Quattroruote ลองของแรง
AUDI RS 6 AVANT
สเตชันแวกอนพละกำลังสูงถูกปรับแต่งให้ลงตัวขึ้นในหลายด้าน หนึ่งในนั้น คือ กำลังสูงสุดที่เพิ่มขึ้นอีก 30 แรงม้าจากรุ่นก่อนหน้านี้ และความล้ำสมัยของระบบขับเคลื่อนที่ถูกเสริมเข้ามาให้สมรรถนะเร้าใจได้อีก
เชื่อว่าเหล่าผู้ชื่นชอบรถยนต์จะต้องมีความฝันเอาไว้ในใจไม่มากก็น้อย กับการมีรถยนต์คู่เอาไว้อย่างน้อย 2 คัน คันหนึ่งเป็นรถยนต์สำหรับใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ส่วนอีกคัน คือ รถยนต์แบบเน้นสมรรถนะ สำหรับการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ รวมถึงการขับแบบจับเวลาในสนามแข่ง แต่ความในดังกล่าวก็ไม่อาจะเป็นจริงได้ง่ายๆ จากข้อจำกัดทางด้านรายได้ของหลายคน รวมถึงบางคนมีที่จอดรถในบ้านเพียงพอแค่หนึ่งคันเท่านั้น หากต้องเลือกรถยนต์เพียงหนึ่งคันที่ตอบสนองความต้องการได้พร้อมกัน เราเชื่อว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมี AUDI RS6 AVANT (เอาดี อาร์เอส 6 อาวองท์) รวมอยู่ด้วย เป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปีแล้วที่สเตชันแวกอนพละกำลังสูงรุ่นนี้สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างหลากหลาย นอกจากนี้รูปทรงที่แฝงความดุดันอย่างลงตัวก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นของสเตชันสแวกอนรุ่นนี้เช่นกัน กับขุมกำลังสุดดุดันที่พร้อมปลดปล่อยพละกำลังออกมาเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ เรานึกย้อนไปถึงรุ่นแรกของสายพันธุ์ตัวแรงในปี 2002 กับรุ่นปัจจุบันที่มีการติดตั้งระบบอีเลคทรอนิคเข้ามาเต็มพิกัด กับการขับขี่ที่เฉียบคมกว่าเดิม จากสเตชันแวกอนที่ตอบสนองด้านความสะดวกสบาย กลายเป็นรถยนต์สมรรถนะสูงเทียบชั้นรถสปอร์ทพันธุ์แท้ กับอัตราเร่งที่ฉับไวในพริบตา
รุ่น PERFORMANCE
ราคาจากผู้ผลิต
148,900 ยูโร (ประมาณ 5,840,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
เครื่องยนต์
เบนซิน เทอร์โบคู่ วี 8 สูบ
ความจุ 3,996 ซีซี
กำลังสูงสุด 630 แรงม้า
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
จากผู้ผลิต 7.9 กม./ลิตร
จากการทดสอบ 8.2 กม./ลิตร
ความคุ้มค่าโดยรวม
22.26 ยูโร/100 กม.
อัตราการปล่อยไอเสีย
จากผู้ผลิต 289 กรัม/กม.
