เรื่องเด่น Quattroruote
VOLKSWAGEN MULTIVAN
รถตู้รุ่นคลาสสิค รหัส T7 สร้างชื่อเสียงมาช้านาน ล่าสุดกับการเปิดตัวรุ่นใหม่แกะกล่อง กับเส้นสายที่ยังคงเอกลักษณ์ที่น่าคุ้นเคยเป็นอย่างดี ห้องโดยสารกว้างขวาง ใช้งานได้อเนกประสงค์ นอกจากนี้ ยังมีความสะดวกสบาย ระบบความปลอดภัยครบครัน และการขับขี่ที่ลงตัว
รุ่น 1.4 TSI EHYBRID ENERGETIC
ราคา
(จากผู้ผลิต) 65,080 ยูโร (ประมาณ 1,938,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
เครื่องยนต์
เบนซิน เทอร์โบ 4 สูบเรียง + มอเตอร์ไฟฟ้า 1,395 ซีซี
กำลังสูงสุด
218 แรงม้า
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
จากผู้ผลิต (มาตรฐาน WLTP) 54.6 กม./ลิตร
จากการทดสอบ 31.0 กม./ลิตร
ความคุ้มค่าการชาร์จปกติ 10.82 ยูโร/100 กม.
ความคุ้มค่าการชาร์จเร่งด่วน 11.95 ยูโร/100 กม.
อัตราการปล่อยไอเสีย
จากผู้ผลิต (มาตรฐาน WLTP) 42 กรัม/กม.
จากการทดสอบ 77 กรัม/กม.
จุดแข็ง
ห้องโดยสารที่ใช้งานได้หลากหลาย มีความอเนกประสงค์ เป็นจุดเด่นของ เอมพีวี รุ่นนี้ รองรับผู้โดยสาร 7 คนได้สบายๆ และปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามความต้องการ การขับขี่มีความคล่องแคล่ว ให้ความรู้สึกที่มั่นคง และมีความนุ่มนวลที่เหมาะสมด้วยในบางกรณี
จุดอ่อน
แม้เบาะนั่งจะใช้วัสดุน้ำหนักเบา แต่น้ำหนักโดยรวมของตัวรถยังค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับรถยนต์ประเภทนี้ ช่วยให้ตัวถังมีความแข็งแรงที่เหมาะสม นอกจากนี้อัตราสิ้นเปลืองควรทำได้ดีกว่านี้ รวมถึงถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่น่าจะมีความจุมากกว่านี้ สำหรับรถที่เน้นการเดินทางไกล
การทดสอบในครั้งนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีความสนใจ 2 ประการตามนี้ คือ ประการแรก กำลังมองหารถยนต์สไตล์เอมพีวี ที่มีเบาะนั่ง 7 ตำแหน่งขึ้นไป และมีอุปกรณ์ใช้สอยมากมายบนคอนโซลหน้า รวมถึงการใช้งานแบบครอบครัวหลายคน หรือชื่นชอบรถตู้ขนาดใหญ่ ไม่อย่างนั้นก็คือ ถูกทุกข้อ ประการที่ 2 เป็นผู้ที่หลงใหลรูปแบบเฉพาะตัวของรถตู้จากค่ายรถ VOLKSWAGEN (โฟล์คสวาเกน) อาจเป็นเหตุผลที่เป็นไปได้เพียงข้อเดียว แม้ในความเป็นจริงแล้ว รถยนต์ประเภทนี้มีตัวเลือกอีกมากมาย พร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวางไม่แพ้กัน แต่ต้องยอมรับว่า รถยนต์ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ภายใต้ชื่อเสียงที่สืบทอดมานานกว่า 70 ปี มีกลุ่มผู้ชื่นชอบรถตู้รุ่นนี้มากมาย สู่การเป็นหนึ่งในรถยนต์ระดับคลาสสิค ดังเช่น PORSCHE 911 (โพร์เช 911) หรือ LAND ROVER SERIES 1 (แลนด์ โรเวอร์ ซีรีส์ 1)
ทายาทลำดับที่ 7 ของสายพันธุ์ กับรหัส T7 ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้ติดต่อกันมาหลายรุ่น นับตั้งแต่ปี 1949 จนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ T1, T2 และต่อเนื่องกันมา ถึงรหัส T6.1 กับรูปแบบตัวถังที่ใกล้เคียงกัน แต่รุ่นล่าสุดมีการเปลี่ยนแปลงในหลายจุด ความคุ้นเคยที่ยังสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น (การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเกิดขึ้นกับรุ่น T6.1 นับตั้งแต่ราคาที่สูงขึ้น และคงที่นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา) จากการเป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มีชื่อเรียกว่า TRANSPORTER (ทรานสปอร์เตอร์) รุ่นที่เน้นการโดยสารเต็มพิกัด กับชื่อ MULTIVAN (มัลทิแวน) และรุ่นที่เน้นกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การตั้งแคมพ์ กับรุ่น CALIORNIA (แคลิฟอร์เนีย) มาถึงรุ่นล่าสุด