Quattroruote ทดสอบ
ทดสอบ MINI COOPER SE
เอาเข้าจริงแล้ว นี่คือ MINI (มีนี) ที่ขับสนุกที่สุดในรอบหลายปีของการทดสอบ เป็นสิ่งที่ถือว่าเกินคาดไม่น้อย และยังเกิดขึ้นกับรถยนต์ไฟฟ้าของค่าย นั่นคือ SE (เอสอี) ขณะที่บรรดาตัวแรงอย่าง JOHN COOPER WORKS (จอห์น คูเพอร์ เวิร์คส์) ถือว่ามีความแตกต่างออกไป แต่หากเทียบกับรุ่น COOPER S (คูเพอร์ เอส) ถือว่า SE มีความเร้าใจที่ไม่น้อยหน้ากัน ทีมของเราขอเลือกรุ่นหลัง สาเหตุก็เพราะ SE คือ ความทันสมัยอย่างแท้จริง เป็นตัวแทนของยานยนต์ยุคหน้า อัตราเร่งฉับไว เป็นหนึ่งในจุดเด่นของ COOPER S แต่ไหนแต่ไร แม้รุ่นล่าสุดอาจทำได้เทียบเคียงบางส่วนก็ตาม จากการทดสอบแต่ละหัวข้อ SE มีอัตราเร่งที่ดี จากมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 184 แรงม้า กับแรงบิดอันมหาศาล น้ำหนักโดยรวมที่เหมาะสม กับการปรับแต่งระบบต่างๆ มาอย่างลงตัว พูดง่ายๆ คือ SE มีความเร้าใจเทียบเท่า COOPER ดั้งเดิม ทำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
บุคลิกเฉพาะตัว
MINI รุ่นนี้มีความแตกต่างทางรูปทรงจากการตกแต่งด้วยโทนสีเหลือง และรูปทรงของล้อแมกที่ใช้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีรูปแบบอสมมาตร การติดตั้งชุดแบทเตอรีจะอยู่บริเวณใต้ท้องรถ และด้านหลังเบาะแถวที่ 2 SE จะมีความสูงมากกว่า MINI รุ่นปกติเกือบ 20 มม. อาจกลมกลืนกว่าที่เป็นจากรูปทรงของตัวถัง ทำให้ดูไม่สูงโย่งเกินควร ความยาวของตัวรถเท่ากับรุ่นปกติ (นั่นคือ 3,850 มม.) ไฟท้ายแบบแอลอีดี ลวดลายธงชาติของประเทศอังกฤษ เช่นเดียวกับ COOPER รุ่นปกติ ผู้ขับนั่งค่อนข้างต่ำ ช่วงขาเหยียดได้พอประมาณ พนักพิงหลังค่อนข้างแข็ง พวงมาลัยทำมุมเกือบตั้งฉาก (ทำมุมประมาณ 19 องศา) มีขนาดค่อนข้างเล็ก (เส้นผ่าศูนย์กลาง 365 มม.) จับได้กระชับมือ
นอกเหนือจากสิ่งที่กล่าวมา อุปกรณ์ช่วยเหลือการขับขี่ยังคงติดตั้งมาให้ครบครัน ทีมงานทดสอบของเราต้องทำความคุ้นเคยในช่วงแรก กับบรรดาการแสดงผลบนหน้าจอแบบดิจิทอลบริเวณคอนโซลกลาง นอกจากนี้ยังมีจอแสดงผลแบบใหม่ มีขนาดเล็กติดตั้งบริเวณคอพวงมาลัย มองเห็นจากกึ่งกลางของพวงมาลัย ซึ่งบางครั้งมองเห็นได้ยากหากเจอกับแสงสะท้อน
การตกแต่งที่ลงตัว
ห้องโดยสารให้บรรยากาศที่น่าพอใจ MINI พัฒนาคุณภาพของห้องโดยสารที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างมีความลงตัวใน SE ผสมผสานระหว่างรูปแบบดั้งเดิม และความทันสมัย รูปแบบแอนาลอก และดิจิทอล ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างสมดุล บรรดาปุ่มใช้งานต่างๆ เป็นสลัก และปุ่มกด แต่มีความเป็นดิจิทอลเต็มตัวกับการใช้งานระบบความบันเทิง การใช้งานจะถูกจัดวางในพื้นวงกลมของจอแสดงผล เป็นรูปแบบการใช้งานของ MINI