จุดแข็ง
สิ่งที่รถยนต์รุ่นนี้ทำได้ดีเกินคาด คือ อัตราเร่งอันฉับไว แม้ตัวถังจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่การเข้าโค้งยังทำได้เฉียบคม ภายใต้น้ำหนักโดยรวมที่ค่อนข้างมาก เป็นผลดีจากการปรับแต่งอย่างชาญฉลาดจากผู้ผลิต ไม่ว่าจะเป็น ระบบหักเลี้ยวล้อคู่หลัง และการส่งกำลังของชุดเฟืองขับเคลื่อนที่มีความลงตัวอย่างยอดเยี่ยม สุดท้าย คือ สมรรถนะอันดุดัน อัตราเร่งในทางตรงของรถคันนี้ไม่แพ้รถสปอร์ทพันธุ์แท้เลยทีเดียว
จุดอ่อน
รุ่น PERFORMANCE ติดตั้งระบบที่มีความทันสมัยมากมาย ช่วยให้การขับขี่มีความเร้าใจยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์หลายรายการกลับต่องจ่ายเงินเพิ่ม เช่น ท่อไอเสียแบบสปอร์ท และระบบรองรับแบบแปรผันการตอบสนองได้ นอกจากนี้ ภายใต้สมรรถนะ และการขับขี่ที่รองรับพละกำลังได้ดี แต่น้ำหนักโดยรวมของรถคันนี้ยังค่อนข้างสูงเกินไป ส่งผลต่อการถ่ายเทน้ำหนักขณะเข้าโค้ง
แรงขึ้นมาอีกขั้น
นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2019 รุ่น RS6 AVANT จัดเป็นตัวแรงลำดับที่ 4 ของสายพันธุ์กับการพัฒนาขึ้นมาอีกขั้น เสริมความโดดเด่นให้กับตัวรถมากยิ่งขึ้น รุ่นที่เรานำมาทดสอบ คือ รุ่นย่อย PERFORMANCE กับการจ่ายเงินเพิ่มอีกกว่า 10,000 ยูโร จากรุ่นปกติ แต่ได้รับการปรับปรุงในหลายส่วน รวมถึงบรรดาอุปกรณ์ควบคุมด้วยอีเลคทรอนิคที่ทันสมัยติดตั้งมาให้ตั้งแต่รุ่นพื้นฐาน (เช่น ไฟหน้าแบบ แอลอีดี นำทางด้วยเลเซอร์ ระบบเฟืองท้ายแบบสปอร์ท และระบบบังคับเลี้ยวล้อคู่หลัง) ช่วยให้การใช้งานมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เครื่องยนต์เบนซิน เทอรืโบคู่ แบบ วี 8 สูบ ขนาด 4.0 ลิตร ได้กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นมาอีก 30 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดอีก 51.0 กก.-ม. ความแตกต่างไม่ใช่แค่พละกำลังโดยรวมเท่านั้น ทางผู้ผลิตยังปรับแต่งการตอบสนองได้ฉับไวยิ่งขึ้นด้วย อัตราทดเกียร์ถูกปรับแต่งให้มีความกระชับยิ่งขึ้น และชุดส่งกำลังที่มีความแม่นยำกว่าเดิม เหนือสิ่งอื่นใด คือ การลดน้ำหนักโดยรวมลงมาเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็น ล้อแมกแบบขึ้นรูปชิ้นเดียวขนาด 22 นิ้ว และการลดวัสดุดูดซับเสียงรบกวนจากภายนอก มีผลพลอยได้ที่ดี คือ ความเร้าใจของเครื่องยนต์ได้มีอรรถรสมากยิ่งขึ้น แม้ต้องยอมเสียความรื่นรมย์จากชุดเครื่องเสียงไปบ้าง
แม้รูปทรงของตัวรถโดยรวมจะบ่งบอกความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ของ RS6 ตัวถังมีความใหญ่โตพอสมควร แต่สิ่งที่ว่ามาก็ถูกชดเชยได้ด้วยการปรับปรุงในหลายส่วน (เรานำเสนอในรายละเอียดในหัวข้อการทดสอบสมรรถนะในหน้าถัดไป) ส่งผลให้สเตชันแวกอนคันนี้มีความลงตัวมากยิ่งขึ้น สมกับการเป็นตัวแรงจากเมือง INGOLSTADT ที่พุ่งทะยานบนพื้นถนน