Quattroruote ทดสอบ
ทดสอบรถยนต์ไฟฟ้า HONDA E
รถยนต์ไฟฟ้าทรงสวย เทคโนโลยีล้ำสมัย รถนาครสัญชาติญี่ปุ่นรุ่นนี้มีความเป็นยานยนต์ยุคหน้าอย่างเต็มเปี่ยม แม้รูปแบบโดยรวมจะเน้นลูกค้าเฉพาะกลุ่ม แต่จุดประสงค์สำคัญ คือ การปูทางสู่บริบทของค่ายรถแห่งนี้
รุ่น ADVANCE
ราคา
- 38,500 ยูโร (ประมาณ 1,400,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
กำลังสูงสุด
- 154 แรงม้า
ความจุแบทเตอรี
- 35.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง
อัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า
- จากผู้ผลิต 5.6 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง
- จากการทดสอบ 5.3 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง
- ความคุ้มค่า (การชาร์จปกติ) 3.80 ยูโร/100 กม.
- ความคุ้มค่า (การชาร์จเร่งด่วน) 9.49 ยูโร/100 กม.
ระยะทำการ
- จากผู้ผลิต 210 กม.
- จากการทดสอบ 198 กม.
ค่ายรถสัญชาติญี่ปุ่นสามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมเกินคาดมาตั้งแต่ปี 1990 รถยนต์จากแดนอาทิตย์อุทัยสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น มอเตอร์ไฟฟ้า ระบบอีเลคทรอนิคส์ ขุมพลัง ระบบรองรับ รวมถึงการออกแบบที่ลงตัว ค่ายรถยุโรปยังต้องจับตามองผลงานของค่ายรถแห่งนี้อย่างไม่วางตา HONDA (ฮอนดา) ก็เป็นหนึ่งในค่ายรถที่กล่าวมา บวกกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ถูกพัฒนาออกมาอย่างต่อเนื่อง (หนึ่งในนั้น คือ รถยนต์รุ่น CIVIC (ซีวิค) กับอัตราส่วนแรงม้า/ความจุเครื่องยนต์ที่ 100 แรงม้า/ลิตร แบบ VTEC รอบเครื่องยนต์สูงสุดที่ 7,600 รตน.) มาถึงปัจจุบันที่ค่ายรถแห่งนี้จะก้าวไปข้างหน้าอีกขั้น
HONDA E (ฮอนดา อี) คือ รถยนต์ที่กลับสู่รากเหง้าดั้งเดิมของค่ายรถแห่งนี้ นั่นคือ ขนาดตัวที่กะทัดรัด (ความยาว 3,900 มม. และสูง 1,500 มม.) กับการออกแบบเส้นสายที่ชวนให้นึกถึง CIVIC รุ่นแรก และรถนาครรุ่นดั้งเดิมอย่าง N360 (เอน 360) ผสมผสานกับเส้นสายที่ทันสมัยสมกับเป็นรถยนต์ยุคหน้า จะเห็นได้จากไฟหน้าแบบแอลอีดี ตัวถังที่ไร้สันเหลี่ยม และกระจกมองข้างที่ถูกทดแทนด้วยกล้องมองภาพจำนวน 2 ตัว
รูปทรงสะดุดตา
รถยนต์ไฟฟ้าของ HONDA รุ่นนี้มีรูปทรงที่สะดุดตา หลังจากที่ทีมงานทดลองขับรถรุ่นนี้ในตัวเมือง พบว่ามีความเหมาะสมกับการใช้งานในตัวเมืองอย่างน่าพอใจ ภายใต้โครงสร้างตัวถังแบบใหม่ล่าสุด ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้าจาก HONDA ในระดับ บี และซี-เซกเมนท์ กับสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในตัวถัง คือ การวางเครื่องยนต์ด้านท้าย และระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง (ล้อคู่หลังมีขนาดใหญ่กว่าคู่หน้า) เมื่อเข้ามาในห้องโดยสาร บรรยากาศโดยรวมให้ความรู้สึกที่น่าพึงพอใจ ล้ำสมัย แต่ไม่แปลกตาเกินกว่าจะทำความคุ้นเคยได้ การออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย และแผงคอนโซลหน้าเป็นจุดติดตั้งหน้าจอแอลซีดีขนาดใหญ่ โดยจะทำงานทันทีที่ผู้ขับกดปุ่มสตาร์ท หน้าจอส่วนแรกอยู่ด้านหน้าผู้ขับ แสดงผลข้อมูลของตัวรถ (เช่น ความเร็ว ระดับแบทเตอรี ระยะทำการที่เหลือ ฯลฯ) ขณะที่หน้าจอ 2 ส่วนที่เหลือ มีขนาด 12.3 นิ้ว ใช้แสดงผลระบบความบันเทิง
