่นที่นำมาทดสอบ คือ รุ่นทอพ วีแอล) แทบจะถอดชุดคอนโซลหน้าของ มาร์ช มาเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นปุ่มควบคุมทรงกลม พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน แต่เสริมความหรูด้วยการชุบโครเมียมที่มือจับประตู การประกอบโดยรวมน่าพอใจ แต่จุดเด่นจริงๆ อยู่ที่พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางอย่างน่าพอใจ โดยเฉพาะผู้โดยสารด้านหลังที่เหยียดแข้งเหยียดขาได้สบาย แทบจะลืมไปเลยว่านี่คือ อีโคคาร์ พื้นที่ของผู้ขับนั่งได้สบาย แต่เราคิดว่าพวงมาลัยใช้วัสดุที่แข็งกระด้างเล็กน้อย แถมมีขนาดเล็ก จับไม่กระชับมือเท่าใดนัก
ด้าน แอททราจ เรานำรุ่นทอพมาทดสอบเช่นกัน (รุ่น จีแอลเอส ลิมิเทด) การตกแต่งโดยรวมถือว่าดูลงตัวไม่น้อย แม้แผงคอนโซลหน้าจะอิงรูปแบบจาก มิราจ แต่วัสดุที่ใช้ดูแน่นหนากว่า หรูหราเกินหน้าคู่แข่งด้วยเบาะหนังผสมวัสดุสังเคราะห์ พวงมาลัยหุ้มหนัง แถมยังมีเครื่องเล่นดีวีดี เนวิเกเตอร์ อีกต่างหาก นับว่าไม่ธรรมดาสำหรับรถเก๋งราคาขนาดนี้ (ของคู่แข่งเป็นอุปกรณ์เสริมเลือกติดตั้ง) นอกจากนี้ยังมีแอร์อัตโนมัติ กระจกข้างพับด้วยไฟฟ้า ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ เช่นเดียวกันกับ อัลเมรา
บรีโอ อเมซ แม้มีขนาดตัวค่อนข้างเล็ก แต่การโดยสารโดยรวมยังสะดวกสบาย พวงมาลัยทรงสปอร์ท จับกระชับมือ เบาะคู่หน้าแบบไม่มีพนักพิงศีรษะ แต่โอบสรีระได้เหมาะสม นั่งได้สบายแม้ขับทางไกล พื้นที่ผู้โดยสารด้านหลังอาจไม่มากเท่า อัลเมรา และ แอททราจ แต่ก็นั่งได้สบายพอเพียง ไม่อึดอัดแต่อย่างใด แต่เรื่องอุปกรณ์ใช้สอยก็ดูจะด้อยกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด เพียงพอกับการใช้งานแบบพื้นฐานเท่านั้น
ENGINE เครื่องยนต์
อัลเมรา ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบ 79 แรงม้า กับน้ำหนักตัวในรุ่นทอพที่ 1,027 กก. เฉลี่ยแล้วม้า 1 ตัว แบกน้ำหนักที่ 13 กก.
แอททราจ ใช้เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 3 สูบเช่นกัน แต่มีกำลัง 78 แรงม้า แม้จะน้อยสุดแต่ก็ชดเชยด้วยน้ำหนักที่เบาสุดเช่นกัน (ในรุ่น จีแอลเอส ลิมิเทด) ที่ 930 กก. เฉลี่ยแล้วม้า 1 ตัว แบกน้ำหนักที่ 11.9 กก.
