เรื่องเด่น Quattroruote
ทดลองขับ AUDI E-TRON S SPORTBACK
หลังจากบ่มเพาะองค์ความรู้เกี่ยวกับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ มาเป็นเวลานานกว่า 40 ปี ค่ายรถจากเมืองอิงโกชตัดท์ พัฒนาขึ้นมาอีกขั้นกับเอสยูวีสไตล์คูเป ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว แปรผันการส่งแรงบิดได้อย่างหลากหลาย
พละกำลังสู่ล้อคู่หลัง
ตามข้อมูลทางเทคนิคของทางผู้ผลิตระบุมาบ่งบอกว่า มอเตอร์ไฟฟ้ามีบทบาทสำคัญอย่างชัดเจน ด้วยชุดส่งกำลังที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด มีอัตราส่วนของพละกำลัง และน้ำหนักของตัวรถในระดับที่เหมาะสม และเหนือสิ่งอื่นใด คือ การบังคับควบคุมที่เฉียบคม ผ่านการกระจายแรงบิดที่ลงตัว และองค์ประกอบ อื่นๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน ในแง่ของโลกยานยนต์ยุคปัจจุบัน จัดเป็นนวัตกรรมที่ล้ำสมัยอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน แทบจะทำให้รูปแบบเครื่องยนต์สันดาปแบบดั้งเดิมมีความยุ่งยากเกินควร น้ำหนักมาก และมีต้นทุนการผลิต และการบำรุงรักษาที่สูง รูปแบบของการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้สามารถแยกแยะระดับการส่งกำลังไปยังล้อแต่ละตำแหน่งได้ละเอียดลออยิ่งขึ้น เป็นการแปรผันการส่งกำลังโดยแท้จริง
การแปรผันแรงบิดของเพลาขับส่วนท้ายมีความแตกต่างได้สูงสุดถึง 22.4 กก.-ม. เลยทีเดียว กับแรงบิดอันมหาศาลที่ส่งมาจากมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน ทำให้ AUDI E-TRON S SPORTBACK (เอาดี อี-ทรอน เอส สปอร์ทแบค) ทะยานไปข้างหน้าในพริบตา ในแต่ละโหมดการขับเคลื่อนจะทำให้ตัวรถตอบสนองแตกต่างกันออกไป หากกดคันเร่งสุด ตัวรถจะมีอาการท้ายปัดในระดับที่ควบคุมได้
พละกำลังมหาศาลถึง 503 แรงม้า
ทีมงานของ AUDI ประสบความสำเร็จในการรังสรรค์ให้ E-TRON S SPORTBACK แทนที่การส่งกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 169 แรงม้า ซึ่งเป็นรูปแบบการส่งกำลังใน E-TRON 55 QUATTRO (อี-ทรอน 55 กวัตตโร) แต่มีการพัฒนาไปอีกขั้น กลายมาเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว กำลังสูงสุดของแต่ละตัวที่ 133 แรงม้า (สามารถเพิ่มเป็น 179 แรงม้า ในโหมดโอเวอร์บูสต์) ส่งแรงบิดไปยังเพลาขับแต่ละตำแหน่งของล้อคู่หลัง โดยมีชุดควบคุมความเร็วของมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมมาด้วย ทำให้ครอสส์โอเวอร์พลังงานไฟฟ้าของ AUDI รุ่นนี้ มีกำลังสูงสุดทั้งระบบถึง 503 แรงม้า (พละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 3 ตัวจะไม่ถูกรวมเข้าด้วยกันตรงๆ) กับแรงบิดสูงสุดเกือบถึงระดับ 102.0 กก.-ม. เลยทีเดียว (โดยมีตัวเลข คือ 99.2 กก.-ม.)
