ทดลองขับ
ลองขับ Mitsubishi Xforce HEV ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีไฮบริด ที่มี "ของดี" เกินตัว !

เรามีโอกาสได้ทดลองขับ All-New Mitsubishi Xforce HEV (มิตซูบิชิ เอกซ์ฟอร์ศ เอชอีวี) ใหม่ แบบ On Road ครั้งแรกบนเส้นทางภูเก็ต-พังงา-สุราษฎร์ธานี ลองไปดูกันครับว่า รถครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีคันนี้มีดีอะไรบ้าง
ภายนอก หน้าตาใหม่ เด่นด้วยกระจังหน้าไดนามิคชีลด์ 3 มิติ ไฟหน้าแบบ LED มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ มาพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน และไฟตัดหมอกแบบ LED เช่นกัน ส่วนไฟท้าย LED สี Smoke ด้านข้างเส้นสายดูกลมกลืนตลอดแนว ตั้งแต่โป่งล้อด้านหน้า-ด้านท้าย กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า และมีไฟเลี้ยวแบบ LED บนหลังคาสีดำ เสาอากาศแบบครีบฉลาม ช่วยทำให้ตัวรถดูเท่ และทันสมัย ล้อขนาด 18 นิ้ว มาพร้อมยางขนาด 225/50 R18 ส่วนประตูฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน
ภายในห้องโดยสาร ดีไซจ์นใหม่เน้นสีทูโทน Melange-Mocha แผงคอนโซลหน้าขนาดใหญ่ พวงมาลัยทรง 3 ก้าน วัสดุในการผลิตของรถรุ่นนี้อยู่ในขั้นดีงาม มีผิวสัมผัสนุ่มมือ สไตล์การออกแบบทันสมัย มีเพียงแผงประตูที่ปรับปรุงเรื่องวัสดุนิดหน่อย จะดูพรีเมียมขั้นสุด
เบาะนั่งฝั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง มีไฟ Ambient Light ที่คอนโซลหน้า และแผงประตูด้านหน้า ช่วยเสริมบรรยากาศการขับขี่ หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่, การทำงานของตัวรถ และความบันเทิงขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ส่วนหน้าจอมาตรวัดต่างๆ ขนาด 8 นิ้ว แสดงผลแบบ LCD Meter คันเกียร์แบบ Electric Shift หุ้มด้วยหนัง
จุดเด่นของห้องโดยสาร นอกเหนือจากการออกแบบแล้ว ยังติดตั้งระบบฟอกอากาศ และกำจัดกลิ่น Nanoe X ระบบความบันเทิงหายห่วง ติดตั้งระบบเสียง Dynamic Sound Yamaha Premium มีลำโพงชั้นดีติดตั้ง 8 ตำแหน่ง และมีโหมดปรับเสียงอีก 4 โหมด ได้แก่ Signature, Lively, Powerful และ Relaxing เพื่อคุณภาพเสียงที่คมชัด ถ้ามีเบสส์ บอกซ์สักชุดจะเหมือนยกเวทีคอนเสิร์ท มาไว้ในรถเลยทีเดียว
เบาะนั่งแถวที่ 2 กว้าง นั่งสบายกว่าคู่แข่ง พนักเท้าแขนออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์ที่หลากหลาย มีหมอนหนุนศีรษะ ที่วางแก้วน้ำ และความยาวของพนักพิงนี้ สามารถวางแขนได้อย่างสบาย ส่วนพื้นที่วางขากว้างขวาง ไม่อึดอัด
ขุมพลังไฮบริด เจเนอเรชันใหม่ เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร MIVEC DOHC กำลังสูงสุด 107 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 13.7 กก.ม. ที่ 4,500 รตน. ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 116 กก.ม. แรงบิดสูงสุด 26.0 กก.ม. มาพร้อมกับระบบส่งกำลังอัตโนมัติแบบ 2-Speed Transaxle ปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ตามการขับขี่ และสภาพถนน ตั้งแต่การออกตัว, การขับขี่บนความเร็วต่ำ-สูง และทางลาดชัน ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ตาม ECO Sticker 24.4 กม./ลิตร แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ความจุ 1.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง
นอกจากนี้ ยังมีโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ 2 โหมดการขับขี่แบบรถไฟฟ้า ได้แก่ โหมด Charge และ EV Priority กับ 5 โหมดการขับขี่ทั่วไป ได้แก่ โหมด Normal, Gravel, Wet, Tarmac และ Mud
ระบบรองรับด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง และเหล็กค้ำหัวชอคอับ ด้านหลังแบบทอร์ชันบีม ระบบห้ามล้อด้านหน้าแบบจาน มีช่องระบายความร้อน ด้านหลังแบบจาน