สมัยใหม่ มีจุดเปลี่ยนแปลง คือ จอมาตรวัดความเร็ว และการแสดงผลบางอย่างที่แตกต่างออกไป ระบบเนวิเกเตอร์รองรับการใช้งานร่วมกับคาร์ดเก็บข้อมูล เชื่อมต่ออินเตอร์เนท และสามารถส่งข้อมูลต่างๆ ทางออนไลน์ ทั้งสถานะการชาร์จไฟฟ้า และสภาวะการจราจร นอกจากนี้ยังบอกสถานะหลายรายการของตัวรถ (พลังงาน การชาร์จ ระบบปรับอากาศ ฯลฯ) รุ่นย่อยมีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ S (เอส) L (แอล) และ XL (เอกซ์แอล) คล้ายการเรียกขนาดกับอุปกรณ์ติดตั้งที่แตกต่างกันไป
ฉับไว และเร้าใจ
เมื่อกดปุ่มสตาร์ทลงไป SE ก็พร้อมทะยานทันที กับเพลงประกอบที่ช่วนให้นึกถึงหนังเรื่อง STAR WARS จอภาพเรืองแสงขึ้นมา และเริ่มแสดงผลข้อมูลต่างๆ แป้นคันเร่งพร้อมตอบสนอง เที่ยงตรง ให้สัมผัสตามแบบฉบับรถยนต์ไฟฟ้า และทำได้ดียิ่งขึ้นใน SE จากอัตราส่วนกำลังสูงสุด และน้ำหนักโดยรวมที่ลงตัว อัตราเร่งมีความฉับไว 0-100 กม./ชม. ในเวลาไม่ถึง 7 วินาที (นั่นคือ 6.98 วินาที) รถยนต์ไฟฟ้าสายพันธุ์ COOPER มีอัตราเร่งยืดหยุ่นที่ฉับไวเช่นกัน ทัดเทียมกับ COOPER S ได้สบาย (ยกเว้นเพียงความเร็วสูงสุด SE คือ 150 กม./ชม. ส่วน COOPER S คือ 200 กม./ชม.) การควบคุมต่างถูกปรับแต่งมาอย่างลงตัว ระบบช่วย-เหลือจะทำงานตามความจำเป็นเท่านั้น เช่น การขับเคลื่อนบนพื้นผิวที่เปียกลื่น เมื่อกดคันเร่งลงไป ล้อจะมีอาการลื่นไถลเล็กน้อย มีโหมดขับขี่ให้เลือก 4 แบบ โดย 2 แบบแรกสำหรับการประหยัดพลังงาน (GREEN และ GREEN+) ถัดมา คือ การขับขี่ทั่วไป (โหมด MID) และสุดท้าย คือ โหมด SPORT ซึ่งเหมาะสมกับบุคลิกของตัวรถมากที่สุดแล้ว จากพวงมาลัยที่ตอบสนองได้รวดเร็ว และแม่นยำ พร้อมกับจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ (ต่ำลงมา 30 มม. เมื่อเทียบกับรุ่นปกติ) SE ทะยานผ่านแต่ละช่วงโค้งได้อย่างคล่องแคล่ว ขับสนุก เร้าใจ อย่างไม่ต้องสงสัย ระดับการทำงานของระบบเบรคแบบชาร์จไฟฟ้ากลับไปใช้งานสามารถปรับได้ 2 ระดับ
เหมาะกับการใช้งานในเมืองเท่านั้น
จุดด้อยของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้มีให้เห็น นั่นคือ ผลการทดสอบที่แสดงให้เห็นว่า รถรุ่นนี้ค่อนข้างสิ้นเปลืองพลังงาน มีระยะทำการที่ 189 กม. ในโหมด GREEN+ และ 221 กม. สำหรับการขับขี่ในตัวเมือง ระยะทำการจะน้อยลงอีกหากใช้งานในชีวิตประจำวัน เนื่องจาก SE เป็นรถที่ขับสนุก เรียกอัตราเร่งได้ตลอดเวลา อัตราสิ้นเปลือง เชื้อเพลิงเฉลี่ยไม่สูงมากนัก (ที่ 5.4 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง) แม้โดยรวมจะถือว่าทำได้ดีกว่าคู่แข่ง แต่ความจุของแบทเตอรีเพียง 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้ระยะทำการยังคงน้อยอยู่ดี แม้จะรองรับการชาร์จเร่งด่วน ใช้เวลาเพียง 1 ชม. ครึ่งสำหรับการชาร์จแบบเร่งด่วนที่ 50 กิโลวัตต์ แต่ยังคงไม่เหมาะสำหรับการขับทางไกลออกนอกตัวเมือง นับเป็นสิ่งที่น่าเสียดายไม่น้อย