คือ T7 ถือเป็นรุ่นแรกที่ถูกพัฒนาบนโครงสร้างตัวถังแบบใหม่ล่าสุด (รหัส MQB สำหรับเครื่องยนต์วางตามขวาง) และจะไม่มีรุ่นย่อยสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ และการใช้งานสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งอีกต่อไป ทำให้รุ่นนี้เป็นเอมพีวีที่มีความเป็นเอกเทศกว่าเดิม มาพร้อมเครื่องยนต์แบบพลัก-อิน ไฮบริด (ติดตั้งเป็นครั้งแรก) เชื่อมโยงเอกลักษณ์ดั้งเดิมในอดีต และรูปแบบที่ล้ำสมัยแห่งอนาคต ภายใต้ชื่อ ID.BUZZ (มีกำหนดเปิดตัวในปีหน้า) กับการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว โดยก่อนหน้านี้ถูกเผยโฉมภายใต้การเป็นรถยนต์ต้นแบบ VOLKSWAGEN BULLI ANCESTOR ขณะที่รุ่นเพื่องานขนส่งเชิงพาณิชย์ชื่อ TRANSPORTER อาจมีการพัฒนาร่วมกับ FORD (ฟอร์ด) แต่ยังไม่มีความชัดเจนในตอนนี้
รูปแบบใหม่ๆ ของรถยนต์รุ่นนี้มีความสำคัญไม่น้อย แต่ยังไงก็ยังมีจุดเด่นอีกหลายอย่างที่น่าสนใจเช่นกัน การมาถึงของ MULTIVAN รุ่นใหม่ ทำให้โลกยานยนต์ถูกเปิดแง่มุมใหม่อีกหลายประการเช่นกัน หลักๆ แล้ว ได้แก่ พื้นที่ห้องโดยสาร จนถึงการประหยัดเชื้อเพลิง และยังมีการขับขี่ที่น่าพอใจด้วย นอกจากนี้ ยังมีน้ำหนักโดยรวมที่เหมาะสม จากการหันมาใช้วัสดุอลูมิเนียม (ในหลายจุดของตัวรถ รวมถึงส่วนประกอบของระบบรองรับแทนที่วัสดุโลหะ) และมีการปรับปรุงในหลายจุด ทำให้ T7 มีน้ำหนักน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้านี้อย่าง T6.1 ประมาณ 200 กก. เลยทีเดียว แม้น้ำหนักของรถรุ่นล่าสุดจะอยู่ที่ 2,287 กก. แต่ยังถือว่าน่าพอใจ เมื่อเทียบกับเอสยูวีอีกหลายรุ่นที่มีน้ำหนักมากกว่านี้ด้วยซ้ำ โดยเอมพีวีรุ่นนี้ยังลู่ลมอย่างน่าพอใจด้วย กับสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศที่ 0.30 เท่านั้น (จากข้อมูลของทางผู้ผลิต) เทียบกับตัวเลขที่ 0.35 ของรุ่นก่อนหน้านี้ โดยรวมแล้ว เอมพีวีรุ่นนี้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นในหลายด้าน อย่างไรก็ตาม รูปทรงภายนอกที่สวยสะดุดตา ผู้ขับสามารถรับรู้ได้ทันทีเมื่อก้าวเข้าไปในห้องโดยสาร และเริ่มขับเคลื่อนรถรุ่นนี้
รุ่น GOLF ขยายร่าง !
ความสูงจากกลางลำตัวผู้ขับถึงพื้นถนนของเอมพีวีรุ่นนี้ อยู่ที่ 880 มม. ทำให้การขึ้น/ลงห้องโดยสารทำได้สะดวก อย่างไรก็ตาม รูปแบบของคอนโซลหน้า ชวนให้ผู้ขับนึกถึง GOLF 8 (กอล์ฟ 8) แม้ตำแหน่งการนั่งจะแตกต่างกันตามลักษณะของตัวรถ โดยเอมพีวีจะนั่งสูงขึ้นมามากกว่า แต่โดยรวมตำแหน่งต่างๆ ในส่วนของผู้ขับมีความลงตัวที่น่าพอใจ (ระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างช่วงลำตัว และปุ่มใช้งานต่างๆ รวมถึงตำแหน่งของพวงมาลัยที่ไม่ทำมุมเงยมากเกินไป) ติดตั้งระบบใช้งานที่ทันสมัย มีความเป็นดิจิทอลสูง รวมถึงแผงหน้าปัดแบบ INNOVISION ประกอบด้วย จอแสดงผลขนาดใหญ่ วางตำแหน่งต่อเนื่องกัน ใช้งานสำหรับการเป็นส่วนหน้าปัด และการแสดงผลระบบความบันเทิงในตัว ส่วนคันเกียร์เป็นระบบสั่งงานด้วยไฟฟ้า ติดตั้งถัดมาจากพวงมาลัย ปุ่มใช้งานต่างๆ ยังคงเป็นแบบดั้งเดิม มีการตอบสนองการสัมผัสที่ลงตัว แทนที่จะเป็นปุ่มใช้งานระบบสัมผัสแบบที่รถยนต์สมัยใหม่หลายรุ่นใช้กัน ขณะที่แถบควบคุมด้านล่างจอแสดงผลหลัก ใช้งานสำหรับการปรับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศ และใช้ควบคุมระดับเสียง เป็นรูปแบบที่เหมือนกับรถยนต์หลายรุ่นของค่าย และยังมีการติดตั้งไฟส่องสว่างสำหรับเสริมบรรยากาศในห้องโดยสาร
