Quattroruote ลองของแรง
FERRARI F8 TRIBUTO
จุดเด่นแรกเห็นได้จากชื่อของรถรุ่นนี้ บ่งบอกจิตวิญญาณทั้งมวลของ FERRARI (แฟร์รารี) บ่งบอกถึงขุมพลังแบบ วี 8 สูบ บุคลิกที่ดุดันไม่เหมือนใคร พร้อมระเบิดสมรรถนะออกมาทุกเมื่อ ย้อนกลับไปในยุคกลางของปี 1970 คือ จุดเริ่มต้นของการพัฒนาสปอร์ทสายพันธุ์นี้ เครื่องยนต์แบบ 8 สูบ วางอยู่กลางลำ ด้านหลังผู้ขับ ในช่วงแรกของการถือกำเนิดอาจขัดใจผู้ขับบางคน จากแนวคิดที่ว่าม้าควรจะออกแรงดึง (นั่นคือ เครื่องยนต์วางด้านหน้า) มากกว่าการออกแรงดัน อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปร่วมครึ่งศตวรรษ แนวคิดดังกล่าวกลับได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เหตุผล คือ การขับขี่ที่เร้าใจ ตอบสนองฉับไว เป็นบุคลิกของรถสปอร์ทในอุดมคติในแบบฉบับของเครื่องยนต์สันดาป กาลเวลาผ่านไป แนวคิดใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นตามมา หนึ่งในนั้น คือ ขุมพลังแบบไฮบริดที่ถูกพัฒนาขึ้นมา (เห็นได้จากเครื่องยนต์ไฮบริดของรุ่น SF 90 STRADALE (เอสเอฟ 90 สตราดาเล) เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน) ผลลัพธ์โดยรวมน่าพอใจมาก และเป็นอนาคตใหม่ของค่ายรถแห่งนี้โดยไม่ต้องสงสัย แต่ไม่ได้หมายความว่ารูปแบบดั้งเดิมจะถูกทดแทนเสียทั้งหมด เหมือนที่เกิดขึ้นกับเครื่องยนต์แบบไร้ระบบอัดอากาศเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ หรือ หากย้อนกลับไปอีก คือ ระบบคาร์บูเรเตอร์ เอกลักษณ์ที่ถูกรักษามาช้านานของค่ายรถจากเมือง MARANELLO (มาราเนลโล) จะยังคงอยู่ต่อไป เราสังเกตเห็นว่าแนวคิดแต่ละรูปแบบถูกนำมาพัฒนา และผสมผสานกันอย่างลงตัว เป็นจุดกำเนิดของรถสปอร์ทยุคใหม่ มีการคำนึงถึงค่าไอเสียเช่นกัน และมีผลิตผล คือ รุ่น 458 ITALIA (458 อิตาลีอา) ตามมาด้วย 488 GTB (488 จีทีบี) โดยไม่ละทิ้งสมรรถนะแม้แต่น้อย ทั้งหมดนี้ คือ การพัฒนาอย่างก้าวหน้า ทั้งในแง่ของการปรับปรุงจากสิ่งเดิม และการปฏิวัติสิ่งใหม่ๆ เข้ามา ลักษณะการออกแบบแนวหลังคา และประตูของตัวรถ มีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่สัดส่วนโดยรวม และพื้นที่ห้องโดยสารยังไม่เปลี่ยนไปมากนัก แต่แนวคิดใหม่ๆ ยังคงถูกรังสรรค์ออกมาอย่างต่อเนื่องสำหรับค่าย FERRARI ทำให้รถรุ่นใหม่มีจุดเด่นที่น่าติดตามอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรูปแบบการส่งกำลังสู่ล้อคู่หลัง เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างความคุ้นเคยในอดีต และรูปแบบใหม่ๆ สำหรับอนาคต สิ่งที่เห็นได้เป็นอย่างแรก คือ ไฟหน้าทรงกลม 4 ดวงที่ถูกถอดออกไปจากรุ่น 458 ITALIA และกระจกบานท้ายทรงเรียวในแนวนอน (เป็นการระลึกถึงรุ่น F40 เช่นกัน) ขณะเดียวกันมีสิ่งใหม่ๆ ถูกเสริมเข้ามาในรถยนต์แต่ละรุ่นของ FERRARI เช่นเดียวกับที่เห็นใน SF90 STRADALE รวมถึงสปอร์ทคูเปรุ่น ROMA (โรมา)
FERRARI F8 TRIBUTO
ราคา
- (ประมาณ 9,850,000 บาท ไม่รวมภาษี 236,000 ยูโร)
เครื่องยนต์
- เบนซิน เทอร์โบคู่ วี 8 สูบ
- 3,902 ซีซี
กำลังสูงสุด
- 720 แรงม้า
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
- จากทางผู้ผลิต 8.7 กม./ลิตร
อัตราการปล่อยไอเสีย
- จากทางผู้ผลิต 263 กรัม/กม.