ข้อมูลทางเทคนิค รองรับการชาร์จเร่งด่วนที่ 11 กิโลวัตต์
MINI SE มีรูปแบบของตัวรถอิงจากรุ่นปกติ ถูกแทนที่ด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า ถูกใช้งานมาแล้วกับ BMW I3 (บีเอมดับเบิลยู ไอ 3) มอเตอร์ไฟฟ้าถูกพัฒนาจากค่ายรถสัญชาติเยอรมัน ขณะที่ชุดแบทเตอรีถูกจัดวางเป็นรูปทรงตัว ที ชุดเซลล์แบทเตอรีถูกพัฒนาต่อยอดจากรุ่น I3 เพื่อให้กินเนื้อที่ด้านล่างไม่มากจนเกินไป ตัวรถจึงถูกยกสูงขึ้น 30 มม. ทาง MINI ไม่ได้เผยข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับน้ำหนักของตัวรถ (รวมถึงระดับพลังงานของมอเตอร์ไฟฟ้า) กับความจุที่ 28.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ตามสเปค คือ 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง) อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้มีน้ำหนักตัวมากกว่ารุ่น COOPER S ที่ 145 กก. พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ การรองรับระดับการชาร์จเร่งด่วนที่ 11 กิโลวัตต์ พร้อมกับชุดแบทเตอรีแบบแยก 3 เฟส สามารถชาร์จเต็มได้ในเวลา 3 ชม. ครึ่ง หากเป็นหัวจ่ายไฟฟ้าแบบ 7.4 กิโลวัตต์ จะใช้เวลา 5 ชม. และนานกว่านั้นอีกเท่าตัวหากชาร์จแบบ 3.6 กิโลวัตต์ โดยรวมแล้วมีระยะเวลาในการชาร์จที่ไม่นานเกินไป เนื่องจาก แบทเตอรีมีขนาดเล็ก แต่มีจุดด้อย คือ ระยะทำการที่น่าจะมากกว่านี้
ข้อมูลจำเพาะของรถทดสอบ
เครื่องยนต์
- มอเตอร์ไฟฟ้า วางด้านหน้า
- กำลังสูงสุด 184 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 27.5 กก.-ม.
แบทเตอรี
- ลิเธียม-ไอออน ติดตั้งบริเวณพื้นรถ
- 12 ชุด
- แบบ 350 โวลท์ ความจุ 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ระบบส่งกำลัง
- ขับเคลื่อนล้อหน้า
- เกียร์แบบจังหวะเดียว
ยาง
- กูดเยียร์ อีเกิล เอฟ 1 205/45 R17 88W
- ชุดปะยาง
ตัวถัง
- วัสดุโลหะ 2 กล่อง 3 ประตู 4 ที่นั่ง
- ระบบรองรับด้านหน้าแบบ แมคเฟอร์สันสตรัท
- คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
- ระบบรองรับด้านหลังแบบ มัลทิลิงค์ คอยล์
- สปริง และเหล็กกันโคลง
- ชอคอับไฮดรอลิค
- ระบบเบรคแบบจาน พร้อมช่องระบายอากาศ
- เอบีเอส และอีเอสพี
- พวงมาลัยแบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน ผ่อน
- แรงด้วยไฟฟ้า
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
- ระยะฐานล้อ 2,500 มม.
- ความกว้างฐานล้อคู่หน้า และหลัง 1,490 มม.
- ความยาว 3,850 มม.
- ความกว้าง 1,730 มม.
- ความสูง 1,430 มม.
- น้ำหนักโดยรวม 1,400 กก. รวมน้ำหนักบรรทุก
- สูงสุด 1,770 กก.
