Quattroruote ทดสอบ
ทดสอบ FORD MUSTANG MACH-E
ม้าคะนองศึกในร่าง เอสยูวี พลังงานไฟฟ้า สร้างสถิติใหม่จากการทดสอบของเราในแง่ของระยะทำการสูงสุด จากแบทเตอรีที่มีขนาดใหญ่ ระบบความบันเทิงที่ทันสมัย มีการเชื่อมต่อที่หลากหลาย และใช้งานได้ง่ายดาย น่าเสียดายที่การยึดเกาะถนนอาจยังทำได้ไม่ถึงใจเท่าใดนัก
รุ่น AWD EXTENDED RANGE
ราคา (ของรถทดสอบ)
- 66,850 ยูโร (ประมาณ 2,730,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
กำลังสูงสุด
- 351 แรงม้า
ความจุแบทเตอรี
- 98.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง
อัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า
- จากผู้ผลิต 6.1 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง
- จากการทดสอบ 4.1 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง
ความคุ้มค่า
- ชาร์จจากครัวเรือน 4.85 ยูโร/100 กม.
- ชาร์จแบบเร่งด่วน 12.13 ยูโร/100 กม.
ระยะทำการสูงสุด
- จากผู้ผลิต 540 กม.
- จากการทดสอบ 405 กม.
บุคลิกของรถยนต์แต่ละคันที่เราได้เคยเห็น ถูกรังสรรค์ขึ้นมาอย่างตั้งใจ ในกรณีของค่ายรถ FORD (ฟอร์ด) ได้เน้นย้ำความสปอร์ทให้กับสายพันธุ์ตัวแรง ซึ่งแตกต่างจากรถยนต์ร่วมค่ายในรุ่นอื่นๆ เห็นได้จากสัญลักษณ์ ม้าคะนอง ที่กระจังหน้า ใครจะคาดคิดว่า วันหนึ่งสัญลักษณ์ดังกล่าวจะกลายมาเป็นรถ เอสยูวี พลังงานไฟฟ้า ติดโลโก “ม้าคะนอง” ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ถูกแทนที่โลโกวงรีสีน้ำเงินของ FORD พร้อมองค์ประกอบที่บ่งบอกความเป็นสปอร์ทตัวแรงอย่าง MUSTANG (มัสแตง) จะเห็นได้จากฝากระโปรงหน้าทรงยาว สันเหลี่ยมที่ดุดัน และรูปแบบของชุดไฟท้าย แน่นอนว่า เครื่องยนต์สันดาปแบบดั้งเดิมอย่างที่หลายคนนึกถึง ขุมพลังบลอคใหญ่ระดับ วี 8 สูบ พร้อมกับเสียงคำรามที่กึกก้องชวนให้ผู้ที่อยู่รอบข้างต้องสะดุ้ง สิ่งที่ว่ามา ไม่มีอีกต่อไป แต่ถูกแทนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว มีลักษณะการทำงานที่เงียบสนิทกว่าเดิมมาก เป็นสิ่งบ่งบอกยุคสมัยใหม่ของตัวแรง ได้เปลี่ยนรูปแบบไปแล้ว ถือเป็นสิ่งที่ผู้รักความแรงแบบดั้งเดิมบางคนยากที่จะทำใจยอมรับ บางคนอาจหวนนึกถึงตัวแรงรุ่นดั้งเดิมอย่าง MACH 1 (มัค 1) หนึ่งในรุ่นสร้างชื่อให้กับสายพันธุ์ MUSTANG กับรูปแบบเครื่องยนต์เบนซิน 8 สูบเรียง พร้อมเสียงคำรามที่กระหึ่มได้ไม่แพ้ใคร แต่สำหรับคนที่พร้อมจะเปิดใจรับการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคสมัยของรถยนต์ไฟฟ้า เราพบว่าองค์ประกอบหลายส่วนของรถรุ่นนี้ ยังสะท้อนความเป็นรถยนต์สมรรถนะสูงได้อย่างน่าพอใจ ภายใต้โลโก ม้าคะนอง กับติดสัญลักษณ์ MACH-E (มัค-อี) เช่นนี้ เชื่อได้เลยว่ารถคันนี้มีทีเด็ดอีกมากมายให้เราได้ค้นหา
