เชื่อว่าใครหลายคนกำลังวางแผนเดินทางช่วงวันหยุดยาวนี้ และกำลังคิดคำนวนถึงวิธีการขับขี่อย่างไรเพื่อให้ประหยัดน้ำมันมากที่สุด Ford (ฟอร์ด) ขอแนะนำเคล็ดลับการขับขี่ที่ประหยัดทั้งน้ำมันและเงินในกระเป๋า เพื่อประสบการณ์การเดินทางที่ราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการขับรถในเมืองหรือนอกเมือง
ขับขี่อย่างรอบคอบ
การเร่งเครื่องแรงเกินไป และเบรคกะทันหันทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนัก และส่งผลต่อการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมาก ผู้ขับขี่ควรสังเกตสภาพถนน และการจราจรรอบตัว รวมถึงเตรียมความพร้อมในการตอบสนองสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นบนถนนล่วงหน้า เพื่อให้สามารถค่อยๆ เร่งเครื่อง ปล่อยคันเร่งได้เร็ว และเบรคได้อย่างนิ่มนวล ยิ่งขับอย่างนุ่มนวลได้มากเท่าไร เครื่องยนต์จะยิ่งใช้เชื้อเพลิงได้มีประสิทธิภาพมากเท่านั้น
ผู้ขับขี่บางคนยังมีความเชื่อผิดๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ว่า ควรเข้าเกียร์ว่างเมื่อลงเนินเพื่อประหยัดน้ำมัน หากคุณต้องการประหยัดน้ำมันให้ได้มากที่สุด และปลอดภัย ควรเปลี่ยนโหมดการขับขี่มาใช้โหมดประหยัด (Eco) แทน ซึ่งจะช่วยปรับการอัตราเร่งเครื่อง และอัตราทดเกียร์ รวมถึงใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Ford ยังแนะนำการใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ที่ช่วยให้อย่างขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย และยังช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย ซึ่งทั้ง Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) และ Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) มีระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop & Go ที่ช่วยควบคุมการเร่งเครื่อง เบรค และเกียร์เพื่อให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายขึ้นให้แก่ผู้ใช้รถ
หมั่นตรวจเชคสภาพตามกำหนด
เจ้าของรถควรนำรถเข้าตรวจเชคสภาพให้ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ โดยพนักงานที่ศูนย์บริการ Ford จะตรวจสภาพรถของคุณอย่างละเอียดทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าของรถจะได้รับบริการต่างๆ ตรงตามระยะเวลา ตั้งแต่การเปลี่ยนอะไหล่ หรือตั้งศูนย์ถ่วงล้อทุกปี หรือทุกๆ 10,000 กม. ซึ่งหากปล่อยให้ล้อรถไม่ขนานกัน นอกจากจะเป็นอันตรายแล้วยังอาจทำให้รถทำงานหนักขึ้น และใช้น้ำมันมากขึ้นด้วย Ford มีบริการต่างๆ มากมายที่ลูกค้านัดหมายล่วงหน้าได้ง่ายๆ ผ่านเวบไซท์ Ford หรือแอพพลิเคชัน Ford Pass อย่างบริการรับประกันเช็กระยะใน 60 นาที (60-Minute Express Service) ที่ศูนย์บริการทั่วประเทศ พร้อมทั้งมีระบบจองออนไลน์ล่วงหน้า โดยช่างเทคนิคจะทำการตรวจสอบรถ 30 จุดตามมาตรฐาน Ford ให้โดยไม่คิดค่าแรงเพื่อให้มั่นใจว่ารถของคุณทำงานได้อย่างราบรื่น