- พื้นที่เก็บสัมภาระ 211-731 ลิตรผลิตที่
เมือง
- ออกซ์ฟอร์ด (ประเทศอังกฤษ)
ระยะทำการ และอัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า-วัดผลโดย QUATTRORUOTE
ระยะทำการที่ไม่มากเท่าใดนัก
COOPER SE ติดตั้งแบทเตอรีที่มีความจุไม่มากนัก ที่ 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ดูไม่เหมาะสมกับรถยนต์ไฟฟ้ายุคปัจจุบันเท่าใดนัก ระยะทำการสูงสุดที่ 189 กม. นั่นคือ MINI รุ่นนี้สามารถแล่นอยู่ในบริเวณตัวเมือง และสถานที่ใกล้ๆ ประสิทธิภาพของการขับในเมือง MINI ต้องพึ่งพากับระบบชาร์จประจุไฟฟ้าแบบเร่งด่วน (ใช้เวลาชาร์จเต็มเพียง 30 นาที สำหรับกระแสไฟฟ้าที่ 50 กิโลวัตต์) ถึงอย่างนั้น ต้องยอมรับว่า SE มีระยะทำการที่น้อยเกินควร นอกจากนี้ยังไม่ สามารถแล่นได้ตลอดรอดฝั่งของการทดสอบระยะทางไกล โดยแล่นได้ระยะเพียง 196 กม. เท่านั้น ระยะทำการที่สั้นแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการใช้พลังงานไฟฟ้า (ที่ 77 %)
การทดสอบระยะทำการโดย QUATTRORUOTE
การชาร์จแบทเตอรี
ข้อมูลจากการทดสอบ
การประเมินผลของ QUATTRORUOTE
เบาะผู้ขับ
ตำแหน่งเบาะให้อารมณ์สปอร์ท ผู้ขับนั่งต่ำลงมา ส่วนขาเหยียดได้ยาว และพวงมาลัยมีมุมที่ตั้งชัน เบาะโอบสรีระได้ดี การปรับตำแหน่งพนักพิงหลังใช้แป้นหมุน
คอนโซลหน้า และปุ่มใช้งาน
ปุ่มใช้งานต่างๆ มีรูปแบบย้อนยุค เป็นทางเลือกของการออกแบบที่มีทั้งข้อดี และข้อเสียปะปนกันไป
แผงหน้าปัด
การแสดงผลแบบดิจิทอล ถูกออกแบบมาสำหรับ SE โดยเฉพาะ ข้อมูลได้ครบถ้วน แต่บางครั้งแสงสะท้อนทำให้อ่านข้อมูลได้ลำบาก การแสดงผลสะท้อนกระจกหน้าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ติดตั้งจากโรงงาน
ระบบความบันเทิง
ระบบเนวิเกเตอร์ทำงานได้แม่นยำ สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เนทได้ พร้อมข้อมูลเพิ่มเติมหลายรายการ จอแสดงผลขนาด 8.8 นิ้ว ระบบสัมผัส
ระบบปรับอากาศ
ระบบปรับอากาศแยก 2 โซน ปรับอุณหภูมิได้รวดเร็ว และรักษาได้คงที่
ทัศนวิสัย
แนวเสา เอ ทำมุมตั้งชัน บดบังทัศนวิสัยเล็กน้อย กล้องมองภาพด้านหลังมีประโยชน์มากยามเลี้ยว
คุณภาพการประกอบ
MINI จัดเป็นรถยนต์หรู การประกอบโดยรวมทำได้สมราคา วัสดุที่ใช้ และการประกอบ มีคุณภาพดีเกินพอ
อุปกรณ์ใช้งาน
อุปกรณ์เลือกติดตั้งเพิ่มเติมมีไม่มากนัก มีเพียงรุ่นย่อยต่างๆ (S M L และ XL) รถที่นำมาทดสอบ คือ รุ่น L และมีอุปกรณ์ใช้งานติดตั้งมาให้พอสมควรแล้ว
ระบบความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัยติดตั้งมาให้พอเพียง นอกเหนือจากถุงลมนิรภัยรอบคันแล้ว มีระบบช่วยเบรคอัตโนมัติเท่านั้น
พื้นที่ใช้สอย