จุดต้องติเล็กน้อย
ความคลาสสิคที่ยังคงอยู่
แม้ว่ารถรุ่นนี้จะมีจุดเด่นที่น่าสนใจมากมาย เช่น พละกำลังมหาศาลถึง 720 แรงม้า แต่ยังคงมีจุดต้องติให้เห็นเช่นกัน ในแง่ของการเป็น สปอร์ทคูเปแบบ จีที ตามแบบฉบับ F8 TRIBUTO (เอฟ 8 ตรีบูโต) มีการเข้าโค้งที่เฉียบคม และรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีด้วย เป็นสิ่งที่ผู้ขับยุคปัจจุบันต้องการ อย่างไรก็ตาม รูปทรงของเข็มขัดนิรภัยดูแปลกตา หากมองในแง่ของการเป็นรถสปอร์ทสมรรถนะสูงแบบ FERRARI ถือว่าไม่เหมาะสมเท่าใดนัก ขณะที่การออกแบบห้องโดยสารยังคงความคุ้นเคยดั้งเดิมเอาไว้ การออกแบบที่ยังรักษาเอกลักษณ์หลายส่วนเอาไว้ ช่องแอร์มีความโฉบเฉี่ยว ทันสมัย ปุ่มใช้งานระบบปรับอากาศ และจอภาพขนาด 7 นิ้ว (อุปกรณ์เลือกติดตั้ง แต่ไม่มีในรถที่นำมาทดสอบ) และสุดท้าย คือ พวงมาลัยขนาดเล็ก เพื่อการหักเลี้ยวที่ฉับไว ช่วยให้การบังคับควบคุมมีความมั่นคงยิ่งขึ้น กระจกบานท้ายมีขนาดเล็ก มุมมองอาจแคบเล็กน้อย แม้จะถูกชดเชยด้วยกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศาก็ตาม ช่วยให้การจอดรถสะดวกสบายยิ่งขึ้น และระบบตรวจจับมุมอับสายตา แม้บางครั้งจะทำการเตือนค่อนข้างถี่เกินความจำเป็นก็ตาม ดังนี้แล้ว ในแง่ของการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันของ F8 TRIBUTO ทำได้ดีพอแล้ว แต่ควรจะเพิ่มอุปกรณ์ความปลอดภัยอย่างระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ และระบบครูสคอนทโรลแปรผันความเร็ว รวมถึงการปรับปรุงระบบความบันเทิงซึ่งดูล้าสมัย นอกจากนี้ ควรมีการแสดงผลบนหน้าจอดิจิทอลขนาดเล็ก และการรองรับระบบ ANDROID AUTO แม้เอาเข้าจริง FERRARI จะรองรับระบบ APPLE CAR PLAY ได้เป็นค่ายแรกๆ ก็ตาม (แม้ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 3,050 ยูโร) แต่น่าจะคำนึงถึงลูกค้าที่ใช้มือถือระบบ ANDROID ด้วย
