ทดสอบ(formula)
ทดสอบ JAGUAR F-TYPE
รูปทรงที่ถูกปรับโฉมรอบคัน แต่ยังรักษาความหรูหราไม่เปลี่ยนแปลง ผสานกับขุมพลังดุดันแบบ วี 8 สูบ กำลังสูงสุด 450 แรงม้า พร้อมสมรรถนะที่ร้อนแรงอย่างไม่ต้องสงสัย แม้คู่แข่งบางรายจะมีความสะดวกสบาย และระบบความบันเทิงที่ทันสมัยกว่า แต่นั่นอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญมากนัก จริงหรือไม่ ?
รุ่น P450 CONVERTIBLE R-DYNAMIC
ราคา
- 102,520 ยูโร (ประมาณ 4,400,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
เครื่องยนต์
- เบนซิน ซูเพอร์ชาร์จ วี 8 สูบ
- 5,000 ซีซี
กำลังสูงสุด
- 450 แรงม้า
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
- จากผู้ผลิต 9.1 กม./ลิตร
- จากการทดสอบ 8.8 กม./ลิตร
- ความคุ้มค่า 21.80 ยูโร/100 กม.
ค่าไอเสียเฉลี่ย
- จากผู้ผลิต 252 กรัม/กม.
- จากการทดสอบ 269 กรัม/กม.
ตัวอักษรเพียงตัวเดียว แต่มีความหมายมากมาย F-TYPE (เอฟ-ไทพ์) คือ ชื่อที่บ่งบอกความแรงระดับตำนาน โดยมีบรรดารถหรูร่วมค่ายอย่าง XJ-S (เอกซ์เจ-เอส) XK8 (เอกซ์เค 8) และ XK (เอกซ์เค) ล้วนแล้วแต่เป็นตัวแรง ซึ่งมีบริบทแตกต่างกัน สุดท้ายแล้วชื่อ F-TYPE ยังคงความคลาสสิคมาช้านาน ชวนให้นึกถึงสปอร์ทตัวแรงที่มีชื่อว่า E-TYPE (อี-ไทพ์) เมื่อหลายปีก่อนเป็นรถที่สร้างชื่อเสียง และสร้างความทรงจำที่หอมหวานให้แก่ใครหลายๆ คนเช่นกัน มาถึงปัจจุบัน รถสปอร์ทของ JAGUAR (แจกวาร์) มีรูปแบบที่แตกต่างออกไป ด้วยรูปทรงที่มีเอกลักษณ์ ถูกออกแบบให้มีส่วนของฝากระโปรงที่ยาว ส่วนท้ายกระชับสั้น และพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางมากพอ ถูกหลอมรวมทั้งรูปแบบที่ทันสมัย และความอนุรักษนิยมเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ทำให้ F-TYPE ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับรูปแบบดั้งเดิมในอดีตเสียทั้งหมด
เอาเข้าจริงแล้ว การปรับโฉมรูปทรงของรถ สปอร์ทรุ่นนี้อาจไม่ใช่สิ่งจำเป็นเท่าใดนัก แต่หลังจากการทำตลาดมานานถึง 7 ปี รวมถึงปัจจัยอื่นๆ รอบด้าน จึงจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง และที่เห็นได้ชัด คือ ส่วนหน้าของตัวรถถูกปรับปรุง มีรูปทรงที่ลดต่ำลง และมีความกว้างเพิ่มขึ้น โดยไม่มีผลต่อเส้นสายของตัวถังในส่วนอื่นๆ ผลลัพธ์ คือ ความดุดันที่ดูราวกับปลาฉลาม แม้จะลดทอนความรู้สึกหรูหราไปบางส่วน แต่ยังมีเอกลักษณ์ที่ลงตัวอย่างน่าสนใจ นอกเหนือจากนั้นแล้ว มีการปรับปรุงในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ (เช่น ไฟท้ายที่ดูคมเข้มขึ้น ดูคล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า I-PACE (ไอ-เพศ) และพื้นที่รอบแผ่นป้ายทะเบียนที่แตกต่างออกไป) สัดส่วนความลงตัวของเส้นสายทำได้อย่างน่าพอใจมาก รูปทรงมีความลงตัวแทบไร้ที่ติ