สำหรับระบบความปลอดภัยติดตั้งมาอย่างครบครัน ได้แก่ กล้องมองภาพรอบคัน, ระบบเตือนจุดอับสายตา พร้อมเตือนขณะเปลี่ยนเลน (BSW With LCA), ระบบลอคความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (ACC), ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ พร้อมปรับไฟสูง-ต่ำตามความเหมาะสมอัตโนมัติ (AHB), ระบบเตือนเมื่อรถด้านหน้าออกตัว (LCDN), ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM), ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอดรถ (RCTA), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA), ระบบเบรคป้องกันล้อลอค (ABS), ระบบกระจายแรงดันเบรค (EBD), ระบบเซนเซอร์ พาร์คิง ด้านหน้า และด้านหลัง 4 จุด, ระบบเสริมแรงเบรค (BA), ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง AYC ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ผลการทดลองขับแบบใช้งานจริง 2 วัน ช่วงแรกในสนามปิด ได้ลองสมรรถนะของรถขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าบนเส้นทางลูกรัง และโคลน โหมด Gravel และ Mud ช่วยให้เราขับขี่ได้อย่างสนุกสนาน และลุยได้เกินตัว เป็นรถขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า ที่มีโหมด Mud ถ้าไม่ได้ลองเอง จะไม่รู้เลยว่า ยางเดิมจากโรงงานที่ใช้บนทางเรียบ จะสามารถลุยอุปสรรคโคลนได้อย่างเมามัน ส่วนสมรรถนะบนทางเรียบ ระยะทางจากภูเก็ต-พังงา-สุราษฎร์ธานี เราขับในรูปแบบคาราวาน ฟรีรัน ความสะดวกสบายจากการขับขี่ น้ำหนักพวงมาลัยทำได้ดี ให้ความคล่องตัวสูง และควบคุมรถง่าย ส่วนอัตราเร่งแซง บอกเลยว่า ไม่อืด ไม่หน่วง ทำได้ดีเกินคาดหมาย
วันรุ่งขึ้น เป็นการทดสอบอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ใช้เส้นทางในเมืองเป็นหลัก ตัวเลขที่ได้เฉลี่ยที่ 35.6 กม./ลิตร กับระยะทาง 99 กม. ถือว่าเซอร์พไรส์มาก สำหรับรถครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีคันนี้ โดยรวมจัดว่า “ดี” ทั้งหน้าตา และสมรรถนะ ติดตรงไฟเลี้ยว และไฟเบรค ที่ควรปรับปรุงแบบเร่งด่วน สัญญาณไฟมันเล็กเกินไปจริงๆ
ราคาจำหน่ายของ Mitsubishi Xforce HEV มีทั้งหมด 3 รุ่น...Ignite ราคา 899,000 บาท, Ultimate ราคา 1,039,000 บาท และ Ultimate X ราคา 1,089,000 บาท ถ้าเทียบราคาคู่แข่งในเซกเมนท์ที่ใกล้เคียงกัน ราคาของตัวเริ่มต้นชนกับรุ่นทอพของ Toyota Yaris Cross (โตโยตา ยารีส ครอสส์) ถ้าเทียบราคาตัวกลางจะชนกับ Honda HR-V E:HEV EL (ฮอนดา เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี อีแอล) และ Toyota Corolla Cross (โตโยตา โคโรลลา ครอสส์) ราคาของ Mitsubishi Xforce HEV ทั้ง 3 รุ่น จะสูงรถ EV แบรนด์จีนเกือบจะทุกค่าย แต่คุณต้องตัดสินใจก่อนว่า ต้องการใช้รถ HEV หรือ EV และอะไรที่เหมาะกับตัวเรามากที่สุด เพราะระยะหลังมานี้ มีผู้บริโภคหลายคนหนีความวุ่นวายจากรถ EV มาใช้รถ HEV !
ข้อมูลจำเพาะ
Mitsubishi Xforce HEV Ultimate X
ผู้แทนจำหน่าย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
โทร. 0-2079-9500
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,390/1,810/1,650
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,565/1,565
ฐานล้อ (มม.) 2,650
น้ำหนัก (กก.) -
เครื่องยนต์
แบบ เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว
ความจุ (ซีซี) 1,590
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 107/6,000
แรงบิดสูงสุด (กก.ม./รตน.) 13.7/4,500
มอเตอร์ไฟฟ้า
กำลังสูงสุด (กก.ม./รตน.) 116/-
แรงบิดสูงสุด (กก.ม./รตน.) 26.0/-
แบทเตอรี
ประเภท ลิเธียม-ไอออน
ความจุแบทเตอรี (กิโลวัตต์ชั่วโมง) 1.1
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติ 2
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า
ระบบรองรับ
หน้า แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ทอร์ชัน บีม
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมไฟฟ้าผ่อนแรง
ระบบห้ามล้อ เอบีเอส, อีบีดี, อีบีเอ
หน้า จาน พร้อมช่องระบายความร้อน
หลัง จาน
ราคา (บาท) 1,089,000