จอแสดงผลที่หลากหลาย
จอแสดงผลที่แยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกสำหรับผู้ขับ และอีกส่วนสำหรับผู้โดยสาร สามารถสั่งงานผ่านปุ่มหมุนด้านบนตรงด้านข้างของหน้าจอ (ปรับได้ 6 ระดับในแต่ละข้าง) สามารถเปลี่ยนโหมดการใช้งานได้รวดเร็ว รายการใช้งานก็มีให้เลือกมากมาย ผู้ขับสามารถเลือกการแสดงผลสำหรับเนวิเกเตอร์บนหน้าจอหนึ่ง อีกหน้าจอสามารถเลือกแสดงผลระบบความบันเทิงก็ทำได้ โดยพลิกหน้ารายการต่างๆ หรือเลื่อนแต่ละหน้าได้เหมือนการใช้งานแทบเลท รวมถึงการใช้งานระบบสัมผัสทั่วไป โดยรวมเป็นการใช้งานแบบดิจิทอลอย่างเต็มตัว ด้านข้างของแผงคอนโซลหน้า จะมีหน้าจอที่ทำมุมหันเข้าหาผู้ขับ และมองเห็นได้ชัดเจน ทำหน้าที่แสดงมุมมองแทนกระจกมองข้าง จากกล้องมองข้างที่ติดตั้งทั้ง 2 ฝั่งของตัวรถ ห้องโดยสารถูกออกแบบให้เน้นความรู้สึกแบบรถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ ให้ความรู้สึกเรียบง่าย และผ่อนคลาย ทีมนักออกแบบ และวิศวกรชาวญี่ปุ่น ต่างร่วมมือกันรังสรรค์ภายในตัวรถให้มีความเป็นมิตรต่อผู้โดยสาร วัสดุผ้าที่ถูกเลือกใช้ มีคุณภาพสูง ให้ความรู้สึกคล้ายกับการตกแต่งภายในบ้านที่พักอาศัย ดูกลมกลืนกับการใช้งานรถรุ่นนี้ นอกจากนี้จุดที่น่าพอใจ คือ รูปแบบการใช้งานแบบดั้งเดิม และการใช้งานรูปแบบดิจิทอล มีความกลมกลืนเป็นอย่างดี ปุ่มใช้งาน และปุ่มหมุนด้วยมือยังมีให้เห็นบนแผงคอนโซลหน้า ภายใต้การจัดวางที่เรียบง่าย และเป็นระเบียบตามสไตล์รถยนต์ของ HONDA สามารถใช้งานได้สะดวกในระยะเอื้อมมือถึง รถคันนี้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 4 คน พื้นที่ด้านหน้ามีเหลือเฟือ รวมถึงด้านหลังที่มีพื้นที่เพียงพอเช่นกัน จากการมีระยะฐานล้อที่มากพอ ในกรณีที่มีผู้โดยสาร 2 คน ระยะช่วงขา และศีรษะ มีเหลือเฟืออย่างน่าพอใจ โดยพื้นห้องโดยสารจะยกตัวขึ้นมาเล็กน้อย (เนื่องจากเป็นจุดติดตั้งชุดแบทเตอรี) ทำให้ตำแหน่งการวางเท้าอาจติดขัดเล็กน้อย ขณะที่พื้นที่เก็บสัมภาระมีไม่มากนักในรถ HONDA E รุ่นนี้ จากการออกแบบที่เน้นการขับขี่ในตัวเมือง และการขับทางไกลเป็นเรื่องรอง ความจุโดยรวมจึงค่อนข้างจำกัด และมีจุดต้องติ คือ เบาะหลังไม่สามารถพับแยกได้ พูดง่ายๆ คือ ในกรณีที่ต้องการขนสัมภาระขนาดค่อนข้างใหญ่ จะไม่สามารถใช้งานเบาะหลังเพื่อการโดยสารได้เลย ขณะที่การขับขี่โดยรวมมีความเร้าใจในระดับที่พอเหมาะ มอเตอร์ไฟฟ้าตอบสนองได้รวดเร็ว ผนวกกับแรงบิดสูงสุดที่ 32.1 กก.