เริ่มที่ความจุของแบทเตอรีที่ 98.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง (อีกทางเลือกกับความจุที่ 75.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง เน้นระยะทำการที่มากขึ้น ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง ราคาเริ่มต้นที่ 49,900 ยูโร) รุ่นที่นำมาทดสอบมีระยะทำการสูงสุดที่ 405 กม. ถือเป็นตัวเลขสูงสุดจากการทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าของเราเลยทีเดียว จุดสำคัญอีกประการ คือ หน้าจอขนาดใหญ่โตที่ติดตั้งบนคอนโซลหน้า อาจไม่ถึงกับแปลกตามากนัก แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หนึ่งในจุดเด่นของห้องโดยสารเลยก็ว่าได้
เมื่อขึ้นมานั่งภายในห้องโดยสาร เราพบว่าประตูอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นพอสมควร ปลดลอคได้ด้วยการกดปุ่ม (หรือผ่านแอพพลิเคชันบนมือถือก็ได้) แต่หากมือเปิดประตูยกตัวขึ้นมา การเปิดจะต้องดึงเข้าหาตัวตามปกติ รวมถึงในกรณีประตูด้านหลังด้วย นับเป็นสิ่งที่ต้องทำความคุ้นเคยพอสมควร และไม่สะดวกสำหรับการขึ้น/ลงห้องโดยสารเท่าใดนัก อย่างไรก็ตาม ตัวเบาะให้ความสบายได้อย่างน่าพอใจ พร้อมระบบทำความอบอุ่น และการปรับเบาะด้วยไฟฟ้า ที่น่าจะทำส่วนรองรับเอวให้กระชับกว่านี้ การรองรับสรีระโดยรวม ทำได้อย่างน่าพอใจ มีรูปทรงที่เหมาะสม แต่น่าจะปรับปรุงทำให้ได้ดีกว่านี้
การตกแต่งโดยรวม ทำได้ยอดเยี่ยมกับหน้าจอของแผงมาตรวัดขนาด 10.2 นิ้ว ด้านหน้าผู้ขับ มีความคมชัดที่น่าพอใจ มองเห็นได้ชัดผ่านพวงมาลัย มีการแสดงผลที่คุ้นเคย ได้แก่ มาตรวัดความเร็ว มาตรวัดระยะทำการที่เหลือ และระบบเชื่อมต่อต่างๆ สามารถปรับการทำงานได้สะดวก ไม่ต้องละสายตาจากท้องถนน ขณะที่จอแสดงผลตรงกลาง มีขนาดใหญ่ถึง 15.5 นิ้ว กับการจัดเรียงรูปแบบการแสดงผลที่ทำความคุ้นเคยได้อย่างง่ายดาย ใช้งานสะดวก การใช้งานในหลายส่วน จึงถูกรวมเอาไว้ในหน้าจอดังกล่าว บางครั้งอาจทำให้ต้องละสายตาจากถนน แม้แต่การใช้งานทั่วไป อย่างการใช้งานระบบปรับอากาศ มีตำแหน่งที่ต่ำลงมามาก ทำให้ขณะใช้งาน อาจต้องก้มหน้ามามองมากเกินความจำเป็น อย่างไรก็ตาม จอภาพขนาดใหญ่ก็มีจุดเด่น คือ การแสดงผลของสถานการณ์ชาร์จไฟฟ้า พร้อมกับการที่ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินกับความบันเทิงแบบออนไลน์อย่าง NETFLIX หรือ YOUTUBE โดยไม่ถูกบดบังหน้าจอแม้แต่น้อย ขณะที่ระบบความปลอดภัยของ FORD จะไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารใช้งานระบบความบันเทิงขณะขับเคลื่อนรถ (เป็นสิ่งที่แม้แต่ TESLA ก็ปฏิบัติเช่นนี้เหมือนกัน) ต้องจอดรถอยู่กับที่เท่านั้น แต่ก็น่าคิดว่าอาจมีลูกค้าบางคนทำการดัดแปลงพโรแกรมของระบบความบันเทิงก็เป็นได้
พลังม้าที่ไหลลื่น