บุคลิกของตัวรถมีความหลากหลายตามแต่การปรับแต่งของผู้ขับ สามารถปรับแต่งระดับการตอบสนองได้หลายหัวข้อเลยทีเดียว โดยมีปุ่มใช้งานบนพวงมาลัย สามารถบันทึกในหน่วยความจำได้ 2 ชุดด้วยกัน ยกตัวอย่าง คือ การปรับแต่งแบบเน้นความสะดวกสบาย ตัวรถจะตอบสนองอย่างนุ่มนวลใกล้เคียงกับรุ่น A6 TDI (เอ 6 ทีดีไอ) โดยมีระดับเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ และระบบรองรับที่ยังใกล้เคียงกันอยู่ เมื่อผู้ขับลองปรับแต่งการตอบสนองเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง แผงมาตรวัดก็จะเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลเช่นกัน กลายเป็นรถยนต์ที่มีความดุดัน และดิบห้าวทันใด ตัวถังที่มีความยาวถึง 5 ม. และน้ำหนักมากกว่า 2 ตัน อาจมีอาการโคลงให้สัมผัสตามน้ำหนักของตัวรถ แต่การตอบสนองของการขับขี่ยังคงทำได้เฉียบคมอย่างยอดเยี่ยม อัตราเร่งมีความฉับไว ราวกับรถยนต์ที่มีน้ำหนักเบากว่านี้ประมาณ 300 กก. สามารถเข้าโค้งได้อย่างฉับไว และกดคันเร่งออกจากโค้งได้อย่างมั่นคง เป็นผลดีจากความหนึบแน่นของระบบรองรับ และการตอบสนองของเครื่องยนต์แบบ วี 8 สูบ เมื่อกดปุ่มปรับโหมดการขับขี่ รถคันนี้ก็กลับมาสู่ความนุ่มนวลได้ทันทีตามต้องการ
พื้นที่ใช้สอย และทัศนวิสัย
การประเมินผลของ QUATTRORUOTE
เบาะผู้ขับ •••••
เบาะนั่งพร้อมระบบระบายอากาศ คือ หนึ่งในสิ่งบ่งบอกบุคลิกของรถรุ่นนี้ นั่นคือ ความสปอร์ทในแง่ของรูปทรง แต่ตอบสนองเรื่องความสะดวกสบายได้ครบถ้วน
แผงหน้าปัด และปุ่มใช้งานต่างๆ •••••
ปุ่มใช้งานแบบดั้งเดิมมีจำนวนลดลงกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ การใช้งานแบบดิจิทอลมีความละเอียด ตอบสนองแม่นยำ ส่วนใช้งานต่างๆ สามารถใช้งานได้สะดวก และมีเสียงประกอบการใช้งานที่เหมาะสม การออกแบบโดยรวม และวัสดุที่เลือกใช้มีความลงตัวเช่นกัน
แผงหน้าปัด •••••
การแสดงผลแบบดิจิทอลเต็มพิกัด หน้าแบบ VIRTUAL COCKPIT คือ หนึ่งในออพชันที่โดดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้ในแง่ของการใช้งาน มีรูปแบบการแสดงผลสำหรับรุ่น RS โดยเฉพาะ แสดงผลได้หลากหลายรูปแบบ
ระบบความบันเทิง •••••
ระบบเครื่องเสียงอาจถูกใช้งานมาเป็นเวลา 2-3 ปีมาแล้ว แต่การใช้งานโดยรวมยังคงมีความทันสมัยอย่างน่าพอใจ รองรับการสั่งงานด้วยเสียง การแสดงผลของกราฟิคมีความสวยงาม และคมชัด
ระบบปรับอากาศ •••••
ระบบปรับอากาศมีการทำงานที่ละเอียด และแม่นยำ สามารถปรับอากาศอัตโนมัติได้ถึง 4 โซน ปรับอุณหภูมิได้อย่างต่อเนื่อง รับประกันได้ว่าผู้โดยสารในแต่ละตำแหน่งจะได้รับความสะดวกสบายอย่างทั่วถึง
ทัศนวิสัย ••••
จุดอับสายตาส่วนแรกที่เราเจอ คือ กระจกมองข้างที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ บดบังทัศนวิสัยเล็กน้อยขณะทำการเลี้ยวรถ นอกเหนือจากนี้แล้ว ทัศนวิสัยโดยรวมมีความปลอดโปร่งดี ระบบไฟหน้าแบบแปรผันการส่องสว่างทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม
คุณภาพการประกอบ •••••
RS6 เป็นรถยนต์ที่ถูกใส่ใจในรายละเอียดได้อย่างน่าพอใจมาก วัสดุมีคุณภาพสูง การประกอบที่แน่นหนาไร้ที่ติ ใส่ใจในรายละเอียดแทบทุกสัดส่วน สามารถเลือกรูปแบบการตกแต่งได้ตามใจผู้เป็นเจ้าของ
อุปกรณ์ใช้งาน •••••
รถยนต์สัญชาติเยอรมันมีรายการของอุปกรณ์เลือกติดตั้งมากมาย AUDI รุ่นนี้ก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน มีอุปกรณ์ติดตั้งมาจากโรงงานอย่างครบครัน และยังมีอุปกรณ์เลือกติดตั้งอีกมากมายหลายรายการ
ระบบความปลอดภัย/ระบบช่วยเหลือการขับขี่ •••••
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ระดับ 2 มีติดตั้งหลายรายการ แม้อีกหลายระบบจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม ตามแต่ระดับของการตกแต่ง และรุ่นย่อยของสเตชันแวกอนรุ่นนี้
พื้นที่ใช้สอย •••••
การโดยสารโดยรวมให้ความสะดวกสบายอย่างทั่วถึง หากมีจำนวนผู้โดยสารไม่เกิน 4 คน เบาะแถวที่ 3 มีรูปแบบการนั่งแบบ 2+1 คน ถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าประหลาดใจเท่าใดนัก เนื่องจากเบาะแถวที่ 2 ค่อนข้างกินเนื้อที่ไปพอสมควร
ที่เก็บสัมภาระท้าย ••••
ความจุของที่เก็บสัมภาระท้าย คือ 407 ลิตร เท่ากับ A6 ในแต่ละรุ่นย่อย สิ่งที่เหนือกว่าของตัวแรงรหัส RS คือ ช่องเก็บของที่มีการตกแต่งเป็นพิเศษ ขนสัมภาระได้สะดวก และวัสดุที่เลือกติดตั้งมีคุณภาพสูง
เครื่องยนต์แรงดันสูง แต่เบากว่าเดิม
ระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบคู่ตามที่เห็นในรูปด้านล่าง วางตำแหน่งตรงกลางของเครื่องยนต์แบบ วี 8 ทำมุม 90 องศา มีการไหลเวียนของอากาศที่ไหลลื่นขึ้น และสามารถรองรับการบูสท์ได้มากกว่าระดับ 0.2 บาร์ เทียบกับรุ่นพื้นฐานของ RS6 ผลลัพธ์ คือ กำลังสูงสุดที่เพิ่มขึ้นจาก 600 เป็น 630 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 81.6 กก.-ม. เป็น 86.7 กก.-ม. นอกจากนี้ยังมีการปรับแต่งระบบส่งกำลังด้วย กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ TIPTRONIC ปรับปรุงซอฟท์แวร์ที่ช่วยให้อัตราทดมีความกระชับยิ่งขึ้น ขณะที่การตอบสนองของระบบเฟืองส่งกำลัง ตามด้วยการปรับปรุงในส่วนของเครื่องยนต์กลไก รูปแบบโดยรวมยังคงเหมือนกับรุ่นพื้นฐาน แต่มีการเปลี่ยนอุปกรณ์เพิ่มเติมที่ช่วยลดขนาดโดยรวมลงได้ รวมถึงน้ำหนักด้วย ทำให้การตอบสนองโดยรวมมีความรวดเร็วกว่าเดิม สำหรับการส่งกำลังของแรงบิดไปยังเพลาขับแต่ละตำแหน่ง ภายใต้การขับขี่ตามปกติ อัตราส่วนการส่งกำลังของล้อคู่หน้า/หลัง คือ 40:60 แต่ระบบสามารถแปรผันการส่งกำลังที่ 70:30 หรือ 15:85 ตามแต่สภาวะการขับขี่ ในส่วนของอัตราเร่ง รุ่น PERFORMANCE ติดตั้งชุดเฟืองส่งกำลังส่วนท้ายแบบสปอร์ท (ตามรูปประกอบด้านล่าง) ช่วยให้การส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังสามารถแปรผันแยกกันได้ในแต่ละฝั่ง