มีรถยนต์เพียงไม่กี่รุ่นที่จะทำให้ผู้ขับดูโดดเด่นสะดุดตายามเมื่อขับบนท้องถนน หนึ่งในนั้น คือ รถสปอร์ทจาก JAGUAR ที่มีเส้นสายลงตัว รวมถึงห้องโดยสารที่ออกแบบได้อย่างหรูหรา สมกับราคาค่าตัว การออกแบบภายในที่มีความลงตัวเช่นนี้ แทบไม่ต้องใช้การเปลี่ยนแปลงใดๆ ในส่วนของตัวถังภายนอก มือเปิดประตูจะยกตัวขึ้นมาเพื่อปลดลอคประตู ถัดมา คือ ก้าวเข้ามาในห้องโดยสาร จะพบกับช่องแอร์บนคอนโซลกลางที่ยกตัวขึ้นมายามกดปุ่มสตาร์ทรถ บรรยากาศภายในห้องโดยสารน่าพึงพอใจ ที่อาจส่งผลต่อความสะดวกสบายกับการใช้งานโดยรวมบางส่วน เป็นจุดที่ต้องเข้าใจกับห้องโดยสารที่มีเบาะจำนวน 2 ตำแหน่ง ถูกแบ่งพื้นที่ด้วยส่วนคอนโซลเกียร์ และแผงคอนโซลหน้าขนาดใหญ่ ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยชุดหนังชั้นดี และวัสดุสีดำแวววาว ทำให้ภายในห้องโดยสารได้ทั้งความหรูหรา และสปอร์ทในเวลาเดียวกัน การออกแบบโดยรวมถูกคำนึงถึงผู้ขับเป็นหลัก สามารถใช้งานฟังค์ชันต่างๆ ได้สะดวก รวมถึงหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว ปุ่มใช้งานต่างๆ ถูกย้ายมาบนหน้าจอ เพื่อรองรับระบบความบันเทิงที่ทันสมัย ไม่จำเป็นต้องร้องขออะไรเพิ่มเติมอีก การออกแบบหน้าจอแบบกราฟิคมีความคมชัด กลมกลืนกับรูปแบบดั้งเดิม และรูปแบบที่ทันสมัย
ในปัจจุบัน โดยรวมแล้ว การใช้งานต่างๆ ความคุ้นเคยจากทั้ง 2 บแรนด์ร่วมเครือ นั่นคือ JAGUAR และ LAND ROVER (แลนด์ โรเวอร์)เมนูการใช้งานมีมากมาย การเปลี่ยนโหมดไม่มีปุ่มจัดมาให้ แม้มีระบบ IN-CONTROL จะมีความทันสมัย แต่ก็ไม่แตกต่างมากนัก แต่อย่างน้อยก็มีสิ่งที่น่าพอใจ คือ การรองรับระบบ ANDROID AUTO และ APPLE CAR PLAY แต่การใช้งานจะลงตัวกว่านี้ หาก F-TYPE ติดตั้งที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายมาด้วย นอกจากนี้ระบบเครื่องเสียงชั้นดี คุณภาพสูง แต่ต้องแลกกับการเพิ่มงบประมาณถึง 3,007 ยูโร
งานฝีมืออันประณีต
หนึ่งในจุดเด่นของรถสปอร์ทรุ่นนี้ คือ ความหรูหราของห้องโดยสารที่ทำได้อย่างลงตัว เช่นเดียวกับรูปทรงที่สวยงามของตัวถังภายนอกโดยรวมกับสมรรถนะ และการยึดเกาะถนนที่ผู้ขับต้องการควบคู่กันไป ในแง่นี้ F-TYPE สามารถตอบสนองได้ทั้งหมด ทีมวิศวกรจากเมือง GAYDON สามารถรังสรรค์รถสปอร์ทที่มีประสิทธิภาพสูง ไม่แพ้คู่แข่งหน้าไหน และผลลัพธ์ก็น่าพึงพอใจมาก รถสปอร์ทรุ่นนี้มีประสิทธิภาพที่อยู่กึ่งกลางระหว่างรถสปอร์ทสัญชาติเยอรมันอย่าง BOXSTER (บอกซ์สเตอร์) และ 911 แม้จะมีรายละเอียดส่วนอื่นๆ ที่แตกต่างกันก็ตาม และยังขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยที่ผู้ขับเลือกเป็นเจ้าของ ทำให้ผู้ที่ให้ความสนใจแตกต่างกันไปตามๆ กัน รวมถึงคู่แข่งที่ถูกนำไปเปรียบเทียบ