องค์ประกอบอื่นๆ ที่น่าสนใจ คือ สิ่งที่มีติดตั้งในรุ่น MULTIVAN เท่านั้น โดยมีบรรดาอุปกรณ์ติดตั้งจากโรงงานอีกมากมาย เช่น ลิ้นชักเก็บของแบบดึงออกมาใช้งานได้เต็มที่ ติดตั้งบริเวณตรงกลางของคอนโซลหน้า และกล่องเก็บถุงมือ 2 ตำแหน่ง ติดตั้งด้านหน้าผู้ขับ รวมถึงที่เก็บของในส่วนต่างๆ และลิ้นชักเก็บของที่พบเจอได้ทั่วห้องโดยสาร ช่องต่อ USB หลายจุด (ด้านหน้า 2 จุด และด้านหลังอีก 4 จุด เป็นแบบ TYPE C ทั้งหมด) และมีแม้กระทั่งที่ทิ้งขยะบริเวณแผงประตูด้านในอีกด้วย เป็นลักษณะเดียวกับที่พบมาแล้วในรถ SKODA FABIA (สโกดา ฟาบีอา) นอกจากนี้ เอมพีวีคันนี้ไม่มีส่วนอุโมงค์เกียร์ตรงกลาง ทำให้มีความปลอดโปร่งของห้องโดยสารที่ดียิ่งขึ้น เสริมด้วยหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิค (เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน) ห้องโดยสารจึงมีแสงสว่างที่ทั่วถึง ให้บรรยากาศราวกับห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่
รถคันนี้เป็นเสมือนบ้านเคลื่อนที่ สำหรับ MULTIVAN รุ่นล่าสุด มีการตกแต่งห้องโดยสารด้วยวัสดุอลูมิเนียมในหลายส่วนทั่วทั้งห้องโดยสาร มีความสวยงามลงตัว รองรับเบาะนั่งหลายตำแหน่ง โดยเบาะนั่งแถวที่ 3 แบบ 3 ตำแหน่ง แบบรุ่นก่อนหน้านี้ถูกถอดออกไป รถที่นำมาทดสอบมีรูปแบบของเบาะนั่ง 7 ตำแหน่งด้วยกัน (นั่นคือ 2/2/3) โดยมีเบาะนั่งแบบ 6 ตำแหน่งเป็นอุปกรณ์เลือกติดตั้ง เบาะแถวที่ 2 สามารถหมุนแบบ 180 องศา เบาะแถวที่ 3 สามารถเลื่อนหน้า/หลังได้ (ติดตั้งระบบทำความอุ่น ยกเว้นเบาะที่อยู่ตรงกลาง) สามารถพับเก็บ แล้วยกเก็บไว้ด้านข้างได้ และแน่นอนว่า สามารถถอดออกไปได้ ขณะที่แสงสว่างในห้องโดยสาร มีโทนสีที่เข้ากับตัวเบาะเป็นอย่างดี มีน้ำหนักลดลงจากรุ่นก่อนหน้านี้ 25 % โดยมีน้ำหนักของเบาะแต่ละตำแหน่งที่ 23 กก. และ 29 กก. ตัวเบาะมีความหลากหลายของการใช้งาน สามารถถอดออกได้ และเลื่อนตำแหน่งได้ การถอดสามารถทำได้ไม่ยากเย็น แต่ใครที่ต้องการจะถอดเบาะชุดนี้ออกต้องใช้พละกำลังค่อนข้างมาก
เบาะนั่งที่สามารถถอดออกได้แบบอิสระ มีข้อดี คือ การใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้น เช่น การถอดเบาะด้านข้างฝั่งใดฝั่งหนึ่งออกไป ทำให้มีพื้นที่มากพอสำหรับบรรทุกจักรยาน 1 คัน สามารถวางจักรยานแบบตั้งตรงได้ โดยไม่ต้องถอดชิ้นส่วนแต่อย่างใด ห้องโดยสารมีความยาว 2,290 มม. ใช้งานได้เหลือเฟือ เพียงพอสำหรับการบรรทุกสัมภาระที่มีความยาว เช่น กระดานโต้คลื่น และชุดสกีได้อย่างไม่มีปัญหา
ส่วนที่เก็บสัมภาระ ประตูบานท้าย (เปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า ผู้ใช้งานควรแน่ใจว่ามีพื้นที่ด้านหลังรถค่อนข้างมาก เนื่องจากประตูมีขนาดใหญ่) หากเบาะทั้ง 7 ตำแหน่งถูกใช้งาน จะมีความจุที่เก็บสัมภาระท้ายที่ 276 ลิตร มากพอสำหรับการบรรทุกกระเป๋าเป้เดินทางไกล และกระเป๋าใช้งานทั่วไปได้สบายสำหรับผู้โดยสารแต่ละคน
แต่ในกรณีที่ผู้โดยสารต้องการจะแขวนกระเป๋าเป้สัมภาระ อาจต้องใช้การพับเบาะที่ต่างจากปกติเล็กน้อย เพื่อเพิ่มพื้นที่โดยรวมให้มากพอ จากเบาะแถวที่ 2 ที่เป็นแบบ 2 ที่นั่ง นอกจากนี้ ยังสามารถเก็บสัมภาระได้บนหลังคา สามารถรองรับปริมาณสัมภาระความจุสูงสุดที่ 3,672 ลิตร เพียงพอสำหรับการเดินทางไกลได้สบาย ในกรณีที่ต้องการพื้นที่ใช้งานเต็มพิกัด เบาะนั่ง และพนักวางแขนตรงกลางสามารถถอดออกได้เช่นกัน เป็นส่วนที่สามารถเลื่อนหน้า/หลังได้ตลอดช่วงความยาวของห้องโดยสาร และยังสามารถพับตั้งขึ้นแล้วเปลี่ยนเป็นโต๊ะใช้งานขนาดเล็กได้ โดยมีช่องเก็บของแยกต่างหาก มีประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการทำงานกับโนทบุค หรืองานทางธุรกิจระหว่างโดยสารทางไกล