พื้นที่ด้านหลังมีไม่มากนัก ระยะช่วงขาจำกัดมากๆ รวมถึงพื้นที่ใช้งานที่ค่อนข้างจำกัดเช่นกัน
พื้นที่เก็บสัมภาระ
ข่าวดี คือ ความจุที่เก็บสัมภาระไม่ต่างจาก MINI รุ่นปกติ แต่ข่าวร้าย คือ ความจุดังกล่าวมีพื้นที่ให้แค่ 174 ลิตร เท่านั้น
ความสะดวกสบาย
บนพื้นผิวขรุขระ ระบบรองรับมีแรงสั่นสะเทือนพอสมควร ระดับเสียงรบกวนต่ำในห้องโดยสาร
อัตราเร่ง
ความเร็วสูงสุด คือ 150 กม./ชม. อัตราเร่งค่อนข้างฉับไว 0-100 กม./ชม. ที่ 7.0 วินาที อัตราเร่งทำได้ดีในหลายช่วงความเร็ว ขับสนุกจริงๆ
การบังคับควบคุม
การควบคุมเฉียบคมตามสไตล์ MINI ฉับไว รวดเร็ว และแม่นยำ แต่อาจขาดเรื่องความต่อเนื่องของการตอบสนองบ้าง โดยรวมแล้วทำได้น่าพอใจ มีเสน่ห์เฉพาะตัว
ระบบเบรค
ระบบเบรคสั้นในสภาวะพื้นถนนแห้ง และมากขึ้นในสภาวะพื้นผิวที่มีความลื่นแตกต่างกัน และพื้นต่างระดับ อาการเบรคล้ามีให้สัมผัสเล็กน้อย
ความคล่องแคล่ว
จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ อัตราแรงต้านการหมุนของล้อที่ต่ำ และความหนึบแน่นที่มากพอ ทำให้ SE ขับสนุก เร้าใจ การปรับแต่งระบบช่วยเหลือ เช่น ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ มีความลงตัวดีมาก
ระยะทำการ
ระยะทาง 189 กม. หลังจากชาร์จแบทเตอรีเต็ม แล่นได้ไกล 221 กม. หากขับขี่ในตัวเมือง ถือว่าไม่มากนัก ทำให้การขับขี่ออกนอกตัวเมืองจะคิดให้ดี
อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้า
การขับขี่ภายใต้โหมด GREEN และ GREEN+ จะมีอัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าที่ 5.4 กม./กิโลวัตต์ แต่บุคลิกตัวรถที่ขับสนุกของ SE อาจทำให้ผู้ขับใช้ความเร็วมากกว่านั้น
ระบบส่งกำลัง
แรงบิดที่สูง และพละกำลังที่มากพอ ทำได้ดีกว่า COOPER S ด้วยซ้ำไป โดย SE มีการส่งกำลังที่ฉับไวตั้งแต่ออกตัว ตามแบบฉบับรถยนต์ไฟฟ้า
การชาร์จไฟฟ้า
การชาร์จไฟฟ้าแบบเร่งด่วนใช้เวลาเพียง 3 ชม. ครึ่งเท่านั้น หากใช้หัวจ่ายไฟฟ้าแบบ 11 กิโลวัตต์ MINI SE สามารถรองรับการชาร์จสูงสุดถึง 50 กิโลวัตต์
แอพพลิเคชันที่รองรับ
แอพพลิเคชัน MINI CONNECTED แสดงผลสถานะของตัวรถได้หลากหลาย พร้อมโหมด CHARGENOW ระบุตำแหน่งของสถานีอัดประจุไฟฟ้าได้ชัดเจน
จุดแข็ง
การยึดเกาะถนน-MINI COPPER SE มีความหนึบแน่นที่น่าพอใจ ควบคุมได้มั่นคง
คุณภาพการประกอบ-แผงคอนโซลหน้ามีคุณภาพที่ดี ประณีต ใส่ใจในรายละเอียด
จุดอ่อน
ระยะทำการ-มีน้อยเกินคาด การขับขี่ทางไกลไม่สะดวก ต้องพึ่งพาการชาร์จประจุไฟฟ้าเพิ่มเติม
พื้นที่เก็บสัมภาระ-ความจุเพียง 174 ลิตร ถือว่าค่อนข้างจำกัด รองรับสัมภาระของผู้โดยสาร 2 คน ได้เพียงพอ แต่ไม่เหมาะสำหรับ 4 คน