สำหรับรุ่นปรับโฉมล่าสุด เครื่องยนต์แบบ 3.0 ลิตร วี 6 สูบ กำลังสูงสุด 300 แรงม้า ถูกถอดออกไป ขณะที่เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ยังมีใช้งานอยู่ในบางรุ่นย่อย เป็นคู่ปรับโดยตรงกับ BOXSTER และรุ่นทอพใช้เครื่องยนต์ วี 8 สูบ ขนาด 5.0 ลิตร เครื่องยนต์บลอคเดิมแบบ วี 6 สูบ มีกำลังสูงสุดที่ 340 (หรือ 380) แรงม้า และยังมีทางเลือกกับรุ่นที่มีกำลังสูงสุด 450 แรงม้า ลดลงจากเดิมที่มี 550 แรงม้า ขณะที่รุ่นทอพจะมีกำลังสูงสุด 575 แรงม้าไม่เปลี่ยนแปลง พละกำลังของแต่ละรุ่นย่อยสามารถท้าทายรถสปอร์ทพันธุ์ดุอย่าง ASTON MARTIN (แอสตัน มาร์ทิน) ได้สบาย หรือแม้กระทั่ง MERCEDES-AMG GT (เมร์เซเดส-เอเอมจี จีที) ก็ได้ ขณะที่การทดสอบในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า อัตราเร่งเทียบชั้น PORSCHE 911 (โพร์เช 911) แน่นอนว่าในแง่ของรุ่นเปิดประทุน
ความเร้าใจขนานแท้
หากพูดในแง่ของความนิยม รุ่นย่อยที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร นำมาเป็นที่ 1 กับความแตกต่างของราคาที่มีพอสมควรเมื่อเทียบกับตัวทอพ (ราคาเริ่มต้นที่ 73,500 ยูโร โดยรุ่นทอพเครื่องยนต์ วี 8 สูบ จะแพงกว่ากันร่วม 30,000 ยูโร เลยทีเดียว) คำแนะนำของเรา คือ ผู้ขับควรเลือกรุ่นย่อย และทางเลือกของขุมพลัง ตามแต่งบประมาณที่มีอยู่ จุดแตกต่างของเครื่องยนต์แต่ละบลอคอยู่ที่สมรรถนะโดยรวม เครื่องยนต์ขนาด 5.0 ลิตร มีอัตราเร่งที่ดุดันอย่างแท้จริง ความจุของเครื่องยนต์ที่มากกว่า เสริมด้วยระบบอัดอากาศ ช่วยเพิ่มความฉับไวของการตอบสนองตั้งแต่ช่วงรอบเครื่องยนต์ต่ำ ไต่ความเร็วได้ฉับไวในพริบตา ดุดัน และหนักแน่น นอกจากนี้ยังให้อารมณ์ขณะขับขี่ที่สนุก และเร้าใจ เป็นอีกจุดเด่นของ F-TYPE มีเอกลักษณ์ที่ยากจะหาใครมาเทียบเคียง ทั้งในแง่ของการเป็นรถโดยสารที่สะท้อนความสะดวกสบาย หรูหรา หรือรถสปอร์ทดุดันเต็มขั้น ขึ้นอยู่ว่าผู้ขับจะขับขี่แบบเน้นสมรรถนะเต็มพิกัด หรือการขับขี่แบบสะดวกสบายบนท้องถนน ให้ความเพลิดเพลินเป็นพิเศษ ขณะที่ใช้ความเร็วสูง และความเร็วปานกลาง หากผู้ขับมีทักษะการควบคุมพวงมาลัยที่มากพอ F-TYPE จะมีอาการท้ายปัดในระดับที่พอเหมาะ แต่ยังควบคุมได้ไม่ยาก ตัวตนของรถรุ่นนี้จะถูกแสดงออกมาชัดเจนยิ่งขึ้น แสดงออกถึงการเป็นรถสปอร์ทชั้นสูง กับความฉับไว ตอบสนองรวดเร็ว และหนักแน่น แต่ไม่เกินกว่าการบังคับควบคุม ขณะที่เครื่องยนต์บลอคเดิมแบบ วี 6 สูบ มีน้ำหนักเบากว่า ควบคุมได้ง่าย และตอบสนองได้ฉับไวกว่าในการหักเลี้ยว และขณะเปลี่ยนเลน ส่วนเครื่องยนต์แบบ วี 8 สูบ จะมีข้อดีในแง่ความฉับไวของอัตราเร่ง รวมถึงเสียงจากท่อไอเสียที่แผดดังอย่างเร้าใจ เมื่อผู้ขับเร่งรอบเครื่องยนต์ใกล้จุดสูงสุดเท่าไร ความดุดันจะถูกแสดงออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลังทำหน้าที่ได้อย่างลงตัวทั้งคู่ การปลดปล่อยพละกำลังจะไม่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน แต่จะเน้นความต่อเนื่องตามรูปแบบของระบบอัดอากาศ
