ธุรกิจ
GWM นำคณะสื่อมวลชนร่วมทดสอบ Tank 300 HEV

Great Wall Motor หรือ GWM พาสื่อมวลชนทดสอบการขับขี่กับ All New GWM Tank 300 HEV รถเอสยูวีพรีเมียม ที่มาพร้อมสมรรถนะอันโดดเด่น และมอบประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจ บนเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา รวมระยะทางไป-กลับกว่า 365 กม. โดยมี Campsite เขายายเที่ยง เป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทางในครั้งนี้
หลังจากเปิดตัวให้แฟนๆ ชาวไทยได้ตื่นเต้นกันไปเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา GWM ยังคงตอกย้ำการส่งมอบประสบการณ์การขับขี่สไตล์รถเอสยูวีที่แข็งแกร่ง ด้วย All New GWM Tank 300 HEV สำหรับการทดสอบสมรรถนะการขับขี่ในครั้งนี้ ทีมงาน และเหล่าสื่อมวลชนเริ่มต้นการเดินทางจาก GWM เพรสทีจ ธัญบุรี มุ่งหน้าสู่จุดมุ่งหมาย Campsite เขายายเที่ยง ใน อ. สีคิ้ว จ. นครราชสีมา โดยระหว่างทางได้ผจญภัยผ่านเส้นทางการขับขี่หลากหลายรูปแบบ ทั้งในตัวเมือง นอกเมือง ไปจนถึงการขับขี่ขึ้นพื้นที่สูงชัน คดเคี้ยว ท้าทายในทุกมิติ เพื่อทดสอบพละกำลัง อัตราเร่ง ระบบช่วงล่าง ความแม่นยำของพวงมาลัย การตอบสนองการขับขี่ รวมไปถึงทดลองใช้งานอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีการขับขี่ล้ำสมัยที่อัดแน่นมาในรถยนต์คันนี้ และที่เป็นไฮไลท์สำหรับการทดสอบ คณะสื่อมวลชนได้นำ All New GWM Tank 300 HEV เข้าในพื้นที่ธรรมชาติบนเขายายเที่ยง เพื่อทดสอบสมรรถนะ และเทคโนโลยีการขับขี่แบบออฟโรดอย่างเต็มรูปแบบ ในระยะทางกว่า 20 กม.
จากสภาพพื้นที่ของเขายายเที่ยงที่เป็นภูเขาที่มีความสูงชันสลับหิน และเส้นทางที่กลายเป็นโคลนเนื่องจากฝนตกเกือบตลอดการเดินทาง จึงทำให้คณะสื่อมวลชนได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ออฟโรดอย่างเต็มที่ ผ่านเส้นทางสุดท้าทาย และได้ทดสอบระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นระบบลอคเฟืองขับด้านหน้า และด้านหลัง (Electric Differential Lock for Front and Rear Axles) ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดโดยเฉพาะเมื่อเผชิญกับทางชัน แคบ และลักษณะพื้นที่ที่เป็นหินต่างระดับซับซ้อนบนเขายายเที่ยง แต่ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลัง ที่ทำงานร่วมกันกับกลไกลอคของกล่องถ่ายโอนทั้งล้อหน้า และล้อหลัง สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 Locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ออฟโรดที่ดีเยี่ยม จึงทำให้สามารถผ่านพื้นที่ที่ยากลำบากมาได้อย่างง่ายดาย ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (Tank Turn) ที่สื่อมวลชนจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องทำการกลับรถบนพื้นที่เขาที่คับแคบเพื่อขับกลับลงมาให้ทันก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Off-road (Off-road Cruise Control) ที่จะควบคุมเครื่องยนต์ และระบบเบรคโดยอัตโนมัติ เพื่อให้รถวิ่งด้วยความเร็วที่ต่ำ และคงที่ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากเมื่อผู้ขับขี่จะต้องจดจ่อกับการบังคับพวงมาลัยในสภาพพื้นที่ไม่คุ้นเคย รวมถึงระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent) ที่ช่วยจดจำข้อมูลภาพจากกล้องรอบตัวรรถระหว่างการขับขี่รวมกับข้อมูลภาพของพื้นดินแล้วแสดงภาพถนนแบบพาโนรามาด้านล่าง และด้านหน้ารถ ซึ่งในพื้นที่เขายายเที่ยงนั้น ระบบนี้สามารถช่วยเหลือสื่อมวลชนให้ทราบสภาพใต้ท้องรถ และหน้ารถได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถหลบหลีกหินก้อนใหญ่ และหลุมลึกได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเทคโนโลยีการขับขี่ออฟโรดอัจฉริยะทั้งหมดที่มีอยู่ใน All New GWM Tank 300 HEV เป็นฟังค์ชันที่สามารถพบได้ในรถยนต์เอสยูวีระดับลักชัวรีเท่านั้น