ในขณะเดียวกัน ชุดแบทเตอรีถูกติดตั้งใต้พื้นรถ ตรงกึ่งกลางระหว่างเพลาขับด้านหน้า/หลัง มีความจุทั้งหมด 95 กิโลวัตต์ชั่วโมง จุดแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ คือ ความจุแบทเตอรีของ S SPORTBACK มากถึง 91 % คิดเป็นความจุสำหรับการใช้งานจริงที่ 86.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง การใช้งานที่ยาวนานขึ้น ส่งผลดีต่อระยะทำการที่รถคันนี้สามารถแล่นได้เมื่อชาร์จเต็ม ก่อนหน้านี้ทีมงานของเราได้มีโอกาสทดลองขับ E-TRON S SPORTBACK ที่ศูนย์พัฒนารถยนต์ของ AUDI จากภาพประกอบจะเห็นได้ว่าตัวรถถูกพรางเอาไว้บางส่วน และเป็นรถที่ยังไม่ขึ้นสายการผลิตเต็มตัว ถึงอย่างนั้นการขับขี่เป็นระยะเวลาสั้นๆ ช่วยทีมงานเข้าใจตัวตนของรถรุ่นนี้ได้มาก ล้อแมกที่ใช้มีขนาดใหญ่โต คาลิเพอร์เบรคสีส้มสด เส้นสายโดยรวมของรุ่น SPORTBACK มีความลงตัว สะดุดตา โดยรวมแล้วการพัฒนาเรื่องการออกแบบในสไตล์คูเปถือว่าทำได้ยอดเยี่ยม รูปทรงโดยรวมมีความปราดเปรียวกว่าเดิม เสริมมาดสปอร์ทอย่างได้ผล ในรุ่นย่อย S (เอส) ใช้ล้อแมกขนาด 22 นิ้ว มีความกว้างของระยะฐานล้อมากกว่ารุ่นเดิมถึง 26 มม.
ภายในห้องโดยสาร จะพบกับการตกแต่งที่คุ้นเคยของค่าย AUDI วัสดุที่ใช้มีความหลากหลาย และล้วนมีคุณภาพสูง เสริมความหรูหรา ผสมกับอุปกรณ์ใช้งานที่ทันสมัยรวมถึงระบบกล้องทำหน้าที่ทดแทนกระจกมองข้าง แสดงผลบนหน้าจอ
การปรับแต่งที่ทำได้อย่างลงตัว
มอเตอร์ไฟฟ้าแปรผันการส่งแรงบิด
เพียงผู้ขับกดคันเร่งลงไปเล็กน้อย SPORTBACK คันนี้จะขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างเรียบเนียน หนึ่งในคุณสมบัติที่เราต้องพูดถึงเป็นลำดับแรก คือ ระบบขับเคลื่อนที่ถูกปรับแต่งมาอย่างลงตัว ในช่วงทางตรงของสนามทดสอบ รถรุ่นนี้มีความมั่นคงที่น่าพอใจมาก เมื่อกดคันเร่งมากกว่าเดิม การส่งกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 3 ตัวจะสอดประสานกัน มีอัตราเร่งที่น่าประทับใจ (ทาง AUDI ระบุว่า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 4.5 วินาที) ขณะที่ตัวรถมีความสมดุลอย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน เป็นจุดเด่นที่ไม่ธรรมดาของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แต่เมื่อใดที่ทะยานผ่านแต่ละช่วงโค้ง การตอบสนองของตัวรถสามารถทำได้อย่างหลากหลายตามโหมดขับเคลื่อน ในโหมดคอมฟอร์ท การส่งแปรผันแรงบิดไปยังเพลาขับแต่ละตำแหน่งเน้นความมั่นคง แต่จะไม่ฉับไวเท่าโหมดไดนามิค เมื่อเทียบกับขนาดที่ค่อนข้างใหญ่โตของ SPORTBACK การตอบสนองถือว่ามีความฉับไวอย่างน่าพอใจ และการขับขี่ที่มั่นคง การขับผ่านแต่ละช่วงโค้ง สามารถควบคุมได้อยู่มือ อาการท้ายปัดมีให้สัมผัสในระดับที่ควบคุมได้ (แรงบิดที่ถูกส่งไปยังล้อคู่หลังมีความแตกต่างได้สูงสุด 22.4 กก.