โดยพื้นฐานแล้ว คือ ระบบกระจายแรงบิดแบบแปรผันที่ช่วยให้รถทะยานไปข้างหน้าได้อย่างฉับไว ลดอาการอันเดอร์สเตียร์ขณะกดคันเร่งออกจากโค้ง นอกจากนี้ยังทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ มีการทำงานที่ไหลลื่นยิ่งขึ้น เสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ลดลง และการทำงานของชุดเฟืองท้ายที่เงียบกว่าเดิม ช่วยลดน้ำหนักลงถึง 5 กก. และซุ่มเสียงของเครื่องยนต์แบบ วี 8 สูบมีความเร้าใจกว่าเดิม สุดท้าย คือ ล้อแมกขนาด 22 นิ้วแบบหล่อขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียว ช่วยลดน้ำหนักในล้อแต่ละตำแหน่งได้ถึง 5 กก. และมีการปรับปรุงระบบระบายความร้อนจากชุดเบรคที่ดีขึ้นด้วย
ระบบไฮบริดขนาดเล็ก
ทางเลือก 2 รูปแบบที่ช่วยลดค่าไอเสียได้ดี อย่างแรก คือ ชุดสร้างกระแสไฟฟ้ากลับมาใช้งานได้แบบ 48 โวล์ท ขณะที่ผู้ขับยกคันเร่ง และเก็บกระแสไฟฟ้าไว้ในชุดแบทเตอรีแบบ ลิเธียม-ไอออนขนาดเล็ก และทำงานขณะทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ฉับไวยิ่งขึ้น และเงียบกว่าเดิม ถัดมา คือ ระบบที่สามารถเลือกการทำงานของชุดลูกสูบได้ ไม่ว่าจะเป็นจำนวน 2, 3, 5 และ 8 ลูกสูบก็ตาม ภายใต้สภาวะที่ไม่ต้องการพละกำลังมากนัก โดยจะทำการปิดชุดวาล์วลง
ข้อมูลจำเพาะ
ข้อมูลรถทดสอบจากผู้ผลิต
เครื่องยนต์
• เบนซิน วางตามยาว
• แบบ วี 8 สูบ (ทำมุม 90 องศา)
• กระบอกสูบ 86.0 มม.
• ช่วงชัก 86.0 มม.
• ความจุ 3,996 ซีซี
• กำลังสูงสุด 630 แรงม้า ที่ 6,000 รตน.
• แรงบิดสูงสุด 86.7 กก.-ม. ที่ 2,300-4,500 รตน.
• เสื้อสูบผลิตจากวัสดุโลหะน้ำหนักเบา
• ดับเบิล โอเวอร์เฮด แคมชาฟท์ , วาล์วแปรผัน 2 ชุด , ระบบตัดการทำงานทั้ง 4 สูบ , 4 วาล์ว ต่อลูกสูบ (สายพานโซ่)
• ระบบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง , เทอร์โบคู่ และอินเตอร์คูเลอร์
• ชุดกรองไอเสีย
• ระบบไฮบริดขนาดเล็ก แบบ 48 โวลท์
ระบบส่งกำลัง
• ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
• ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
• ชุดเฟืองท้าย แปรผันการส่งกำลัง
รูปแบบตัวถัง
• ตัวถังใช้วัสดุโลหะ ผสมอลูมิเนียมบางส่วน แบบ 2 กล่อง 5 ประตู 5 ที่นั่ง
• ระบบรองรับด้านหน้าแบบ ปีกนกคู่ คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
• ระบบรองรับด้านหลัง แบบ มัลทิลิงค์ คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
• ระบบชอคอัพ ไฮดรอลิค แปรผันการอีเลคทรอนิค
• ระบบบังคับเลี้ยวล้อคู่หลัง
• ระบบเบรคแบบจาน วัสดุคาร์บอนเซรามิค พร้อมช่องระบายอากาศ เอบีเอส และอีเอสพี
• ระบบบังคับเลี้ยว ฟันเฟือง และตัวหนอน แปรผันด้วยไฟฟ้า
• ความจุถังน้ำมัน 73 ลิตร
ยาง
• CONTINENTAL SPORTCONTACT 7 ขนาด 285/30ZR22 101Y
• ชุดอุปกรณ์ปะยาง
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
• ระยะฐานล้อ 2,930 มม.