-ม. ทำงานตั้งแต่ออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ให้ความรู้สึกที่กระฉับกระเฉงดีมาก เพียงกดคันเร่ง ตัวรถก็พร้อมจะพุ่งทะยานทันที และขับเคลื่อนได้อย่างไหลลื่นท่ามกลางสภาพการจราจรที่หนาแน่น แม้อัตราเร่งโดยรวมจะยังช้ากว่า MINI COOPER SE (มีนี คูเพอร์ เอสอี) โดยมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 8.2 วินาที เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปในตัวเมือง และยังให้การขับขี่ที่สะดวกสบายกว่า MINI การขับขี่ผ่านเส้นทางขรุขระทำให้เราพบว่า ระบบรองรับสามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีมาก รวมถึงพื้นต่างระดับในตัวเมือง ขณะที่เสียงรบกวนภายในห้องโดยสารค่อนข้างต่ำ มีเพียงเสียงของยางขณะแล่นเท่านั้น เป็นเสียงที่ได้ยินชัดเจนขณะขับด้วยความเร็วสูงบนทางหลวง
รองรับการชาร์จแบบเร่งด่วนที่ 100 กิโลวัตต์
อัตราส่วนการกระจายน้ำหนักที่ลงตัว (ด้านหน้า/หลังที่ 50:50 พอดี) มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ การตอบสนองของการหักเลี้ยวที่แม่นยำ และต่อเนื่อง ทำให้ HONDA E เข้าโค้งได้อย่างหนึบแน่น อย่างไรก็ตาม ระยะทำการที่ค่อนข้างจำกัดทำให้รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ ไม่สามารถแล่นได้ไกลนัก ด้วยความจุของแบทเตอรีที่ 35.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง รถยนต์ไฟฟ้าของ HONDA รุ่นนี้เน้นการใช้งานในตัวเมือง และไม่ไกลเกินบริเวณชานเมืองอย่างแท้จริง ทีมงานผู้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ของ HONDA ใส่ใจในเรื่องการชาร์จไฟฟ้าแบบเร่งด่วน มากกว่าเรื่องระยะทำการ เพื่อการใช้งานทั่วไปที่ไม่ติดขัด และมีประสิทธิภาพ สุดท้ายแล้วจะมีความเหมาะสมแค่ไหน คงขึ้นอยู่กับการใช้งานจริงในระยะยาว ซึ่งเป็นหนึ่งในโจทย์ที่ผู้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าต้องพิจารณาให้ดี
ทัศนวิสัยแบบดิจิทอล กล้องมองภาพ 2 ตัวด้านข้าง
HONDA E ติดตั้งกล้องมองภาพด้านข้างถูกแทนที่กับกระจกมองข้างอย่างเต็มตัว โดยจะแสดงมุมมองให้เห็นบนจอภาพแบบแอลซีดี ขนาด 6 นิ้ว ติดตั้งบริเวณด้านข้างของแผงคอนโซลหน้า เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งจากโรงงานในทุกรุ่นย่อย และสามารถปรับมุมมองแบบปกติ หรือมุมมองแบบกว้างสำหรับทัศนวิสัยด้านหลัง การใช้งานในระยะแรก ผู้ขับอาจต้องทำความ คุ้นเคยกับระยะห่างของภาพที่แสดงออกมา แม้มุมมองกล้องของทาง HONDA สามารถลดจุดอับสายตาได้ถึง 50 % เมื่อเทียบกับกระจกมองข้างทั่วไป แต่มีข้อดี คือ ภาพที่แสดงบนหน้าจอจะมีระบบนำร่องของตัวรถมาในตัวขณะทำการถอยจอด ความสว่างของภาพจากกล้องจะถูกปรับโดยอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับแสงสว่างภายนอกตัวรถ ในกรณีที่สภาพอากาศค่อนข้างเลวร้าย การมองเห็นทั่วไปค่อนข้างลำบาก ระบบกล้องสามารถชดเชยได้ดีมาก ให้ภาพที่คมชัดกว่าจะมองผ่านกระจกมองข้างทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีกล้องมองภาพด้านหลังติดตั้งอีก 1 ตัว เป็นอุปกรณ์เลือกติดตั้ง แสดงผลบนกระจกมองหลังที่ใช้จอภาพแบบแอลซีดี