หลังจากรายละเอียดของจุดต้องติเล็กๆ น้อยๆ กลับมาที่จุดเด่นของตัวรถ ต้องยอมรับว่า FERARI คือ ค่ายรถที่ออกแบบรถสปอร์ทได้อย่างลงตัว บ่งบอกถึงศิลปะการออกแบบ และการขับขี่เฉียบคม สามารถเข้าคู่กันได้ เสียงเครื่องยนต์ที่ทุ้มต่ำ เกิดขึ้นทันทีที่กดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์สีแดงสด เครื่องยนต์ วี 8 สูบก็พร้อมทำงาน ซุ่มเสียงที่ผ่านชุดกรองไอเสียทำให้มีโทนเสียงที่ไม่เหมือนใคร สามารถได้ยินเด่นชัดจากภายนอกตัวรถมากกว่าจากภายในห้องโดยสาร ภายใต้ขุมพลังยังมีชุดเพลาลูกเบี้ยวทรงเรียบแบน ท่อไอเสียแบบไททาเนียม และความคุ้นเคยแบบคลาสสิคที่ถูกสืบทอดมาตลอด 70 ปี อาการเทอร์โบแลกไม่มีให้สัมผัส อัตราเร่งถูกปลดปล่อยออกมาทันทีทันใด ช่วงเกินกว่า 5,000 รตน. คือ ความเร้าใจระดับสุดยอด การขับขี่ดุดัน และไหลลื่นแม้ในช่วง 3,000 รตน. การเปลี่ยนจังหวะเกียร์ทำได้อย่างกระชับ ฉับไว ปราศจากเสียงรบกวน และจังหวะที่ติดขัดใดๆ เครื่องยนต์แบบ 8 สูบ สร้างสรรค์จุดเด่นดังกล่าวได้อย่างยอดเยี่ยม การปลดปล่อยแรงบิดมีความเหมาะสมในแต่ละช่วงเกียร์ การเปลี่ยนเกียร์ทำได้อย่างไม่มีที่ติ ตามแบบฉบับของ FERRARI ซุ่มเสียงของเครื่องยนต์เป็นอีกจุดที่น่าพอใจ แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของค่ายรถจากเมือง MARANELLO คือ การจำกัดรอบเครื่องยนต์สูงสุดเอาไว้ที่ 8,000 รตน. เท่านั้น สร้างความประหลาดใจเสมอมา
ทางเลือกที่หลากหลาย
ระบบรองรับถูกปรับแต่งให้ควบคุมได้อยู่มือ แต่อย่าได้ประมาทรถคันนี้ไป F8 TRIBUTO ยังคงเป็นรถสปอร์ทที่ต้องขับขี่อย่างตั้งใจ และใช้ทักษะการขับขี่พอสมควร โดยเฉพาะในเวลาที่ต้องการจะรีดสมรรถนะออกมาเต็มๆ และท้าทายตัวตนที่แท้จริงของรถรุ่นนี้ ทุกอย่างจะเกิดขึ้นในพริบตา การตอบสนองขณะขับขี่ต้องฉับไว และทันท่วงทีไม่แพ้กัน การขับขี่ที่ง่ายดายดังกล่าว ขึ้นอยู่กับการบังคับควบคุมที่เที่ยงตรง และเหมาะสมมากน้อยแค่ไหน ตามแต่สถานการณ์ F8 TRIBUTO มีคุณลักษณะที่ถอดแบบจากรุ่น 488 PISTA มีการผสมผสานความนุ่มนวลอย่างเหมาะสม ควบคุมได้ดังใจ โดยไม่ลดทอนความเร้าใจของการขับขี่แม้แต่น้อย ผู้ขับสนุกกับการรีดสมรรถนะอย่างต่อเนื่อง ตัวรถตอบสนองได้อย่างลงตัว การเข้าโค้งทำได้อย่างมั่นคง เป็นจุดเด่นของ F8 TRIBUTO ที่สืบทอดต่อมาจาก 488 GTB (488 จีทีบี) พูดง่ายๆ คือ นี่คือการพบกันของ 2 รูปแบบ เมื่อเทียบกับรุ่น PISTA (ปิสตา) อาการลื่นไถลเพียงเล็กน้อยของส่วนท้ายอยู่ในระดับที่รับได้ สามารถแก้อาการของตัวรถได้ไม่ยากเย็น