ได้เวลาขับรถออกไปทำการทดสอบ เราพบว่ามีโหมดขับเคลื่อน 3 รูปแบบ คือ ACTIVE WHISPER และ UNTAMED แสดงผลบนหน้าจอ บ่งบอกรูปแบบการทำงานที่ชัดเจนในแต่ละโหมด แม้ความจริงแล้ว การตอบสนองที่แท้จริงอาจไม่ตรงกับผลที่แสดงบนหน้าจอภาพ (มีความแตกต่างของการตอบสนองจากคันเร่ง และพวงมาลัยเป็นหลัก) แม้แต่ในโหมดที่เน้นความสปอร์ทมากที่สุด มีการพยายามใช้เสียงสังเคราะห์ เพื่อชดเชยกับเสียงของเครื่องยนต์บลอคใหญ่แบบ 8 สูบ ในแง่ความฉับไวของอัตราเร่ง ถือว่าทำได้น่าพอใจมาก จากพละกำลังหลายแรงม้าในตัว (ที่ 351 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.4 วินาที) และส่งกำลังได้อย่างมั่นคงเป็นเส้นตรง ปราศจากจังหวะ สะดุดใดๆ รุ่นที่เราทดสอบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ 2 ตัว พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ส่งกำลังสู่ล้อแต่ละตำแหน่งได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ควบคุมได้อยู่มือ และมีความมั่นคงที่ยอดเยี่ยม ขณะที่การขับเคลื่อนด้วยความเร็วคงที่ ตัวรถมีการตอบสนองที่เรียบเนียนเกินคาด ตั้งแต่ขณะออกตัว รักษาความเร็วได้นิ่ง และมั่นคง บ่งบอกประสิทธิภาพอาการลู่ลมของตัวถังที่ดีมาก (มีตัวเลขที่ 0.30 เท่านั้น) และแรงต้านทานขณะแล่นที่ความเร็วต่ำ ในแง่ของอัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า รถยนต์ของ FORD รุ่นนี้ มีตัวเลขที่ดีกว่าคู่แข่งระดับเดียวกัน ในแง่ของการขับบนถนนหลวง และทางด่วน (ทำตัวเลขได้ที่ 4.5 และ 3.7 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง ตามลำดับ) ทำให้มีระยะทำการที่มากพอสำหรับการขับทางไกล
นอกจากนี้ ตัวรถยังรองรับการชาร์จแบบเร่งด่วน (สูงสุดที่ 150 กิโลวัตต์) สามารถใช้งานกับจุดชาร์จประจุไฟฟ้าทั่วไปได้สะดวก ผ่านระบบที่มีชื่อว่า FORD PASS เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชัน หรือผ่านหน้าจอของระบบความบันเทิง ผู้ขับสามารถประเมินระยะทำการที่เหลือได้โดยตรง รวมถึงตำแหน่งของสถานีชาร์จประจุไฟฟ้าขณะเดินทาง ด้วยการเชื่อมต่อดังกล่าว ผู้ขับสามารถใช้งานสถานีชาร์จได้แทบทุกยี่ห้อ และสามารถควบคุมปริมาณการจ่ายเงินได้สะดวก เติมเงินโดยผ่านมือถือ ในแง่ของการขับทางไกล รถคันนี้สามารถทำตัวเลขได้ที่ 4.3 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง (กับระยะทำการสูงสุดที่ 419 กม.) หากเป็นไปได้ ผู้ขับควรปรับระดับแรงหน่วงของตัวรถ เพื่อการชาร์จไฟฟ้ากลับไปใช้งานในระดับที่เหมาะสม ปรับแต่งได้โดยตรงผ่านหน้าจอ ทำให้การขับ MACH-E คันนี้กระทำผ่านแป้นคันเร่งล้วนๆ เพราะการชะลอความเร็วจะเกิดขึ้น เพียงผู้ขับยกเท้าข้างขวาออกจากคันเร่งโดยไม่ต้องอาศัยการเบรคโดยตรงเลย อย่างไรก็ตามการทำงานของระบบเบรคมีจุดที่เราต้องทำความคุ้นเคยเล็กน้อย เมื่อพบว่าขณะแล่นที่ความเร็วต่ำ การหน่วงความเร็วกลับไม่มากเท่าที่ควร ทำให้กะระยะการชะลอความเร็ว ทำได้ลำบากกว่าที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตาม ระบบเบรคของล้อคู่หลัง ถือว่ามีประสิทธิภาพที่น่าพอใจ มีระยะเบรคที่คงที่ แม้ในสภาวะพื้นผิวที่ขรุขระ หรือไม่เรียบเสมอกัน นอกจากนี้ยังมีความมั่นคงขณะเข้าโค้งที่ยอดเยี่ยม MACH-E คันนี้สามารถบังคับควบคุมได้ดังใจ ภายใต้การขับขี่แบบเน้นสมรรถนะ แม้จะไม่มากเท่ากับตัวสปอร์ทขนานแท้ ภายใต้ชื่อ MUSTANG รุ่นก่อนหน้านี้ก็ตาม การปรับตกแต่งโดยรวม เน้นความสมดุลระหว่างการยึดเกาะถนนที่หนึบแน่น และความนุ่มนวลสะดวกสบายที่เหมาะสม สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนนได้ทุกอณู