ในกรณีที่เจ้าของรถไม่มีเวลานำรถเข้าศูนย์ฯ เอง สามารถนัดหมายบริการรับ และส่งรถ (Pick-up and Delivery) โดยพนักงานของศูนย์ฯ Ford จะไปรับรถของคุณถึงที่บ้าน และนำกลับมาส่งหลังจากตรวจเชค และดำเนินงานเสร็จ นอกจากนี้ Ford ยังมีรถบริการเคลื่อนที่ (Mobile Service Vehicle) ที่พร้อมให้บริการเชคระยะด้วยมาตรฐานเดียวกับศูนย์บริการได้ถึงบ้าน
รถพร้อมแล้ว ยางก็ต้องพร้อม
ยางรถยนต์ที่นิ่มเกินไป หรือสึกหรอจะทำให้เกิดแรงเสียดทานขณะรถเคลื่อนตัวมากขึ้น นั่นหมายความว่า นอกจากรถจะทำงานหนักขึ้นแล้ว ยังต้องใช้น้ำมันมากขึ้นด้วย เจ้าของรถจึงควรตรวจสอบแรงดันลมยางเป็นประจำ และต้องแน่ใจว่ายางรถยนต์มีแรงดันตามที่คู่มือแนะนำ (สามารถดูข้อมูลได้บนป้ายที่กรอบประตู) ทั้งนี้ Ford Ranger และ Ford Everest บางรุ่น ติดตั้งระบบตรวจสอบแรงดันลมยางที่จะช่วยเตือนเจ้าของรถหากยางมีแรงดันลดลง
นีล ลูวิงตัน ผู้ดูแลด้านอากาศพลศาสตร์ของ Ford ออสเตรเลีย กล่าวว่า อย่าบรรทุกของหนักควรหลีกเลี่ยงการบรรทุกสิ่งของที่ไม่จำเป็น ซึ่งจะเพิ่มน้ำหนักให้แก่รถ ทุกสิ่งที่คุณบรรทุกจะทำให้รถของคุณทำงานหนักขึ้น ซึ่งหมายความว่ารถก็จะใช้น้ำมันมากขึ้นตามไปด้วย "คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์"
ราว หรือแรคหลังคาอาจช่วยให้บรรทุกสิ่งของได้ง่ายขึ้นก็จริง อย่างไรก็ตาม เจ้าของรถที่มีกล่องสัมภาระบนหลังคา หรือที่วางจักรยานควรถอดอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ออกเมื่อไม่ได้ใช้ เพราะอุปกรณ์เสริมถือเป็นการเพิ่มภาระให้แก่รถไม่ต่างจากการบรรทุกน้ำหนักท้ายรถมากเกินไป วิธีนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงการสร้างแรงต้านที่ไม่จำเป็นเมื่อขับขี่ได้
“ถึงแม้การถอดที่วางจักรยาน หรือกล่องสัมภาระอาจเป็นเรื่องที่น่ารำคาญ แต่ถ้าคุณไม่ได้ใช้งาน และแค่ขับรถในเมือง การติดแรคหลังคาจะทำให้รถใช้น้ำมันมากขึ้นกว่าที่จำเป็น เนื่องจากน้ำหนักและแรงต้านที่เพิ่มขึ้น”
เคล็ดลับการขับขี่แบบประหยัดในสภาพอากาศร้อน
สภาพอากาศร้อนอบอ้าวของประเทศไทย ทำให้ผู้ขับขี่ต้องเปิดแอร์ โดยการใช้ระบบปรับอากาศของรถจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น และใช้น้ำมันมาก Foed แนะนำให้ใช้โหมดอัตโนมัติของระ บบปรับอากาศให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ในกรณีที่ต้องจอดรถในสภาพอากาศร้อน พยายามจอดในที่ร่มเพื่อช่วยให้ห้องโดยสารเย็นได้นานที่สุด แอร์บนรถจะได้ไม่ต้องทำงานหนักเมื่อสตาร์ท แต่ถ้าหาที่ร่มจอดรถไม่ได้ ควรหาซื้อที่บังแดดคุณภาพดีเพื่อช่วยให้ห้องโดยสารไม่ร้อนมากจนเกินไป