ข้อมูลทางเทคนิค รถยนต์ไฟฟ้าแต่กำเนิด
แนวทางการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าหลักๆ มี 2 รูปแบบด้วยกัน นั่นคือ ใช้รูปแบบตัวถังร่วมกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป หรือพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมดเพื่อการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ HONDA E จัดอยู่ในประเภทหลัง ทำให้มีความได้เปรียบในหลายส่วน ประการแรก บรรดาเครื่องยนต์กลไกสำหรับขับเคลื่อน และมอเตอร์ไฟฟ้า มีความกะทัดรัดกว่ารถยนต์ทั่วไป ส่งผลให้มิติตัวถังภายนอกมีความกะทัดรัดเช่นกัน มีพื้นที่สำหรับการโดยสาร และการบรรทุกสัมภาระที่มากพอ นอกจากนี้ การเลือกพัฒนาให้รถรุ่นนี้ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ด้านหลัง (และขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง) ทำให้มีอิสระในการออกแบบระบบรองรับสำหรับล้อคู่หน้ามากยิ่งขึ้น ช่วยให้วงเลี้ยวมีความแคบ เสริมความคล่องตัวของรถได้อีกทาง บริเวณกันชนหน้า ใช้วัสดุที่มีความแข็งในระดับที่พอเหมาะ เพื่อลดอาการบาดเจ็บในกรณีปะทะกับคนเดินถนน ระบบรองรับด้านหลังแบบแมคเฟอร์สัน-สตรัท และการปรับแต่งที่ลงตัว ทำให้รองรับแรงสั่นสะเทือนได้ดี เมื่อแล่นผ่านพื้นขรุขระ ผลดีจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง ทำให้ช่วงล่าง และชุดเพลาขับถอยตำแหน่งไปด้านหลังได้เล็กน้อย ช่วยให้ขับผ่านอุปสรรคได้ดีขึ้น เสริมความนุ่มนวล และความสะดวกสบายของการโดยสาร ขณะที่ระบบไฟฟ้าของรถรุ่นนี้ ประกอบด้วย แบทเตอรีความจุ 35.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ทาง HONDA ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ตัวเลขของสเปค และประเภทของเซลล์แบทเตอรีเป็นแบบชนิดไหน แต่รูปภาพประกอบแสดงให้เห็นว่า มีจำนวน 12 โมดูล แบ่งการติดตั้งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 6 โมดูล) ติดตั้งระบบตรวจวัดอุณหภูมิอัตโนมัติ ช่วยให้ระบบมีระดับอุณหภูมิที่เหมาะสมตลอดเวลา ทำให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด และมีอายุการใช้งานยาวนานตามที่ถูกออกแบบมา ขณะที่อัตราส่วนการกระจาย น้ำหนักหน้า/หลังที่ 50:50 ถูกพิสูจน์ให้เห็นจากการทดสอบโดยทีมงานของเรา
ระบบขับเคลื่อนที่ไม่ซับซ้อน
รถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปจะมีระบบขับเคลื่อนที่ไม่ซับซ้อน เครื่องยนต์จะมีขนาดเล็ก ไม่มีชุดเกียร์ติดตั้งมาให้ และชุดแบทเตอรีติดตั้งใต้พื้นรถ ทำให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ
ข้อมูลจำเพาะ
ข้อมูลของรถที่นำมาทดสอบ
เครื่องยนต์
- มอเตอร์ไฟฟ้า วางด้านหลัง
- กำลังสูงสุด 154 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 32.1 กก.-ม.