การทดสอบที่สนาม VAIRANO การขับที่เร้าใจ
การวางเครื่องยนต์ด้านหน้า กับพละกำลังอันมหาศาล และความหนึบแน่นที่น่าทึ่ง นำมาซึ่งการขับขี่ที่เร้าใจ แต่อาจไม่ส่งผลดีกับเวลาต่อรอบในสนามแข่ง การส่งกำลังสู่ล้อคู่หลัง ทำให้อาการท้ายปัดเกิดขึ้นอย่างชัดเจน ต้องควบคุมระดับการถ่ายเทน้ำหนักขณะเข้าโค้งอย่างแม่นยำ แต่โดยรวมแล้ว ถือเป็นรถที่ควบคุมได้ไม่ยากเกินไปนัก ขณะขับในสนามแข่ง ระบบรองรับที่เผื่อเหลือให้ความนุ่มนวลบางส่วน ช่วยให้การแก้ไขอาการของตัวรถอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ พวงมาลัยตอบสนองฉับไว แต่ไม่แม่นยำนักในช่วงโค้งความเร็วสูง เครื่องยนต์ส่งกำลังออกมาอย่างดุดัน ระบบอีเลคทรอนิคที่ถูกปรับแต่งอย่างลงตัว เน้นการขับขี่ที่ไหลลื่น โดยจะทำงานเมื่อเกิดอาการท้ายปัดแล้วผู้ขับทำการเบรค
ข้อมูลจำเพาะของรถทดสอบ
เครื่องยนต์
- เบนซิน วี 8 สูบ (ทำมุม 90 องศา) วางด้านหน้าตามยาว
- กระบอกสูบ 92.5 มม.
- ช่วงชัก 93.0 มม.
- ความจุ 5,000 ซีซี
- กำลังสูงสุด 450 แรงม้า ที่ 6,000 รตน.
- แรงบิดสูงสุด 59.2 กก.-ม. ที่ 2,500-5,000 รตน.
- เสื้อสูบใช้วัสดุโลหะน้ำหนักเบา
- ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ พร้อมระบบวาล์วแปรผัน
- 4 วาล์ว/ลูกสูบ (สายพานโซ่)
- ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง ซูเพอร์ชาร์จ และอินเตอร์คูเลอร์
- ชุดกรองไอเสีย
ระบบส่งกำลัง
- ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง
- เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
ยาง
- ปิเรลลี พี-เซโร
- ด้านหน้าขนาด 255/35 ZR20 97Y ด้านหลังขนาด 295/30ZR20 101Y
- ชุดปะยาง
รูปแบบตัวถัง
- ตัวถังแบบอลูมิเนียม เปิดประทุน 2 ประตู 2 ที่นั่ง
- ระบบรองรับด้านหน้า มัลทิลิงค์ คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ด้านหลัง มัลทิลิงค์ คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
- ช่วงล่างชอคอับแบบไฮดรอลิค ควบคุมด้วยอีเลคทรอนิค
- ระบบเบรคแบบ จาน
- พร้อมช่องระบายอากาศ เอบีเอส อีเอสพี
- พวงมาลัยฟันเฟือง และตัวหนอน ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า
- ถังน้ำมันความจุ 70 ลิตร
มิติ และน้ำหนักโดยรวม
- ระยะฐานล้อ 2,620 มม.
- ความกว้างฐานล้อคู่หน้า 1,580 มม. หลัง 1,630 มม.
- ความยาว 4,470 มม. กว้าง 1,920 มม. สูง 1,310 มม.
- น้ำหนักโดยรวม 1,735 กก. รวมน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 2,050 กก.