• ความกว้างของฐานล้อ คู่หน้า 1,670 มม. คู่หลัง 1,650 มม.
• ความยาว 5,000 มม. กว้าง 1,950 มม. สูง 1,490 มม.
• น้ำหนักโดยรวม 2,090 กก. รวมน้ำหนักบรรทุกสุงสุด 2,740 มม. น้ำหนักลากจูงสูงสุด 2,100 กก.
• ความจุที่เก็บสัมภาระท้าย 565-1,680 ลิตร
ผลิตที่
• เมือง NECKARSULM (ประเทศเยอรมนี)
การทดสอบในสนาม VAIRANO
การจับเวลาในสนามแข่งแห่งนี้ แสดงให้เห็นว่า เวลาต่อรอบเร็วขึ้นอีก 1.13 วินาที เมื่อเทียบกับรุ่นพื้นฐาน รุ่นย่อย PERFORMANCE มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นมาอีกระดับ ภายใต้การขับขี่บนทางโค้งที่หลากหลาย เป็นผลดีจากการเข้าโค้งได้อย่างมั่นคง และระบบเฟืองขับเคลื่อนที่มีการส่งกำลังได้อย่างยอดเยี่ยม การส่งกำลังจากล้อคู่หลังทำได้อย่างดุดันเช่นกัน มีอาการอันเดอร์สเตียร์น้อยมากขณะกดคันเร่งออกจากโค้ง โดยรวมแล้ว หากพิจารณาจากน้ำหนักของตัวรถที่ค่อนข้างมาก RS6 AVANT ขับขี่ได้สนุกเร้าใจ เสริมความลงตัวด้วยยาง และระบบเบรกที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณลักษณะการขับขี่มีความลงตัวยิ่งขึ้น
การทดสอบสมรรถนะ
การทดสอบระบบความปลอดภัย
การประเมินผลของ QUATTRORUOTE
ความสะดวกสบาย •••••
พิจารณาจากการเป็นรถยนต์สมรรถนะสูง ความสะดวกสบายที่ให้มาถือว่าทำได้ดีเกินคาด ระบบรองรับสามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีมาก หากใช้งานในโหมด COMFORT ความเงียบในห้องโดยสารจะใกล้เคียงกับ A6 TDI เครื่องยนต์ดีเซล เลยทีเดียว ยกเว้นเวลาทำอัตราเร่งเสียงเครื่องยนต์จะดังเป็นพิเศษ แต่ นั่นคือ สิ่งที่หลายคนต้องการอยู่แล้ว
เครื่องยนต์ •••••
พละกำลังที่เพิ่มขึ้นมาอีก 30 แรงม้า จากการเพิ่มบูสท์ของเทอร์โบ สิ่งทีได้มา คือ ความเร้าใจที่มากกว่ารุ่นปกติ อย่างที่หาไม่ได้ง่ายๆ ในรถยนต์สมรรถนะสูงหลายคัน เครื่องยนต์ วี 8 สูบ มีการตอบสนองที่ไหลลื่นยามผู้ขับกดคันเร่งลงไป พร้อมกับความดุดันอันเร้าใจหากต้องเน้นสมรรถนะกันอย่างสุดขั้ว
อัตราเร่ง •••••
RS6 คือ รถยนต์ที่มีจุดเด่นในเรื่องของอัตราเร่ง ระบบช่วยออกตัวจากจุดหยุดนิ่งถูกปรับแต่งมาอย่างลงตัว ผนวกกับความหนึบแน่นของตัวรถ สามารถกระชากผู้ขับได้ในพริบตา นำมาสู่อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.1 วินาทีเท่านั้น เร็วกว่ารุ่นปกติที่ 0.1 วินาที
อัตราเร่งยืดหยุ่น •••••