รถยนต์ไฟฟ้าโดยกำเนิด
จากข้อมูลทางเทคนิคของรถรุ่นนี้ MACH-E มีการพัฒนารูปแบบโดยรวมตามแนวทางของรถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ แต่มีการผสมผสานรูปแบบดั้งเดิมเอาไว้เช่นกัน โครงสร้างตัวถังส่วนใหญ่ถูกอัดขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน โดยเน้นพื้นที่ว่างใต้พื้นรถสำหรับชุดแบทเตอรี และในรุ่นพื้นฐานจะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนเฉพาะด้านหลังเท่านั้น ส่งกำลังผ่านชุดควบคุมความเร็ว และเฟืองท้าย ระบบส่งกำลังมีขนาดกะทัดรัด ติดตั้งใต้พื้นรถ ขณะที่ด้านหน้าติดตั้งชุดระบบชาร์จไฟฟ้า ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสาร และชุดสร้างกระแสไฟฟ้า พร้อมแบทเตอรีแบบ 12 โวลท์ ติดตั้งใกล้กับส่วนหน้าของห้องโดยสาร ถัดมาด้านล่างเป็นจุดติดตั้งมอเตอร์ขับเคลื่อนด้านหน้า ทำให้รถคันนี้ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ยังมีที่ว่างสำหรับบรรทุกสัมภาระขนาดเล็กได้ ชุดแบทเตอรีมี 2 ความจุให้เลือก นั่นคือ 75.7 และ 98.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ใช้งานจริงได้ 68 และ 88 กิโลวัตต์ชั่วโมง) ประกอบด้วยชุดเซลล์แบท-เตอรี 288 และ 376 ชุดแบบลิเธียม-ไอออน และมีระบบหล่อเย็นของระบบปรับอากาศ ช่วยให้รักษาอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทำให้แบทเตอรีมีประสิทธิภาพที่ดี และมีความทนทานในระยะยาว ช่วยให้การชาร์จประจุไฟฟ้าทำได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเช่นกัน MACH-E รองรับการชาร์จแบบเร่งด่วนที่ 150 กิโลวัตต์กับไฟฟ้ากระแสตรง (จะเป็น 115 กิโลวัตต์ ในรุ่นพื้นฐาน) และเพื่อป้องกันการเสียหายแก่ชุดเซลล์แบทเตอรี ความร้อนที่เกิดขึ้นขณะชาร์จไฟฟ้าจะถูกระบายออกไป ไม่เช่นนั้นแล้ว ระดับไฟฟ้าที่ถูกชาร์จเข้ามาจะลดความแรงลง ทำให้ระยะเวลาในการชาร์จนานขึ้น การออกแบบระบบขับเคลื่อนขนาดกะทัดรัด และมีประสิทธิภาพสูงในเวลาเดียวกัน มอเตอร์ขับเคลื่อน 2 ตัวสำหรับส่งกำลังแบบ 4 ล้อตลอดเวลา ปราศจากระบบกลไกอื่นๆ เหมือนรถยนต์เครื่องสันดาปภายใน (เช่น ชุดส่งกำลัง และระบบขับเคลื่อน) นอกจากนี้ ผู้ขับสามารถเลือกปรับระดับการส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้า/คู่หลังได้ตามต้องการ กับการส่งกำลังที่มีความแม่นยำสูง ตัวรถสามารถตอบสนองการขับขี่ได้หลากหลายรูปแบบแต่โหมดที่ถูกเลือกใช้ MACH-E ถูกปรับตกแต่งให้มีความเหมาะสมสำหรับการขับขี่ในแถบประเทศยุโรป ด้วยคุณลักษณะที่มีความหนึบแน่น และเน้นการตอบสนองที่ฉับไวกว่าทางฝั่งประเทศสหรัฐอเมริกา
ข้อมูลจำเพาะ
ข้อมูลของรถที่นำมาทดสอบ
เครื่องยนต์
- มอเตอร์แม่เหล็กไฟฟ้าด้านหน้า
- กำลังสูงสุด 71 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 15.3 กก.-ม.