ส่วนคุณลักษณะการขับขี่ที่หลายคนให้ความสนใจไม่แพ้กัน เอาเข้าจริงจะขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล ผู้ขับจะพบว่า เอมพีวีคันนี้มีการบังคับควบคุมที่ลงตัวเกินคาด แม้พวงมาลัยจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ จากครั้งแรกที่เราเห็นสเปคของ MULTIVAN กับตัวถังทรงกล่องหนา และความยาวประมาณ 5 ม. ตัวถังค่อนข้างสูง และมีความกว้างค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม การหักเลี้ยวขณะถอยจอด หรือการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ทำได้สบายไม่มีปัญหา
ทำให้มีทัศนวิสัยที่ดี มีจุดอับสายตาขณะเลี้ยวรถเพียงเล็กน้อย ผู้ขับสามารถมองเห็นได้โดยรอบ จากกระจกบานหน้าที่มีขนาดใหญ่ และขอบกระจกหน้าต่างที่อยู่ในระดับต่ำ ช่วยให้ทัศนวิสัยด้านข้างมีความปลอดโปร่ง นอกจากนี้ วงเลี้ยวก็ค่อนข้างแคบ (วัดระยะทั้ง 2 ฝั่ง ได้ที่ 12 ม.) และเสริมด้วยกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา มีประโยชน์มากขณะจอดรถ
การตอบสนองของการบังคับเลี้ยวมีความฉับไวที่น่าพอใจเกินคาด มีความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับรถเก๋ง มากกว่าการเป็นเอมพีวีขนาดใหญ่ ความหนึบแน่นทำได้อย่างต่อเนื่องเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น ให้ความรู้สึกที่มั่นคงดีมาก ความคล่องแคล่วเกินตัวของ MULTIVAN ทำได้น่าพอใจกว่ารถยนต์ประเภทเดียวกันหลายรุ่น การเข้าโค้งทำได้ฉับไว อาการโคลงมีไม่มากนัก ส่วนท้ายของตัวรถขับเคลื่อนไปพร้อมกับทิศทางการเลี้ยวของล้อคู่หน้า การหักเลี้ยวสามารถทำได้ดังใจ ใช้ทักษะการบังคับควบคุมที่พอเหมาะเข้าช่วยเล็กน้อยเท่านั้น แน่นอนว่า ตัวรถที่หนา และน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างมาก คือ สิ่งที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ แต่การทะยานไปในโค้งบนขุนเขา ผ่านโค้งหักศอก และโค้งความเร็วสูงมีความหนึบแน่น มอบความเพลิดเพลินของการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยให้มีความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขณะขับขี่ การทดสอบความมั่นคงของตัวรถ เราพบว่า MULTIVAN มีประสิทธิภาพที่ดีในหัวข้อนี้ จากความหนึบแน่นที่น่าประทับใจ ผนวกกับการทำงานที่ลงตัวของระบบอีเลคทรอนิคที่ปรับแต่งมาอย่างดี ไม่รบกวนจังหวะการขับขี่ นอกจากนี้ ยังมีระบบเบรคที่มีประสิทธิภาพ แม้ในสภาวะพื้นผิวถนนที่มีความลื่นแตกต่างกัน ระยะเบรคยังทำได้ดีอย่างน่าพอใจ และยังมีความทนทานอีกด้วย
เครื่องเล็ก พละกำลังสูง
ผู้ขับบางคนอาจยังมีข้อสงสัยว่าการใช้เครื่องยนต์ “บลอคเล็ก” กับรถยนต์สไตล์เอมพีวีเช่นนี้ จะมีสมรรถนะที่น่าพอใจมากน้อยแค่ไหน เครื่องยนต์สันดาปมีกำลังสูงสุดที่ 150 แรงม้า อาจดูไม่มากนัก แต่ถูกเสริมการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยเรื่องการประหยัดเชื้อเพลิงด้วย มีกำลังสูงสุดที่ 218 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 35.7 กก.-ม. มากพอที่จะทำอัตราเร่งที่ทันใจสำหรับการใช้งานทั่วไป (อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.8 วินาที) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 จังหวะ ได้อย่างต่อเนื่อง และมีความแม่นยำสูง
สำหรับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เป็นสิ่งที่เราบอกหลายครั้งจากการทดสอบกับระบบพลัก-อิน ไฮบริด ในกรณีที่ใช้ความเร็วสูง และระดับแบทเตอรีเหลือน้อย การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะมาจากเครื่องยนต์สันดาปเป็นส่วนใหญ่ และจากตัวถังที่มีความหนาของเอมพีวี จาก VOLKSWAGEN ทำให้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองอาจไม่สูงมากนัก (เครื่องยนต์ทำงานในโหมดไฮบริด และแบทเตอรีเหลือน้อย) ตัวเลขจะอยู่ในระดับที่ดีเสมอตัว