บรีโอ อเมซ เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แต่เป็นแบบ 4 สูบ กำลัง 90 แรงม้า กับน้ำหนักตัวในรุ่นทอพ วี เอที ที่ 965 กก. เฉลี่ยแล้วม้า 1 ตัวแบกน้ำหนักที่ 10.7 กก. เท่านั้น
เริ่มจากอัตราเร่งกันเลย 0-100 กม./ชม. อัลเมรา 16.4 วินาที แอททราจ 15.7 วินาที และ บรีโอ อเมซ 15.2 วินาที
วัดกันยาวๆ ที่ระยะ 0-1,000 ม. อัลเมรา ใช้เวลา 37.4 วินาที (ที่ความเร็ว 140.4 กม./ชม.) แอททราจ 37.1 วินาที (ที่ความเร็ว 141.2 กม./ชม.) บรีโอ อเมซ 36.5 วินาที (ที่ความเร็ว 138.7 กม./ชม.) โดยเป็นความเร็วสูงสุดที่ถูกกำหนดเอาไว้จากโรงงาน ฮอนดา
สุดท้ายคืออัตราเร่งยืดหยุ่นที่ 80-120 กม./ชม. อัลเมรา 12.1 วินาที แอททราจ 11.5 วินาที และ บรีโอ อเมซ 10.2 วินาที
จากการวัดสมรรถนะทั้ง 3 ส่วน บรีโอ อเมซ มีอัตราเร่งที่ดีกว่าทั้งหมด นับเป็นผลดีจากการใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ พละกำลังมาก มีความกระฉับกระเฉงที่น่าพอใจ ขณะที่อันดับ 2 ตกเป็นของ แอททราจ แม้เครื่องยนต์กำลังน้อย แต่ยังอาศัยความเบาของตัวรถ ผนวกกับระบบเกียร์ที่ทันสมัย ขณะที่ อัลเมรา แบกน้ำหนักตัวค่อนข้างมากทำให้อัตราเร่งตามคู่แข่งอย่างที่เห็น แต่พบว่าการรักษาความเร็วคงที่ระดับ 110-130 กม./ชม. ขณะขับทางไกล รถรุ่นนี้ทำได้ดีมาก ผลจากเครื่องยนต์ 3 สูบ ที่มีช่วงชักยาว
มาถึงหนึ่งในหัวข้อสำคัญ คือ ความประหยัดเชื้อเพลิง ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. อัลเมรา ทำได้ 32.2/27.7/20.6 กม./ลิตร แอททราจ 28.9/23.9/19.9 กม./ลิตร และ บรีโอ อเมซ 31.8/26.1/20.3 กม./ลิตร
จะเห็นได้ว่าแต่ละคันมีความประหยัดที่ดี ตามมาตรฐานความเป็นอีโคคาร์ ไม่แพ้ตัวแฮทช์แบคของแต่ละค่าย ทางด้าน แอททราจ แม้ตัวเลขจะไม่หวือหวา แต่ขณะทดสอบ เราสังเกตว่าไฟแจ้งความประหยัด (ECO) มีความยืดหยุ่นที่ดี ปรากฏให้เห็นแม้ขณะกดคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็ว นับประโยชน์ที่ดีในการใช้งานทั่วไปที่ความเร็วจะแปรผันตลอดเวลา จุดนี้ถือว่ารถซีดานจาก มิตซูบิชิ มีความได้เปรียบไม่น้อย ต่างจาก บรีโอ อเมซ ที่ต้องแตะคันเร่งอย่างแผ่วเบามากๆ ไฟ “ECO” จึงจะปรากฏให้เห็น แต่มีการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีที่ความเร็วคงที่ แม้เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ ส่วน อัลเมรา มีระบบ AUTO START/STOP เข้ามาช่วยอีกแรงสำหรับการใช้งานจริง การประหยัดเชื้อเพลิงโดยรวมยังคงอยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว แม้จะมีน้ำหนักค่อนข้างมาก
SUSPENSION ระบบรองรับ
บุคลิกของช่วงล่างของแต่ละรุ่น ถูกปรับแต่งให้เน้นความนุ่มนวล บนพื้นฐานช่วงล่างด้านหน้าแบบ อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบทอร์ชันบีม เหมือนกันทั้ง 3 รุ่น พวงมาลัยเบาแรง เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง
สำหรับ อัมเลรา ช่วงล่างนุ่มนวล แต่แฝงความหนึบเอาไว้พอประมาณ การขับขี่ที่ความเร็วสูง ระบบรองรับตอบสนองได้ดี ไม่มีปัญหา แต่ไม่เหมาะกับการขับขี่แบบฉวัดเฉวียน เนื่องจากน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างมาก อาการโคลงจะมีให้สัมผัสได้พอสมควร อีกทั้งช่วงระยะฐานล้อที่ยาว ทำให้การตอบสนองต่อการบังคับเลี้ยวช้ากว่าตัวแฮทช์แบคเล็กน้อย
แอททราจ มีบุคคลิกที่นุมนวลกว่าใคร พวงมาลัยเบาแรง เหมาะกับมาดหรูของตัวรถ ระยะฐานล้อที่ยาวใกล้เคียงกับ อัลเมรา ทำให้ซีดานของ มิตซูบิชิ มีความมั่นคงในทางตรง แต่มีอาการโคลงมากกว่าเล็กน้อย โดยรวมแล้วยังสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบาย
ทางด้าน บรีโอ อเมซ นอกจากความได้เปรียบเรื่องสมรรถนะแล้ว ระบบช่วงล่างยังคงนุ่มนวล แต่ผสมผสานความหนึบ เห็นได้ชัดเวลาเข้าโค้ง ให้ความรู้สึกมั่นใจได้ดีมาก แม้จะใช้ล้อแมกขนาด 14 นิ้ว อีกทั้งพวงมาลัยที่ไม่เบาหวิวเกินไป ตอบสนองได้ดี ทำให้รถรุ่นนี้ “ซิ่ง” สนุกกว่าใคร อารมณ์สปอร์ทซีดานราคาย่อมเยา
สำหรับประสิทธิภาพของระบบเบรค ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. อัลเมรา ทำได้ที่ 16.1/29.1/45.9 ม. ทางด้าน แอททราจ 15.4/27.6/43.3 ม. และ บรีโอ อเมซ 16.5/29.4/45.0 ม. ตามลำดับ จากตัวเลขดังกล่าวเห็นได้ว่า แอททราจ มีระยะเบรคที่ดีกว่าใคร ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะยางที่ใช้กับรุ่น ดันลอพ เอสพี สปอร์ท 230 ขณะที่ อัลเมรา ใช้ยางประหยัดเชื้อเพลิงอย่าง บริดจ์สโตน บี 250 ด้าน บรีโอ อเมซ ใช้ยางที่เน้นความประหยัดเต็มๆ อย่าง มิเชอแลง เอเนอร์จี เอกซ์เอม 2 เนื้อยางแข็ง ทำให้มีระยะเบรคมากกว่าใครอยู่บ้าง
แม้ อีโคคาร์ จะถูกชูให้เป็นรถที่เน้นความประหยัดเป็นหลัก ทั้งในแง่ของราคาค่าตัว และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง แต่รถทั้ง 3 รุ่นแสดงให้เห็นจุดเด่นที่สามารถสนองความต้องการได้มากกว่านั้น
นิสสัน อัลเมรา มาพร้อมตัวถังที่ใหญ่เกินตัว ภายในกว้างขวาง แถมมีจุดน่าสนใจ คือ ระบบ AUTO START/STOP ที่รถยนต์ราคานับล้านบาทยังไม่มีให้ด้วยซ้ำ นับว่าน่าชมเชยไม่น้อยสำหรับความคุ้มค่าในส่วนนี้ กับราคาที่อยู่ระหว่าง 429,000-599,000 บาท
มิตซูบิชิ แอททราจ เป็นอีโคคาร์ ซีดาน รายล่าสุดที่เพิ่งทำตลาดไม่นาน ชูจุดเด่นด้านความหรู ภูมิฐานเกินตัว ทั้งเบาะหนัง และเครื่องเล่นดีวีดี เนวิเกเตอร์ ถือว่ามีความคุ้มค่าด้านการใช้งานที่น่าพอใจอีกรุ่นหนึ่งเช่นกัน กับช่วงราคาที่ 443,000-582,000 บาท
ฮอนดา บรีโอ อเมซ เน้นความสปอร์ท สมรรถนะดี ขับสนุก ช่วงล่างหนึบโค้ง นับเป็นสปอร์ทซีดานราคาย่อมเยาคันหนึ่งเลยทีเดียว แต่อุปกรณ์ที่น้อยกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด อาจทำให้ผู้ที่รักความสะดวกสบายคิดหนักกับรถรุ่นนี้ แม้ราคาจะถูกกว่าใครที่ 454,000-521,000 บาท
เหล่าซีดาน อีโคคาร์ จัดเต็มกันขนาดนี้ ทำให้เห็นว่า ไม่ต้องจ่ายแพง เราก็ได้ความคุ้มค่าแบบ “สะใจ” แล้ว !?