นอกจากนี้ จากภูมิประเทศที่เป็นเขาสูงชัน ที่ต้องใช้พละกำลัง และแรงบิด แต่ด้วยสมรรถนะของ All New GWM Tank 300 HEV จึงทำให้การขับขี่เป็นเรื่องง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นเนิน หรือลงเขา พร้อมระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) และระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) ช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการขับขี่ในพื้นที่ออฟโรดให้ง่ายยิ่งขึ้น รวมไปถึงล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว ติดตั้งยาง Continental Horse AT ของรุ่น ULTRA ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่บนพื้นโคลน และหินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการเดินทางออนโรด คณะสื่อมวลชนยังได้ทดลองใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้มั่นใจทุกขณะของการขับขี่ตลอดทั้งเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA), ระบบช่วยเตือน และเบรคเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB), ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA), ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW), ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK), ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) และระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) รวมถึงฟังค์ชันอื่นๆ อีกมากมาย
All New GWM Tank 300 HEV-Define Your Own World เป็นรถยนต์พรีเมียมเอสยูวีออฟโรดขนาดกลาง สร้างขึ้นบนพแลทฟอร์มอัจฉริยะ Tank ที่ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลัง สมรรถนะ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร เป็น Flat Torque ในช่วง 1,700-4,000 รตน. ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า และแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตันเมตร ทั้งยังมาพร้อมระบบเกียร์แบบ 9 จังหวะ (9HAT) ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด และโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกมากถึง 7 รูปแบบ ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ท โหมดประหยัด โหมดพื้นหิมะ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทราย และโหมด 4L นอกจากนี้ ยังมีระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิล ครอสส์ อาร์ม ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลทิลิงค์ และดิสค์เบรคแบบมีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ เพื่อการขับขี่ที่ยึดเกาะถนน และความสะดวกสบายตอบโจทย์การใช้งาน และการขับขี่ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางภายในตัวเมือง หรือนอกเมือง
ดีไซจ์นของ All New GWM Tank 300 HEV สะท้อนความโดดเด่นเหนือระดับสไตล์ออฟโรด แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ที่แข็งแกร่ง ดุดัน และเร้าใจ สำหรับรถรุ่นนี้มีมิติตัวรถ 1,930x4,760x1,903 มม. (กว้างxยาวx สูง) พร้อมระยะฐานล้อ 2,750 มม. ให้พื้นที่เก็บสัมภาระ 1,635 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวที่ 2 ภายในห้องโดยสารของ All New GWM Tank 300 HEV มาในสไตล์พรีเมียมออฟโรด มอบความหรูหรา ทันสมัย กว้างขวาง และสะดวกสบาย เบาะหนัง NAPPA มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติด้านหน้าแยกอิสระ ซ้ายและขวา ที่มาพร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 และ Ionizer ลำโพง Infinity 8 ตำแหน่ง พร้อมซับวูเฟอร์ หน้าจอมัลทิมีเดียแบบสัมผัส ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP5, และ Bluetooth ซึ่งสามารถทำงานเชื่อมต่อกับหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทอล ขนาด 12.3 นิ้ว เพื่อมอบประสบการณ์ความบันเทิงได้อย่างเต็มอรรถรสตลอดการเดินทาง
All New GWM Tank 300 HEV ยังมาพร้อมเบาะนั่งปรับไฟฟ้าคู่หน้า เบาะผู้ขับขี่สามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง และมีระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบดันหลังไฟฟ้า ระบบ Memory Seat ระบบ Welcome Seat เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ในการขึ้น-ลงจากรถ โดยเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง และเบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมพนักพิงปรับ 2 ระดับ ซึ่งเบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้สอยตามความต้องการ
All New GWM Tank 300 HEV พร้อมให้แฟนๆ ชาวไทยได้เลือกจับจอง กับ 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น Pro ในราคา 1,649,000 บาท และรุ่น Ultra ในราคา 1,799,000 บาท โดยมีเฉดสีรถภายนอกทั้งหมด 4 เฉดสี ได้แก่ สีส้ม สีดำ สีเทา และสีขาว