- พื้นที่เก็บสัมภาระ 233 ลิตร
ผลิตที่
- เมือง CASTLE BROMWICH (ประเทศอังกฤษ)
การทดสอบสมรรถนะ
การประเมินผลของ QUATTRORUOTE
เบาะผู้ขับ
ออกแบบได้ลงตัว รูปทรงของเบาะมีความเหมาะสม ปุ่มปรับทิศทางจัดวางในตำแหน่งที่ใช้งานง่าย พวงมาลัยทำมุมในแนวตั้งฉาก
แผงคอนโซล และปุ่มใช้งาน
มีปุ่มใช้งานติดตั้งหลายอัน แต่เหมาะสำหรับการใช้งาน การจัดระเบียบทำได้น่าพอใจ ใช้งานสะดวก ผู้ขับรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับอุปกรณ์ต่างๆ รอบตัว
แผงหน้าปัด
รูปแบบการแสดงผลมีความลงตัว ใช้งานสะดวก แม้ไม่ถึงกับครบครันเต็มพิกัด แต่ก็ครอบคลุมการใช้งานมากพอในแง่ของการแสดงผลแบบดิจิทอลยุคปัจจุบัน
ระบบความบันเทิง
รองรับ ANDROID AUTO และ APPLE CAR PLAY การใช้งานส่วนอื่นๆ ควรจะมีความทันสมัยมากกว่านี้
ระบบปรับอากาศ
ระบบปรับอากาศใช้งานง่าย ระบบทำความอุ่นมีประสิทธิภาพดี ส่วนหนึ่งมาจากห้องโดยสาร
ที่ไม่กว้างขวางเกินไป
ทัศนวิสัย
ทัศนวิสัยฝั่งขวาไม่ดีนัก ในแง่ของการเป็นรถสปอร์ทเปิดประทุน เสา เอ ด้านหน้า และกระจกมองข้างค่อนข้างเทอะทะ
คุณภาพการประกอบ
มีความประณีต น่าพอใจในหลายส่วน ผสมผสานความสปอร์ท และหรูหราได้อย่างลงตัว โดยรวมแล้วแทบจะไร้ที่ติ ยกเว้นบางจุดเพียงเล็กน้อย
อุปกรณ์ใช้งานต่างๆ
อุปกรณ์ติดตั้งจากโรงงานครบครัน และยังมีอุปกรณ์เลือกติดตั้งอีกมากมาย
ระบบความปลอดภัย
ระบบตรวจจับจุดอับสายตา ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ระบบความปลอดภัยสมัยใหม่ ไม่มีให้เลือกใช้ แม้แต่อุปกรณ์เลือกติดตั้ง
พื้นที่ใช้สอย
พื้นที่เพียงพอในแง่ของรถสปอร์ท 2 ที่นั่ง การใช้งานโดยรวมดีพอใช้ จากตัวรถที่ค่อนข้างเตี้ย
พื้นที่เก็บสัมภาระ
พื้นที่ค่อนข้างน้อย และใส่สัมภาระได้ลำบาก แต่ยังอยู่ในระดับที่ดีพอสำหรับรถสปอร์ทเปิดประทุน ไม่มีพื้นที่เก็บของข้างหลังเบาะ
ความสะดวกสบาย
ตอบสนองฉับไว และเร้าใจ ระบบรองรับไม่เน้นความนุ่มนวล และมีเสียงรบกวนค่อนข้างมากที่ความเร็วสูง
เครื่องยนต์
ทรงพลัง ดุดัน แทบไร้อาการสะดุดใดๆ เร้าใจทุกเวลาที่กดคันเร่ง
อัตราเร่ง
เครื่องยนต์ วี 8 สูบ ส่งกำลังได้ต่อเนื่องร่วมกันกับระบบเกียร์ F-TYPE ปลดปล่อยอัตราเร่งได้ในพริบตา และเหมาะสำหรับการใช้ความเร็วสูง
อัตราเร่งยืดหยุ่น
แม้ไม่กดคันเร่งสุด การไต่ความเร็วก็ทำได้อย่างต่อเนื่อง หากผู้ขับต้องการจะเน้นสมรรถนะเต็มๆ อัตราเร่งจะฉับไวถึงขีดสุด
ระบบส่งกำลัง
การปรับแต่งในส่วนนี้ทำขึ้นในรุ่นโฉมล่าสุด หากเทียบกับโฉมก่อนหน้านี้ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF ส่งกำลังได้ดีมาก โดยเฉพาะในช่วงลดจังหวะเกียร์
การบังคับเลี้ยว
จุดเด่น คือ ความแม่นยำ หักเลี้ยวได้รวดเร็ว และต่อเนื่อง หากเพิ่มความเฉียบคมได้มากกว่านี้อีกสักนิด จะลงตัวยิ่งขึ้น
ระบบเบรค
เบรคได้หนักแน่น หน่วงความเร็วได้ดีมากแม้ในช่วงความเร็วสูง ระบบเบรคแทบไม่แสดงอาการล้าให้เห็น
ความคล่องแคล่ว
แม้ไม่ถึงกับฉับไวในระดับสุดยอด แต่การควบคุมโดยรวมไหลลื่น และมั่นคง ระบบอีเลคทรอนิคถูกปรับแต่งมาอย่างลงตัว
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงตามคาด ตามบุคลิกของตัวรถ และพละกำลังสูงสุด ตัวเลขที่ 10 กม./ลิตร เป็นค่าเฉลี่ยพื้นฐาน