แบทเตอรี
- แบบลิเธียม-ไอออน วางใต้พื้นรถ
- ความจุ 35.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ระบบส่งกำลัง
- ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง
- ชุดส่งกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า
ยาง
- MICHELIN PILOT SPORT 4
- ด้านหน้า 205/45 ZR17 88Y
- ด้านหลัง 225/45 ZR17 94Y
- ชุดปะยาง
รูปแบบตัวถัง
- ตัวถังใช้วัสดุโลหะ ทรง 2 กล่อง 5 ประตู 4 ที่นั่ง
- ระบบรองรับด้านหน้า แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
- ระบบรองรับด้านหลัง แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
- ชอคอับแบบไฮดรอลิค
- ระบบเบรคแบบจาน พร้อมช่องระบายความร้อน เอบีเอส อีเอสพี
- พวงมาลัยฟันเฟือง และตัวหนอน แปรผันด้วยไฟฟ้า
มิติ และน้ำหนัก
- ระยะฐานล้อ 2,530 มม.
- ระยะฐานล้อคู่หน้า/หลัง 1,520 มม.
- ความยาว 3,900 มม. กว้าง 1,750 มม. สูง 1,510 มม.
- น้ำหนักโดยรวม 1,542 กก.
- น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 1,870 กก.
- ความจุที่เก็บสัมภาระ 171-861 ลิตร
ผลิตที่
- เมืองซูซูกะ (ประเทศญี่ปุ่น)
การทดสอบระบบความปลอดภัย
รูปแบบการชาร์จไฟฟ้า
ระยะทำการ และอัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า-การทดสอบของ QUATTRORUOTE
การขับขี่ที่ไหลลื่น
รถคันนี้สามารถชาร์จไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว หากชาร์จด้วยกำลังไฟฟ้าที่ 50 กิโลวัตต์ น่าเสียดายที่จุดชาร์จไฟฟ้าแบบดังกล่าวยังมีติดตั้งไม่แพร่หลายเท่าใดนัก กับความจุของแบทเตอรีที่ 35.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง และระยะทำการไม่ถึง 200 กม. เป็นระยะทางของการใช้งานจริงกับ HONDA E คันนี้ อัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าโดยเฉลี่ยระหว่างการทดสอบในสนามแข่งอยู่ที่ 5.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง/กม. และได้รับการยืนยันตัวเลขดังกล่าวกับการขับขี่บนถนนจริง ระยะทางจะสั้นกว่าตัวเลขที่ระบุมาเนื่องจากปัจจัยรอบด้าน อัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้น เมื่อเจอการจราจรที่หนาแน่น และอุณหภูมิที่ค่อนข้างสูง
ราคา | ชาร์จครัวเรือน | ชาร์จเร่งด่วน |
ยูโร/100 กม. | 0.20 ยูโร/กิโลวัตต์ชั่วโมง | 0.50 ยูโร/กิโลวัตต์ชั่วโมง |
ในตัวเมือง | 3.90 | 9.76 |
ทางหลวง | 3.16 | 7.90 |
ทางด่วน | 4.31 | 10.77 |
ค่าเฉลี่ย | 3.80 | 9.46 |
การทดสอบสมรรถนะ
การประเมินผลของ QUATTRORUOTE
เบาะผู้ขับ