การขับขี่ในเมืองทำได้ที่ 15 กม./ลิตร และการใช้ความเร็วสูงบนทางไกล จะอยู่ที่ 10.7 กม./ลิตร และมีค่าเฉลี่ยที่ประมาณ 13.0 กม./ลิตร หากผู้ขับชาร์จแบทเตอรีความจุ 10.4 กิโลวัตต์ชั่วโมงให้เต็มพร้อมใช้งาน เอมพีวีพลัก-อิน ไฮบริดคันนี้จะแสดงจุดเด่นออกมา กับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีกว่าเดิมมาก (ในตัวเมืองที่ 47.0 กม./ลิตร และการขับขี่บนทางไกลที่ 32.0 กม./ลิตร) การขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นอย่างดี ภายใต้ถังน้ำมันที่มีความจุ 45 ลิตร สามารถแล่นได้ไกลสุดประมาณ 600 กม. อย่างไม่ยากเย็น
ย้อนอดีตรุ่น T2 ELEKTROTRANSPORTER เอมพีวี พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกเมื่อกว่า 50 ปีก่อน
MULTIVAN รุ่นล่าสุด ถือเป็นครั้งแรกของการใช้ขุมพลังแบบพลัก-อิน ไฮบริด แต่ในแง่ของการเป็นรถยนต์ไฟฟ้า น้อยคนจะรู้ว่ารถรุ่นนี้แบบไฟฟ้าเคยถูกพัฒนาขึ้นมาแล้ว และมีความน่าสนใจหลายประการกับ T2 ELEKTROTRANSPORTER ใช้ตัวถังร่วมกับ เอมพีวี สัญชาติเยอรมัน ชื่อดัง รุ่นที่ 2 ของสายพันธุ์ ถูกเผยโฉมในปี 1972 ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายรถแห่งนี้ก็ว่าได้ เพราะเป็นการมาถึงก่อนหน้ารุ่น ELEKTRO GOLF (ในปี 1976) เป็นการพัฒนาร่วมกับ VOLKSWAGEN และ BOSCH รวมด้วยบริษัทเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าในประเทศเยอรมนี RWE ขุมพลังของ T2 ELEKTROTRANSPORTER คือ มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 22 แรงม้า พร้อมแบทเตอรีแบบน้ำกรด ติดตั้งตรงกลางของฐานล้อ มีขนาดใหญ่ ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักโดยรวมถึง 2.2 ตัน สามารถแล่นด้วยไฟฟ้าได้ไกล 50-80 กม. และมีความเร็วสูงสุดที่ 75 กม./ชม. เอมพีวี ต้นแบบพลังงานไฟฟ้าคันนี้ถูกผลิตขึ้นมาเพียง 120 คันเท่านั้น กับราคาที่สูงกว่ารุ่นปกติของ T2 เครื่องยนต์เบนซินถึง 5 เท่า แต่รถที่ได้สืบทอดความเป็น เอมพีวี พลังงานไฟฟ้าที่แท้จริง คือ ID.BUZZ เตรียมเปิดตัวในอนาคตอันใกล้ ภายใต้โครงสร้างตัวถังแบบ MEB พัฒนาขึ้นมาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ มีรูปทรงคล้ายกับรุ่น BULLI ที่เปิดตัวเมื่อ 70 ปีก่อน จัดเป็นรถที่มีความน่าสนใจอีกรุ่น
ข้อมูลทางเทคนิค การเปลี่ยนแปลงถึงภายใน
จุดเปลี่ยนแปลงสำคัญของ MULTIVAN รุ่นล่าสุด รหัส T7 คือ โครงสร้างของตัวถังที่ถูกออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด เดิมทีทางค่าย VOLKSWAGEN จะพัฒนา เอมพีวี รุ่นใหม่ภายใต้โครงสร้างตัวถังแบบเดิม แต่มาปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยโครงสร้างตัวถัง MQB (ปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบ) รองรับการวางเครื่องยนต์สำหรับระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าจากค่ายรถจากเยอรมนีแห่งนี้ ทำให้ MULTIVAN มีการขับขี่ที่นุ่มนวลใกล้เคียงกับรถเก๋ง รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ครบครัน (รวมถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ทันสมัย และระบบความบันเทิง) ให้การขับขี่ที่มีความคล่องแคล่วเกินคาด ด้วยโครงสร้างตัวถังที่มีความยืดหยุ่น (ความกว้างของฐานล้อคู่หน้ามากขึ้น ด้านหน้า/หลังที่ 20 และ 40 มม. และมีระยะฐานล้อเพิ่มขึ้นที่ 124 มม.) รวมถึงการปรับแต่งระบบรองรับให้ลงตัว หันมาใช้วัสดุอลูมิเนียมแทนที่วัสดุโลหะ นอกจากนี้ยังมีการลดน้ำหนักโดยรวมในหลายจุด เมื่อเทียบกับรุ่น T6.1 กับราคาที่ใกล้เคียงกัน รุ่น T7 จะมีน้ำหนักเบากว่ากันถึง 200 กก. เป็นผลดีจากการใช้วัสดุโลหะน้ำหนักเบา เบาะนั่งทรงเพรียวบาง