- มอเตอร์แม่เหล็กไฟฟ้าด้านหลัง
- กำลังสูงสุด 221 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 43.9 กก.-ม.
- กำลังสูงสุดทั้งระบบ 351 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุดทั้งระบบ 59.7 กก.-ม.
ชุดแบทเตอรี
- ลิเธียม-ไอออน ติดตั้งใต้พื้นรถ
- 376 เซลล์
- กำลังไฟฟ้า 343 โวลท์
- ความจุ 98.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ใช้งานได้จริง 88 กิโลวัตต์ชั่วโมง)
- น้ำหนักชุดแบทเตอรี 596 กก.
ระบบส่งกำลัง
- ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
- ชุดแปลงกระแสไฟฟ้า
ยาง
- CONTINENTAL PREMIUMCONTACT 6 225/55 R19 103V
- ชุดอุปกรณ์ปะยาง
รูปแบบตัวถัง
- ตัวถังโลหะ 2 กล่อง 5 ประตู 5 ที่นั่ง
- ระบบรองรับด้านหน้า แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
- ระบบรองรับด้านหลัง มัลทิลิงค์ คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
- ชอคอับแบบไฮดรอลิค
- ระบบเบรคแบบจาน มีช่องระบายความร้อน เอบีเอส อีเอสพี
- พวงมาลัย ฟันเฟือง และตัวหนอน ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า
มิติ และน้ำหนัก
- ระยะฐานล้อ 2,980 มม.
- ความกว้างฐานล้อคู่หน้า 1,620 มม. คู่หลัง 1,630 มม.
- ความยาว 4,710 มม. กว้าง 1,880 มม. สูง 1,630 มม.
- น้ำหนักโดยรวม 2,182 กก. น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 2,690 กก. น้ำหนักลากจูงสูงสุด 750 กก.
- ความจุที่เก็บสัมภาระท้าย 402-1,420 ลิตร
สถานที่ผลิต
- เมือง CUAUTITLAN ประเทศเมกซิโก
ระบบ FORD PASS ระบบแบบไร้กุญแจ
ใครก็ตามที่ครอบครอง MACH-E จะขาดแอพพลิเคชัน FORD PASS ไปไม่ได้ นอกเหนือจากคุณสมบัติเบื้องต้นของระบบ (ควบคุมรถจากระยะทางไกล การระบุตำแหน่ง ระบุสถานะของการชาร์จไฟฟ้า และการแจ้งเตือนต่างๆ ) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ ยังมีฟังค์ชันอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก อย่างเช่น การใช้งานแทนกุญแจแบบดั้งเดิม ผู้เป็นเจ้าของไม่ต้องใช้กุญแจเลย สามารถเปิดประตู และสตาร์ทเครื่องยนต์ผ่านระบบมือถือ หากระบบมีการเตือนใดๆ เข้ามา ผู้เป็นเจ้าของสามารถใส่รหัสผ่านเพื่อยืนยันความปลอดภัย การเตือนก็จะหยุดลง นอกจากนี้ระบบ FORD PASS สามารถระบุตำแหน่งของจุดชาร์จประจุไฟฟ้าแบบสาธารณะได้ ระบุการเริ่มชาร์จ และทำการจ่ายเงินเสร็จสรรพ เมื่อผูกบัญชีกับบัตรเครดิทเรียบร้อยแล้ว บริษัทที่ทำสถานีประจุไฟฟ้าหลายเจ้าพร้อมรองรับรูปแบบการจ่ายเงินลักษณะดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้ยังรองรับการเสียบปลั๊ก และชาร์จได้อย่างรวดเร็ว โดยแทบจะไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมา (หรือระบบสื่อสารระยะใกล้ของ FORD ก็ไม่จำเป็นต้องใช้) ผู้เป็นเจ้าของเพียงใช้จุดชาร์จไฟฟ้าเสียบเข้ากับตัวรถ ระบบจะทำการตรวจสอบ และระบุรายละเอียดของรถได้อย่างแม่นยำ สามารถดำเนินการเรื่องเงินค่าชาร์จได้ด้วยตัวเองอย่างชาญฉลาด