ตัวเบาะออกแบบได้ดีตามหลักสรีรศาสตร์ และให้ความรู้สึกขณะขับขี่ที่สบาย สามารถเหยียดขาได้ค่อนข้างมาก และตัวเบาะค่อนข้างต่ำ (42 ซม. จากพื้นถนน มากกว่ารถสปอร์ทอย่าง PORSCHE 911 (โพร์เช 911) เพียง 9 ซม. เท่านั้น)
แผงคอนโซล และปุ่มใช้งาน
การใช้งานมีความทันสมัย แต่ยังทำความคุ้นเคยได้ไม่ยากเย็น เรามีความเห็นว่าควรเพิ่มปุ่มใช้งานแบบดั้งเดิมให้มากกว่านี้
แผงหน้าปัด
หน้าปัดตรงกลางแสดงผลระดับแบทเตอรี สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้หลากหลาย ใช้งานได้ง่ายดาย และยังมีปุ่มใช้งานบนพวงมาลัย
ระบบความบันเทิง
จอแสดงผลมากมาย มีการแสดงผลที่เป็นระเบียบ ภายใต้รูปแบบที่คุ้นเคย แต่ไม่รองรับระบบ ANDROID AUTO ซึ่งเราไม่เข้าใจเหตุผลเช่นกัน
ระบบปรับอากาศ
ระบบปรับอากาศแบบแยก 4 โซน ส่วนอุปกรณ์เลือกติดตั้ง และมีในรถทดสอบ คือ ระบบปั๊มความร้อนสูง สำหรับระบบทำความอุ่นที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทัศนวิสัย
เสา เอ ด้านหน้าไม่บดบังทัศนวิสัยเท่าใดนัก สามารถมองเห็นมุมมองบนถนนได้ชัดเจน ขณะที่มุมมองด้านหลังมีจุดอับสายตามากกว่า ต้องอาศัยกล้องมองภาพ และเซนเซอร์แต่ละตำแหน่ง
คุณภาพการประกอบ
คุณภาพอยู่ในระดับสูง ไม่มีจุดต้องติทั้งภายนอก และภายใน รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำได้สมบูรณ์แบบ
อุปกรณ์ใช้งาน
รายการอุปกรณ์เลือกติดตั้งมีมากมาย หากเทียบกับราคาของตัวรถ การรองรับจุดชาร์จแบบ 150 กิโลวัตต์ มีติดตั้งจากโรงงาน
ระบบความปลอดภัย
รถคันนี้มีระบบความปลอดภัยที่ครบครัน รวมถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่ ระดับที่ 2 หากเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าระดับเดียวกัน ระบบตรวจจับจุดอับสายตาควรรวมอยู่ในอุปกรณ์ติดตั้งจากโรงงานมาแล้ว
พื้นที่ใช้สอย
พื้นที่เพียงพอสำหรับผู้โดยสาร 4 คน พื้นที่เบาะหลังถือว่าเพียงพอสำหรับความสะดวกสบาย แต่การขึ้น/ลงห้องโดยสารอาจไม่สะดวกเท่าใดนัก
ที่เก็บสัมภาระ
พื้นที่ส่วนนี้มีให้ตามรูปแบบโดยรวมของห้องโดยสาร มากกว่ามิติตัวถังภายนอก สามารถจุสัมภาระที่มีขนาดใกล้เคียงกับกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ ขณะที่เก็บของด้านหน้าใช้สำหรับเก็บชุดสายชาร์จไฟฟ้าเท่านั้น
ความสะดวกสบาย
ความนุ่มนวลอาจไม่ถึงกับโดดเด่นมากนัก แม้ระบบรองรับสามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนบนถนนได้ค่อนข้างดีก็ตาม เสียงรบกวนค่อนข้างชัด จากการใช้ยางที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่
สมรรถนะ
พละกำลังถือว่ามากเกินคาด อัตราเร่ง และการตอบสนองทำได้รวดเร็วทันใจดีมาก