และล้อแมกน้ำหนักเบา น้ำหนักโดยรวมที่เบาลงส่งผลดีต่ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงด้วย เสริมด้วยการออกแบบตัวรถตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้มาก มีอัตราการลู่ลมที่ดีขึ้น จาก 0.35 ของรุ่นก่อนหน้านี้ มาอยู่ที่ 0.30 เท่านั้น ไม่ใช่การออกแบบเท่านั้น แต่ยังมาจากรายละเอียดในส่วนอื่นๆ ได้แก่ การออกแบบให้พื้นตัวถังราบเรียบ การออกแบบสปอยเลอร์หลังบริเวณกระจกบานท้าย และชิ้นส่วนตัวถังที่เสริมการลู่ลมขณะแล่น ถัดมา คือ ขุมพลังของ MULTIVAN รุ่นล่าสุด รหัส 1.4 TSI EHYBRID เป็นระบบพลัก-อิน ไฮบริด พัฒนาต่อยอดจากขุมพลังที่ใช้ในรถยนต์หลายรุ่นของค่ายรถแห่งนี้ เครื่องยนต์สันดาป คือ เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.4 ลิตร รหัส EA 211 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า พัฒนาเพื่อระบบพลัก-อิน ไฮบริดโดยเฉพาะ ส่งกำลังร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 116 แรงม้า ทำหน้าที่ 2 อย่าง คือ การเป็นชุดสร้างกระแสไฟฟ้า และชุดสตาร์ท ตรงกลางของเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง คือ เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 จังหวะ เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบทเตอรีแบบ ลิเธียม ไอออน ขนาด 10.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง ติดตั้งข้างใต้เบาะด้านหน้า ทำให้มีกำลังทั้งระบบที่ 218 แรงม้า
ข้อมูลจำเพาะของรถที่นำมาทดสอบ
เครื่องยนต์
• เครื่องยนต์เบนซิน วางด้านหน้าตามขวาง
• แบบ 4 สูบเรียง
• กระบอกสูบ 74.5 มม.
• ช่วงชัก 80.0 มม.
• ความจุ 1,395 ซีซี
• กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 5,000 รตน.
• แรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. ที่ 1,550-3,500 รตน.
• เสื้อสูบใช้วัสดุอลูมิเนียม
• เพลาปรับสมดุล 2 ชุด
• ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ วาล์วแปรผัน 4 วาล์วต่อลูกสาว (สายพาน)
• ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง เทอร์โบ และอินเตอร์คูเลอร์
• ชุดกรองไอเสีย 2 ชุด
ระบบไฮบริด
• ขับเคลื่อนแบบคู่ขนาน
• มอเตอร์แบบแม่เหล็กไฟฟ้า
• กำลังสูงสุด 116 แรงม้า
• แรงบิดสูงสุด 33.7 กก.-ม.
กำลังสูงสุดทั้งระบบ
• 218 แรงม้า
แบทเตอรี
• ลิเธียม-ไอออน
• ความจุ 13.0 กิโลววัต์ชั่วโมง (ใช้งานได้จริง 10.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง) (10.4 net)
ระบบส่งกำลัง
• ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า
• เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 จังหวะ
รูปแบบตัวถัง
• ตัวถังมินิแวน วัสดุโลหะ 5 ประตู 7 ที่นั่ง
• ระบบรองรับด้านหน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท
• ระบบรองรับด้านหลัง อิสระ มัลทิลิงค์
• ชอคอับแบบไฮดรอลิค ควบคุมด้วยอิเลคทรอนิค
• ระบบเบรคคแบบจาน ควบคุมด้วยไฮดรอลิคไฟฟ้า ด้านหน้ามีช่องระบายอากาศ เอบีเอส และอีเอสพี
• พวงมาลัยฟันเฟือง และตัวหนอน ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า
• ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 45 ลิตร
ยาง
• BRIDGESTONE TURANZA T005 ขนาด 235/50 R18 101H 235 / 50R18 101H
• ชุดปะยาง
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
• ระยะฐานล้อ 3,120 มม.
• ความกว้างฐานล้อคู่หน้า ไม่ระบุ หลัง ไม่ระบุ
• ความยาว 4,970 มม. กว้าง 1,940 มม. สูง 1,910 มม.
• น้ำหนักโดยรวม 2,187 กก. รวมน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 2,750 กก. น้ำหนักลากจูง 750 กก.