นอกจากนี้ พวงมาลัยที่มีรูปทรงกระชับ ส่งผ่านแรงสั่นสะเทือน และแรงเหวี่ยงขณะบังคับควบคุมได้ชัดเจน ช่วยเสริมความเร้าใจได้อีกทาง เป็นอีกครั้งที่ส่วนผสมอันลงตัวอย่างน่าทึ่ง สามารถไปด้วยกันได้อย่างดี มีความแม่นยำ และฉับไว นอกจากนี้ยังมีระบบอีเลคทรอนิคที่พัฒนาอย่างลงตัว มีจังหวะการทำงานที่ไหลลื่น ไม่รบกวนการขับขี่ ช่วยให้การขับขี่ไหลลื่น และแก้ไขอาการของตัวรถได้ดีเช่นกัน จังหวะการทำงานของระบบช่วยเหลือการขับขี่ไม่ส่งผลต่อจังหวะการควบคุมของผู้ขับแม้แต่น้อย แต่ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกโหมดการขับขี่จากระบบ MANETTINO ด้วย หากการขับขี่ไม่ดุดันเกินขีดจำกัด จะแสดงให้เห็นถึงทักษะการขับขี่ที่ดีของผู้ขับด้วย จุดนี้เองจะเป็นสิ่งบ่งบอกถึงความสามารถของผู้ขับ และประสิทธิภาพของ F8 TRIBUTO แม้ต้องใช้ความคุ้นเคยในช่วงแรก แต่เมื่อใดที่ผู้ขับพบจุดสมดุลของการขับขี่ได้ ทุกอย่างก็จะราบรื่น โดยส่วนตัวแล้ว ทีมงานของเราชอบการขับขี่ในโหมดปิดระบบช่วยเหลือ แต่ FERRARI รุ่นนี้มีความแตกต่างจากรถยนต์หลายรุ่น การส่งกำลังร่วมกับระบบที่หลากหลาย มีความต่อเนื่อง และไม่เหมือนใคร การขับขี่ไม่ควรกระแทกกระทั้นมากเกินไป เนื่องจากตัวรถมีการตอบสนองที่รวดเร็วมากๆ ภายใต้สมรรถนะในระดับสุดยอด เท่าที่จะเทียบเคียงได้จากรถสปอร์ทระดับเดียวกัน ระบบป้องกันการลื่นไถลช่วยให้การควบคุมทิศทางทำได้ไม่ยากเย็น เมื่อกำลังจะเกิดอาการท้ายปัด การหักพวงมาลัยเพียงเล็กน้อยก็ช่วยได้ นอกเหนือจากนี้ ระบบของตัวรถจะช่วยแก้ไขในส่วนที่เหลือ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับการหลอมรวมอย่างลงตัวระหว่างผู้ขับ และความเฉียบคมของตัวรถ ผู้ขับสามารถคาดคะเนอาการของตัวรถได้อย่างแม่นยำ
การฟันธงของเรา
ระบบสมองกลอัจฉริยะ
ขณะเข้าโค้ง คือ ความสนุก เร้าใจ อย่างแท้จริง ขณะที่การขับบนท้องถนนมีความมั่นคงดีมาก จุดต้องติเล็กๆ น้อยๆ สามารถมองข้ามไปได้สำหรับ FERRARI รุ่นนี้ ความเพลิดเพลินจากการขับขี่ไม่จำเป็นต้องรีดสมรรถนะออกมาทั้งหมด การขับขี่ในชีวิตประจำวันที่เน้นความสะดวกสบายก็แสดงให้เห็นถึงความลงตัวได้เช่นกัน ผู้ขับต้องมองภาพรวมในความเป็นจริง แม้สุดท้ายแล้ว