-ม.) ส่วนท้ายของ AUDI รุ่นนี้เริ่มออกอาการเล็กน้อย แต่ยังอยู่ระดับที่ระบบความปลอดภัยรองรับได้สบายๆ ส่วนหน้าของรถเริ่มมีอาการดื้อโค้งในเบื้องต้น แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการควบคุมทิศทางของพวงมาลัยอย่างเหมาะสม (เพียงเล็กน้อยเท่านั้น) ล้อแต่ละตำแหน่งยังให้การยึดเกาะที่หนึบแน่น ทีมงานของเรารู้สึกทึ่งไปกับการตอบสนองที่แม่นยำ และการแปรผันการส่งแรงบิดที่ทำได้อย่างรวดเร็ว ทีมงานผู้พัฒนารถยนต์รุ่นนี้ระบุว่า รถรุ่นนี้แปรผันการส่งกำลังได้ฉับไวกว่าเดิมถึง 4 เท่าเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ารูปแบบเดิมๆ จัดเป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสามารถทำได้ ใครที่คิดว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีรูปแบบการขับขี่ที่น่าเบื่อหน่าย ขอบอกเลยว่า รถคันนี้สามารถเปลี่ยนใจคนเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน
ในรุ่น S SPORTBACK ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 3 ตัว 1 ตัวส่งกำลังล้อคู่หน้าพร้อมเพลาขับที่มีรูปแบบดั้งเดิม และอีก 2 ตัวสำหรับล้อคู่หลัง มอเตอร์แต่ละตัวส่งกำลังโดยตรงไปยังล้อคู่หลังแต่ละข้าง พร้อมระบบควบคุมความเร็วของชุดมอเตอร์ไฟฟ้า มอเตอร์แต่ละตัวจะถูกติดตั้งในแนวตรง ตามแนวของชุดเพลาขับ ซึ่งเป็นตำแหน่งของชุดเพลาขับสำหรับรถยนต์ทั่วไป ชุดเครื่องยนต์กลไกจะถูกใช้ร่วมกัน รวมถึงชุดระบายความร้อนของมอเตอร์ ทางทีมงานวิศวกรสัญชาติเยอรมันสามารถออกแบบระบบรองรับซึ่งมีรูปแบบที่ไม่แตกต่างไปจากเดิมมากนัก โดยมีน้ำหนักของชุดช่วงล่างแต่ละข้างประมาณ 20 กก. เท่านั้น มอเตอร์ไฟฟ้าแต่ละตำแหน่งมีชุดควบคุมการส่งกำลังเพื่อการส่งกำลังที่มั่นคง และเหมาะสมกับรูปแบบของระบบรองรับ (ระบบรองรับแบบถุงลม และชุดชอคอับที่แปรผันการตอบสนองได้ รวมถึงการปรับระดับสูง/ต่ำด้วย) การส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม ให้ความมั่นคงอย่างยอดเยี่ยม แม้ในขณะเข้าโค้ง เร่งความเร็วออกจากโค้ง รวมถึงการขับขี่บนทางตรงที่มั่นคง
ข้อมูลจากทางผู้ผลิต รุ่น S SPORTBACK
เครื่องยนต์
- มอเตอร์ไฟฟ้า วางด้านหน้า
- กำลังสูงสุด 169 แรงม้า
- มอเตอร์ไฟฟ้า เพลาขับด้านหลัง 2 ชุด
- กำลังสูงสุด 133x2 แรงม้า
- กำลังสูงสุดทั้งระบบ 435 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุดทั้งระบบ 82.4 กก.-ม.
- กำลังสูงสุดทั้งระบบในโหมดโอเวอร์บูสต์ 503 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุดทั้งระบบในโหมดโอเวอร์บูสต์ 99.2 กก.-ม.
ชุดแบทเตอรี
- แบบลิเธียม-ไอออน ติดตั้งในแนวระนาบ
- กำลังขับไฟฟ้า 396 โวลท์ ความจุ 95 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ระบบส่งกำลัง
- ส่งกำลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
- ระบบแปรผันการส่งกำลัง
รูปแบบตัวถัง
- ใช้วัสดุโลหะ ผสมวัสดุอลูมิเนียม ตัวถัง 2 กล่อง 5 ประตู 5 ที่นั่ง
- ระบบรองรับด้านหน้าแบบมัลทิลิงค์ ช่วงล่างแบบถุงลม พร้อมเหล็กกันโคลง
- ระบบรองรับด้านหลังแบบมัลทิลิงค์ 5 จุดยึด ช่วงล่างแบบถุงลม พร้อมเหล็กกันโคลง
- ระบบชอคอับแบบไฮดรอลิค ควบคุมด้วยอีเลคทรอนิค
- เบรคแบบจานพร้อมช่องระบายความร้อน เอบีเอส และอีเอสพี
- พวงมาลัยฟันเฟือง และตัวหนอน ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า
มิติตัวถัง และนํ้าหนัก
- ระยะฐานล้อ 2,930 มม.
- ความยาว 4,900 มม. กว้าง 1,940 มม. สูง 1,620 มม.
- น้ำหนัก (ไม่ระบุ)
- พื้นที่เก็บสัมภาระ 615 ลิตร
สมรรถนะ
- ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.5 วินาที
- อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (ไม่ระบุ)
ผลิตที่เมือง
- บรัสเซลส์ (ประเทศเบลเยียม)