• ความจุที่เก็บสัมภาระ 469-3,672 ลิตร
ผลิตที่
• HANOVER (ประเทศเยอรมนี)
พื้นท่ทใช้สอย และทัศนวิสัย
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง น่าพอใจแม้แบทเตอรีต่ำ
แผนภาพข้างล่างแสดงให้เห็นถึงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในสภาวะต่างๆ ของ MULTIVAN ทั้งในโหมด พลัก-อิน ไฮบริด (กับการขับขี่เป็นระยะทางไกลจนแบทเตอรีที่ชาร์จมาหมดลง) และระบบไฮบริด เมื่อพลังงานไฟฟ้าลดน้อยลง แต่มอเตอร์ยังคงทำหน้าที่ป้อนกระแสไฟฟ้าสำหรับส่งกำลังร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน นอกจากนี้ยังมีการขับขี่ในกรณีที่แบทเตอรีแทบไม่เหลือเลย หรือถูกใช้งานจดหมด อัตราสิ้นเปลืองโดยรวมก็ไม่เลวร้ายเท่าใดนัก มีค่าเฉลี่ยที่ 13 กม./ลิตร และสูงสุดที่ 14.9 กม./ลิตร สำหรับการขับขี่ในตัวเมือง สำหรับการแล่นด้วยไฟฟ้าล้วนๆ MULTIVAN มีระยะทำการสูงสุดที่ 39 กม. และจะทำได้ดีขึ้นหากขับขี่ในตัวเมือง (47 กม.) และมีข้อดีเรื่องการสร้างกระแสไฟฟ้า เมื่อขับบนทางหลวง (32 กม.) ที่ความเร็วสูง และคงที่
รูปแบบของระบบความปลอดภัย
การทดสอบสมรรถนะ
การประเมินผลของ QUATTRORUOTE
เบาะผู้ขับ
ผู้ขับนั่งค่อนข้างสูง (880 มม. จากพื้นถนน) แต่ตำแหน่งของตัวเบาะมีความลงตัว และพวงมาลัยมีตำแหน่งการติดตั้งที่เหมาะสม ไม่ทำมุมเงยมากเกินไป เบาะนั่งให้ความสะดวกสบาย โอบกระชับสรีระ มีที่พักแขน และที่ดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า
แผงคอนโซล และปุ่มใช้งาน
คอนโซลหน้าออกแบบตามแบบฉบับค่าย VOLKSWAGEN ยุคใหม่ จอแสดงผลขนาดใหญ่ 2 จอเชื่อมต่อกัน มีการแสดงผลแบบดิจิทอลเต็มพิกัด ปุ่มต่างๆ จัดเรียงได้เป็นระเบียบ และใช้งานได้สะดวก ปุ่มมัลทิฟังค์ชันบนพวงมาลัยตอบสนองการกดได้ดี แม้ไม่ใช่ระบบสัมผัส
แผงหน้าปัด
การจัดวางหน้าปัดแบบดิจิทอลเต็มตัวเป็นครั้งแรก มีความลงตัวที่น่าพอใจมาก จอภาพมองเห็นได้ชัดเจน กราฟิคต่างๆ เข้าใจง่าย สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้หลากหลายตามความต้องการ และใช้งานได้สะดวกผ่านปุ่มมัลทิฟังค์ชันบนพวงมาลัย
ระบบความบันเทิง
อุปกรณ์ที่ติดตั้งจากโรงงาน คือ ระบบความบันเทิงชื่อว่า DISCOVER แม้ยังไม่ใช่อุปกรณ์สำหรับรุ่นทอพ แต่การใช้งานมีความครอบคลุมที่น่าพอใจ การใช้งานต่างๆ มีความเรียบง่าย เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือได้ดี รวมถึงใช้งานร่วมกับระบบช่วยเหลือแบบออนไลน์
ระบบปรับอากาศ
ระบบปรับอากาศแบบแยก 3 โซน สามารถปรับการทำงานจากด้านหลัง และมีช่องอากาศหลายตำแหน่ง ผลลัพธ์ คือ ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดก็ได้รับความเย็นอย่างทั่วถึง
ทัศนวิสัย
แม้ตัวถังจะมีขนาดใหญ่ แต่กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา ก็ช่วยได้มาก มุมมองตามจุดต่างๆ มีความชัดเจน จากกระจกหน้าต่างที่มีขนาดใหญ่ และตัวถังทรงเหลี่ยม จุดอับสายตาขณะเลี้ยวมีไม่มากนักขณะทำการเลี้ยว
คุณภาพการประกอบ
เอมพีวี ถูกใส่ใจในรายละเอียดหลายส่วน วัสดุที่ใช้ก็ถูกคัดสรรมาอย่างดี ทำให้ห้องโดยสารมีบรรยากาศที่สวยงาม เปี่ยมด้วยคุณภาพ ยกตัวอย่างเช่น พรมปูพื้นห้องโดยสาร รวมถึงช่องเก็บของต่างๆ บนคอนโซลหน้า และแผงด้านในประตู
อุปกรณ์ใช้งานต่างๆ
อุปกรณ์ที่ติดตั้งมากับตัวรถมีความครบครันดีมาก แทบไม่มีอุปกรณ์ที่จำเป็นขาดหายไป สิ่งที่ขาดไปบ้างอาจจะเป็นระบบความปลอดภัยสมัยใหม่ รวมถึงอุปกรณ์ที่น่าจะติดตั้งมาให้ ได้แก่ ประตูด้านข้างเลื่อนเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า (อุปกรณ์เลือกติดตั้ง) แต่โดยรวมแล้วอุปกรณ์ติดตั้งจากโรงงานก็เหลือเฟือแล้ว
ระบบความปลอดภัย
ระบบที่น่าสนใจ ได้แก่ ระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ สามารถตรวจจับคนเดินถนน และคนขี่จักรยานได้ ระบบรักษาตัวรถให้อยู่กลางเลน และระบบครูสคอนทโรลแปรผันความเร็ว นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยเตือนจุดอับสายตาด้านข้าง และระบบช่วยเหลือการขับขี่ระดับที่ 2