การบังคับเลี้ยว
การตอบสนองของพวงมาลัยผสมผสานระหว่างความนุ่มนวลแบบรถเก๋ง และการขับขี่ที่เร้าใจ ตอบสนองฉับไว แม่นยำดีมาก และยังมีความต่อเนื่อง มีน้ำหนักที่พอเหมาะด้วย
ระบบเบรค
ระบบเบรคแบบคาร์บอนเซรามิคมีความหนักแน่น แม้ตัวรถมีน้ำหนักค่อนข้างมาก สามารถหน่วงความเร็วอย่างมีประสิทธิภาพในทุกช่วงความเร็ว ระบบเบรคมีความมั่นคง แม้ในสภาวะพื้นผิวที่ขรุขระ
ความคล่องแคล่ว
การปรับแต่งโดยรวมมีความลงตัวดีมาก ผนวกกับระบบอีเลคทรอนิคที่ถูกปรับแต่งให้มีการขับขี่ที่เร้าใจ แม้ในการขับแบบเน้นสมรรถนะเต็มที่ ตัวรถก็ควบคุมได้อยู่มือ
ระยะทำการ
ระยะทำการทำได้ดีสมตัว แม้จะทำได้ไกลกว่า JAGUAR I-PACE (แจกวาร์ ไอ-เพศ) แต่ยังไม่มากเท่ากับ TESLA MODEL S (เทสลา โมเดล เอส) ที่ถูกทดสอบไปก่อนหน้านี้ และยังตามหลังรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเกาหลีใต้
อัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า
ตัวเลขในส่วนนี้ตามหลังเพียงรถยนต์ไฟฟ้าของ TESLA กับค่าเฉลี่ยที่ 3.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง/กม. เทียบกับผลการทดสอบที่ 3.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง/กม. ของค่ายรถสัญชาติอเมริกัน
ระบบส่งกำลัง
มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว และชุดเกียร์ (ที่เฟืองท้าย) มีประสิทธิภาพการทำงานที่น่าพอใจดีมาก สามารถไต่ความเร็วได้ในพริบตา
ระบบชาร์จไฟฟ้า
ชุดแบทเตอรีที่มีแรงดันไฟฟ้าถึง 800 โวลท์ ถือว่ามากที่สุดรุ่นหนึ่งที่ 270 กิโลวัตต์ การชาร์จแบบเร่งด่วนทำได้อย่างรวดเร็ว หากใช้จุดชาร์จที่รองรับ (ซึ่งยังได้ค่อนข้างยากในสถานีอัดประจุไฟฟ้าทั่วไป)
การบำรุงรักษา
พโรโมชันของอัตราการชาร์จไฟฟ้าของ HONDA E กับบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศอิตาลี สามารถใช้งานกับจุดชาร์จแบบ 7.4 กิโลวัตต์ และยังมีคาร์ดที่ระบุปริมาณการชาร์จที่ 2,700 กิโลวัตต์ชั่วโมง อายุการใช้งาน 2 ปี มูลค่าถึง 1,500 ยูโร
จุดแข็ง
สมรรถนะ - อัตราเร่งทันใจดีมาก มีความเร้าใจเทียบชั้นรถสปอร์ท ระดับซูเพอร์คาร์เลยทีเดียว
การยึดเกาะถนน - ความหนึบแน่นที่ยอดเยี่ยม แทบลืมน้ำหนักของตัวรถไปสนิท เป็นประสิทธิภาพที่น่าพอใจในแง่ของรถยนต์ไฟฟ้า
จุดอ่อน
พื้นที่ใช้สอยด้านหลัง - การเข้า/ออกห้องโดยสารผ่านประตูบานหลังไม่สะดวกเท่าใดนัก ต้องใช้ความระมัดระวังค่อนข้างมากเกินความจำเป็น
ระบบความปลอดภัย - ระบบความปลอดภัยโดยพื้นฐานมีให้ครบครัน แต่อีกหลายรายการกลับเป็นอุปกรณ์เลือกติดตั้ง