ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Mini Cooper 2025 (มีนี คูเพอร์) ได้รับการปรับปรุงใหม่ แต่ยังคงโคมไฟทรงกลมสุดคลาสสิค ไฟท้ายทรงสี่เหลี่ยมคางหมู และปรับแดชบอร์ดใหม่ จากเดิมที่โมเดลนี้มีแต่รุ่น 3 ประตู แต่ในรุ่นปี 2568 จะมีรุ่น 5 ประตู ในรุ่น Cooper S (คูเพอร์ เอส) ให้เลือกเพิ่ม
ความยาวตัวรถที่วัดได้ 158.9 นิ้ว (ประมาณ 4.03 ม.) จากจมูกถึงท้าย รุ่น 5 ประตู มีความยาวตัวรถเพิ่มจากรุ่น 3 ประตู ประมาณ 6 นิ้ว (ประมาณ 15.24 ซม.) จนใกล้เคียงกับรุ่น 5 ประตู เจเนอเรชันก่อนหน้า ระยะฐานล้อหน้า-หลัง เพิ่มขึ้น 2.8 นิ้ว (ประมาณ 7.11 ซม.) ส่งผลให้มีพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารได้พอดี แม้จะมีเพิ่มประตูอีกสองบาน แต่รุ่น 5 ประตู ยังคงแนวทาง และรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ในห้องโดยสารแทบไม่ต่างจากเดิม มีการปรับเปลี่ยนวัสดุหุ้มแผงแดชบอร์ด และจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ทรงกลมขนาดใหญ่ตรงกลาง ห้องโดยสารมีสไตล์เรียบง่าย ไม่มีกลุ่มเกจ์วัดให้เห็นแล้ว โดยถูกแทนที่ด้วยระบบ Head-up Display และระบบอินโฟเทนเมนท์ควบคุมด้วยเสียง สำหรับพนักพิงของเบาะนั่งแถวสอง สามารถพับลงเพื่อเพิ่มเนื้อที่เก็บสัมภาระได้อีก
Mini Cooper ที่วางจำหน่ายทั่วโลกใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ 3 สูบ ให้กำลัง 154 แรงม้า แต่เมื่อข้ามมาฝั่งอเมริกาเหนือ รุ่น 5 ประตู จะใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ เทอร์โบ ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 201 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 22.5 กก.-ม. ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ และจะมีการเพิ่มรุ่น Cooper C (คูเพอร์ ซี) ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร โดยจะแจ้งข้อมูลกำลัง และแรงบิดให้ทราบที่หลัง
การผลิต Mini Cooper รุ่น 5 ประตู จะเริ่มในเดือนกรกฎาคม 2567 โดยตัวแทนจำหน่ายจะได้รถในเดือนกันยายน 2567 สำหรับ Cooper S รุ่น 5 ประตู พร้อมจำหน่ายในสหรัฐฯ เดือนมกราคม 2568 ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 34,195 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.25 ล้านบาท) ส่วนรุ่น Cooper C จะแจ้งราคาให้ทราบภายหลัง