ข่าวจากประเทศอังกฤษ ระบุว่า Polestar ร่วมมือกับ StoreDot ในการพัฒนาเทคโนโลยีการชาร์จแบบใหม่ ที่เหนือกว่าเทคโนโลยี “ชาร์จเร็ว” โดยเรียกว่า “Extreme Fast Charging” หรือ XFC ด้วยจุดขายที่ใช้เวลาชาร์จรถไฟฟ้าเพียง 5 นาที สามารถเดินทางได้ไกลถึง 100 ไมล์ (160 กม.)
และที่สำคัญ คือ เทคโนโลยีของ StoreDot ไม่ได้เป็นการปฏิวัติเทคโนโลยีของแบทเตอรี ทั้งสามารถใช้งานกับการออกแบบแพคแบทเตอรี และกระบวนการผลิตที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่ใช้เวลาในการชาร์จน้อยกว่า โดยใช้แพคแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน แบบปกติ เพียงเปลี่ยนขั้วบวกเป็น "ซิลิโคนแบบพิเศษ" ที่นำกระแสไฟฟ้าได้เร็วกว่า แม้ชาร์จด้วยกระแส 350 กิโลวัตต์ แค่ 5 นาที ทำให้รถสามารถเดินทางได้ถึง 160 กม. และ Polestar 5 รุ่นล่าสุดจะมีประสิทธิภาพการชาร์จระดับเดียวกันด้วย โดยการใช้ระบบชาร์จประสิทธิภาพสูง ร่วมกับรถที่ใช้แบทเตอรีประสิทธิภาพสูง ทำให้รถเดินทางได้ไกลขึ้น ด้วยเวลาชาร์จที่น้อยกว่า
StoreDot ได้ทำการทดสอบการชาร์จ XFC และไม่พบว่ามีการสะสมความร้อน เหมือนกับระบบชาร์จเร็วที่ใช้ในปัจจุบัน ทั้งสามารถชาร์จได้เกินกว่า 1,000 รอบการชาร์จ โดยไม่พบว่าแบทเตอรีมีการเสื่อมสภาพ นอกจากนั้น แบทเตอรีแบบใหม่ ยังมีน้ำหนักไม่ต่างจากแบทเตอรีทั่วไปอีกด้วย
Polestar ได้จัดแสดงรถต้นแบบ Polestar 5 พร้อมแสดงเทคโนโลยีระบบ XFC ร่วมกับแพคแบทเตอรีที่ใช้ขั้วบวกซิลิโคนพิเศษ ที่งาน Polestar Day ปี 2566 ที่ลอสแองเจลิส เมื่อไม่นานมานี้
Polestar กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมรุกตลาดด้วย Polestar 1 และ Polestar 2 ที่จำหน่ายอยู่ แล้วจะตามมาด้วยครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี Polestar 3 และ Polestar 4 ในปี 2567 ทั้งมีรถสมรรถนะสูง Polestar 5 ที่จะเป็นตัวแทนของเทคโนโลยีการชาร์จเร็วแบบใหม่ พร้อมกับพแลทฟอร์มอลูมิเนียม ที่จะเป็นคู่แข่งกับเจ้าตลาดรถไฟฟ้าระดับพรีเมียม อย่าง Porsche Taycan หรือ Tesla Model S เมื่อ Polestar 5 วางตลาดจะทำให้ความกังวลของผู้ใช้รถไฟฟ้ากลายเป็นอดีตไป
Thomas Ingenlath ซีอีโอของ Polestar กล่าวว่า "StoreDot” ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นก้าวกระโดด ด้วยระบบ XFC ซึ่ง Polestar ได้ร่วมลงทุน และทำการพัฒนาร่วมกัน โดยมั่นใจว่าเทคโนโลยีของ StoreDot ร่วมกับระบบส่งกำลังเหนือระดับ จะเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่เจ้าของรถไฟฟ้าที่ใช้เวลาชาร์จน้อยลง