แทบทุกคนย่อมถวิลหาความเร้าใจจากขุมพลังอันดุดัน การตอบสนองโดยรวมทำได้ยอดเยี่ยมในสภาพพื้นผิวถนนทั่วไปที่ไม่ได้เรียบสนิทเหมือนเส้นทางในสนามแข่ง อย่างที่เราบอกไปแล้วว่า F8 TRIBUTO มีคุณลักษณะของรถสปอร์ทสไตล์ GT (จีที) อย่างเต็มเปี่ยม จะเสริมการประหยัดเชื้อเพลิงด้วยปุ่มสตาร์ท/ดับเครื่องยนต์อัตโนมัติก็ทำได้ แม้น้อยคนจะสนใจทำเช่นนั้น แต่เราอยากจะแนะนำให้ลองดู เพราะทุกครั้งที่ระบบนี้สตาร์ทเครื่องยนต์ขึ้นมาขณะจะออกตัวจากไฟแดง เสียงเครื่องยนต์ที่ถูกปลุกขึ้นมา มีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อ
การตอบสนองขณะขับขี่บนถนนของ F8 TRIBUTO ได้รับการช่วยเหลือจากระบบอีเลคทรอนิคต่างๆ โดยไม่ส่งผลต่อสมรรถนะของตัวรถ เริ่มด้วยระบบป้องกันการลื่นไถล มีติดตั้งครั้งแรกในรุ่น 458 ITALIA โดยในปัจจุบันเป็นเวอร์ชันที่ 6.1 แล้ว การทำงานของระบบต่างๆ จะถูกควบคุมจากตรงนี้ ระบบสามารถประเมินองศาของระบบรองรับ และประมวลผลร่วมกับการหักเลี้ยวพวงมาลัย ตลอดจนความเร็วที่ใช้ เพื่อรับรู้ว่าตัวรถมีโอกาสเกิดอาการหน้าดื้อ (อันเดอร์สเตียร์) หรือท้ายปัด (โอเวอร์สเตียร์) ตลอดจนความเร็วที่ใช้ ระบบดังกล่าวยังควบคุมการทำงานของระบบช่วย เหลืออื่นๆ เช่น ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ ระบบควบคุมการส่งกำลังของชุดเฟืองท้าย ระบบควบคุมการตอบสนองของช่วงล่าง และระบบควบคุมแรงเบรค เป็นต้น
การควบคุมที่ง่ายดาย (หรือใกล้เคียง)
ระบบควบคุมการทำงานของเบรค พัฒนาโดยตรงจาก FERRARI เป็นหนึ่งในระบบที่ถูกควบคุมจากสมองกลส่วนกลาง และปรับแต่งได้จากโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย รวมถึงโหมด เรศ ช่วยตัวรถสามารถทำความเร็วออกจากโค้งได้ฉับไวยิ่งขึ้นร่วม 6 % และช่วยปรับแต่งให้การตอบสนองของพวงมาลัยมีความฉับไวขึ้น 30 % ช่วยให้บังคับควบคุมรถอยู่มือยิ่งขึ้น และเร้าใจยามทะยานในสนามแข่ง
หนึบแน่น หรือเน้น “ดริฟท์”
ความหนึบแน่นของระบบรองรับสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ขับ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยกว่าปกติ ดังนี้แล้ว ตัวรถสามารถมีการตอบสนองที่หนึบแน่น หรือจะผสมความนุ่มนวลที่เหมาะสม สามารถทำได้ทั้งนั้น