พื้นที่ใช้สอย
ตัวถังที่มีความยาวกว่า 5 ม. เป็นระยะฐานล้อถึงเกือบ 3 ม. ทำให้พื้นที่ของเบาะนั่งทั้ง 3 แถวให้ความสะดวกสบายเป็นอย่างดี (ตรงกลางของเบาะแถวที่ 3 อาจคับแคบไปเล็กน้อย) และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานของตัวเบาะได้หลากหลายอีกด้วย
ที่เก็บสัมภาระท้าย
ความจุของที่เก็บสัมภาระอาจจะวัดปริมาตรได้ยาก เนื่องจากการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ หากใช้งานเบาะทุกตำแหน่ง จะมีที่เก็บสัมภาระ 276 ลิตร หากพับเก็บเบาะทุกตำแหน่ง จะได้ความจุเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าเป็น 3,700 ลิตร เลยทีเดียว
ความสะดวกสบาย
แม้เป็นเอมพีวีที่เน้นการโดยสาร แต่ตัวรถมีคุณภาพรอบด้านในระดับสูง ห้องโดยสารมีเสียงรบกวนที่ต่ำ แม้ในช่วงความเร็วสูงก็ตาม ขณะที่ระบบรองรับ (ชอคอับแบบปรับการตอบสนองได้) ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีมาก โดยเฉพาะช่วงล่างด้านหน้า
เครื่องยนต์
การขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ทั้ง 2 รูปแบบ เป็นจุดเด่นสำคัญของรถยนต์รุ่นนี้ เมื่อเครื่องยนต์สันดาป และมอเตอร์ไฟฟ้าส่งกำลังเพื่อขับเคลื่อนร่วมกัน การทำงานมีความนุ่มนวล แม้ตัวรถจะมีน้ำหนักค่อนข้างมาก การทำงานของเครื่องยนต์ทั้ง 2 ระบบไหลลื่นอย่างน่าพอใจ
อัตราเร่ง
ตัวเลขที่วัดได้จากการทดสอบ บ่งบอกสมรรถนะได้ดี (อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.8 วินาที) อัตราเร่งให้ความรู้สึกสนุก เร้าใจเกินคาด ในทุกย่านความเร็ว เป็นจุดเด่นที่ได้จากการขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้า
อัตราเร่งยืดหยุ่น
แรงบิดสูงสุดทั้งระบบที่มากพอ (ที่ 35.7 กก.-ม.) เหลือเฟือสำหรับการมีอัตราเร่งยืดหยุ่นที่ฉับไว ไม่มีอาการอืดแม้แต่น้อย พละกำลังส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง มีความสมดุลระหว่างน้ำหนักตัว และกำลังสูงสุด จัดเป็นหนึ่งในความสมดุลที่น่าพอใจจากเอมพีวีรุ่นนี้
ระบบส่งกำลัง
ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 จังหวะ เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ระบบพลัก-อิน ไฮบริด การส่งกำลังทำได้ไหลลื่น และมีการทำงานที่แม่นยำ ส่งกำลังในแต่ละช่วงความเร็วได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการเสริมกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า
การบังคับควบคุม
น้ำหนักของพวงมาลัยมีความเหมาะสมกับตัวรถ ตอบสนองได้ต่อเนื่อง น้ำหนักเบาขณะถอยจอดรถ ควบคู่กับการตอบสนองที่ฉับไว และแม่นยำอย่างเหมาะสม สะท้อนความรู้สึกสู่มือของผู้ขับได้อย่างเที่ยงตรง บ่งบอกว่าเป็นรถยนต์ที่ถูกปรับแต่งมาอย่างลงตัว
ระบบเบรค
ระบบเบรคมีประสิทธิภาพโดยรวมที่ถือว่าทำได้ดีพอสมควร หากพิจารณากับน้ำหนักของตัวรถ รถยนต์ของ VOLKSWAGEN รุ่นนี้มีระยะเบรคที่สั้น แม้ในสภาวะที่พื้นผิวถนนมีความลื่นแตกต่างกัน นอกจากนี้ ระบบเบรคมีความทนทานดีมากด้วย
ความคล่องแคล่ว
หากพิจารณาเพียงผิวเผิน จากความสูงของตัวรถ และน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก หลายคนอาจคิดว่ารถคันนี้จะมีจุดอ่อนเรื่องความคล่องแคล่ว แต่ MULTIVAN คันนี้กลับมีความหนึบแน่นที่ดีเกินคาด บังคับควบคุมได้อยู่มือ และมีความมั่นคงที่ดีขณะหักเลี้ยวแบบฉุกเฉิน
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
จุดเด่นของระบบพลัก-อิน ไฮบริด ทำให้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ในระดับ 40 กม./ลิตร หากใช้การเสริมกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าด้วย ในกรณีที่แบทเตอรีเหลือน้อย อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงก็ยังถือว่าทำได้น่าพอใจ กับตัวเลขที่ประมาณ 13 กม./ลิตร