ก่อนอื่นเลย ผู้ขับต้องประเมินให้ดีว่า ต้องการอัตราในส่วนนี้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากการตอบสนองของรถรุ่นนี้มีความฉับไวในพริบตาเท่านั้น หากเน้นสมรรถนะเต็มพิกัด อัตราเร่งที่ถูกปลดปล่อยออกมาอาจจะอยู่เหนือความคาดคิดของผู้ขับก็เป็นได้ เมื่อเทียบกับรุ่นปกติของ RS6 AVANT กับแรงบิดที่เพิ่มขึ้นอีก 5.1 กก.-ม. และระบบเกียร์ที่ส่งกำลังได้อย่างต่อเนื่อง
ระบบส่งกำลัง •••••
การตอบสนองของระบบส่งกำลังมีความไหลลื่น และหลากหลายเกินคาด เป็นหนึ่งในจุดที่น่าสนใจของ RS6 คันนี้ เกียร์แบบ TIPTRONIC มีช่วงการทำงานที่กว้าง หากผู้ขับต้องการความผ่อนคลาย และนุ่มนวล ระบบเกียร์ก็ตอบสนองได้อย่างน่าพอใจ และหากต้องการเน้นสมรรถนะแบบจัดเต็ม ระบบเกียร์ก็มีความกระฉับกระเฉงทันที
การบังคับควบคุม •••••
การตอบสนองทำได้แม่นยำแทบไร้ที่ติ อย่างไรก็ตามในบางจังหวะของการหักเลี้ยวพวงมาลัย น้ำหนักของพวงมาลัยค่อนข้างมากเกินควรไปเล็กน้อย แต่ถือเป็นเรื่องปกติที่พอจะมองข้ามไปได้ ในแง่ของการเป็นรถยนต์สมรรถนะสูง นอกเหนือจากนั้นแล้ว การตอยสนองของการหักเลี้ยวทำได้ยอดเยี่ยม และแม่นยำดีมาก
ระบบเบรค •••••
ขนาดของจานเบรคที่ใหญ่โต เหมาะสมกับขนาดของตัวถังของ AUDI คันนี้ได้พอดี ระยะเบรกที่สั้นทุกสภาวะ คือ สิ่งพิสูจน์ประสิทธิภาพของระบบเบรค แต่สิ่งที่ทำได้ดียิ่งกว่า คือ การชะลอความเร็วอย่างหนักแน่นหลังจากทำอัตราเร่ง ตลอดจนความทนทานของระบบเบรค ไม่มีอาการล้าให้เห็น
ความคล่องแคล่ว •••••
ตัวถังที่มีความยาวร่วม 5 ม. และน้ำหนักโดยรวมในระดับ 2 ตัน ขึ้นไป จากสเปคตามที่กล่าวมา หลายคนอาจไม่คาดคิดว่า ตัวถังลักษณะดังกล่าวจะเป็นรถที่มีความคล่องแคล่ว ฉับไวเกินคาด การเข้าโค้งต่อเนื่องให้ความรู้สึกที่เร้าใจ สนุกกับควบคุมรถได้ดี ภายใต้การตอบสนองที่มั่นคง และปลอดภัย
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ••
ระยะทำการสูงสุดของรถยนต์คันบนี้อาจค่อนข้างสั้น จากบุคลิก และการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่เน้นในเรื่องของสมรรถนะ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ทำออกมาได้อยู่ที่ประมาณ 8 กม./ลิตร เท่านั้น หากผู้ขับตั้งใจขับแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจได้ตัวเลขที่ 10 กม./ชม. ก็เป็นได้ แต่ดูจะไม่คุ้มค่ากับรถยนต์ที่มีสมรรถนะแบบนี้เอาเสียเลย
