ทดลองขับ(formula)
ทดลองขับ Haval H6 HEV Ultra โฉมล่าสุด ราคา 1,349,000 บาท ตัวใหญ่ สมรรถนะดี ออพชันแน่น !

ห้องโดยสารกว้างขวาง ตกแต่งเน้นความหรูหรา วัสดุตกแต่งหลายส่วนใช้สีทองแบบ Rose Gold จอแสดงผลหลักขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว ความละเอียดของหน้าจอสูง มองเห็นมุมมองจากล้องมองภาพรอบคันได้ชัดเจน มีการอัพเกรดระบบการใช้งานให้สามารถรองรับการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple Car Play แบบไร้สาย (สามารถเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ) ส่วนจอของแผงหน้าปัดมีขนาด 10.3 นิ้ว แสดงผลได้หลายรูปแบบ และมีความคมชัดที่น่าพอใจ นอกจากนี้ยังมีการแสดงผลเพิ่มเติมสะท้อนบนกรจกหน้า ช่วยผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากท้องถนนขณะขับขี่
เบาะนั่งคู่หน้าปรับทิศทางด้วยไฟฟ้า (เบาะผู้ขับปรับ 6 ทิศทาง เบาะข้างผู้ขับปรับ 4 ทิศทาง) พร้อมระบบระบายอากาศ เบาะด้านหลังกว้างขวาง พับแยกได้แบบ 60:40 พร้อมที่พักแขนตรงกลาง เสริมบรรยากาศด้วยไฟส่องสว่างสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร ที่ชาร์จมือถือแบบไร้สาย การเปลี่ยนเกียร์ใช้งานกับแป้นหมุนแทนที่คันเกียร์แบบดั้งเดิม เพิ่มความโปร่งโล่งในห้องโดยสารด้วยหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิค
ระหว่างการทดลองขับเราพบว่า ทางผู้ผลิตมีการปรับปรุงพโรแกรมการใช้งานให้มีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น เช่น การปรับโหมดการขับขี่สามารถถูกจดจำ และเลือกใช้งานได้จากปุ่มบนพวงมาลัย (เดิมจะต้องใช้งานผ่านหน้าจอหลักเท่านั้น) การปรับปรุงให้ระดับความดังของเสียงเพลง และการโทรศัพท์ ไม่เบาลงขณะเปิดไฟเลี้ยว การอัพเดทให้ระบบ Android Auto ไม่หยุดการทำงานขณะใช้งานช่องเก็บค่าผ่านทางของ EASY PASS และการใช้งานระบบช่วยเหลือการขับขี่สามารถจดจำการตั้งค่าเอาไว้แม้ดับเครื่องยนต์ และสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ (จากเดิมที่ระบบจะกลับมาเป็นค่าเริ่มต้นทุกครั้งหลังดับเครื่องยนต์)
ขุมพลังของ Haval H6 HEV คือ ระบบไฮบริด ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร ส่งกำลังร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 243 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 54.1 กก.-ม. ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้ากับระบบเกียร์ DHT นอกจากนี้ยังมีโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ได้แก่โหมด NORMAL SPORT ECO และ SLIPPERY (สำหรับพื้นถนนลื่น) และยังเสริมด้วยโหมดลุยน้ำสำรับน้ำท่วมขัง ช่วยปกป้องการทำงานของระบบไฮบริด
ระหว่างการทดลองขับ เรามีความรู้สึกว่าการส่งกำลังของระบบไฮบริดจาก Haval H6 HEV เน้นความไหลลื่นต่อเนื่อง อัตราเร่งแซงทำได้ทันใจ การส่งกำลังของระบบไฮบริด ตลอดจนการทำงานของเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าถูกปรับปรุงให้มีความต่อเนื่องมากกว่าเดิม การขับผ่านเส้นทางที่เป็นเนินเขา มีความลาดชัน ทำได้สบายจากแรงบิดที่เหลือเฟือของระบบไฮบริด ในทางราบสามารถไต่ความเร็วได้ไม่ยากเย็น แทบจะลืมไปเลยว่า นี่คือ เอสยูวี คันใหญ่ อัตราเร่งโดยรวมทำได้น่าพอใจไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการประหยดน้ำมันเชื้อเพลิง เอสยูวี รุ่นนี้ทำได้ดีพอสมควร แต่จุดเด่นที่แท้จริงอยู่ที่อัตราเร่งมากกว่า นอกจากนี้ยังเสริมระบบการใช้งานคล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า นั่นคือ ระบบ Single-Pedal ระบบจะใช้แรงหน่วงของการถอนเท้าจากคันเร่ง แปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าบางส่วน และชะลอความเร็วลงมาอย่างชัดเจน
จุดเด่นอีกประการของ Haval H6 HEV รุ่น Ultra คือ ระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ติดตั้งมาครบครันเกินหน้ารถยนต์ระดับเดียวกัน หรือแม้แต่รถยนต์ที่มีราคาแพงกว่า ไม่ว่าจะเป็น ระบบสั่งงานด้วยเสียง การรองรับแอพพลิเคชัน และการใช้งานผ่านแอพพลิเคชันของค่ายรถ ระบบครูส คอนทโรลแปรผันความเร็ว และระบบช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (ทำงานร่วมกับกล้องด้านหน้ารถ) และยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ มีความแม่นยำสูง จอดรถในตำแหน่งที่เหมาะสูง ทำงานร่วมกับกล้องมองภาพรอบทิศทาง ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ โดยจะจดจำแนวทางถอยรถย้อนหลังไป 50 ม. ช่วยให้การถอยรถออกจากจุดคับขันทำได้สะดวก ระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง ระบบเตือนจุดอับสายด้านข้าง ระบบเตือนการเปิดประตูหากมีรถแล่นมาจากด้านหลัง ระบบตรวจแรงดันลมยาง และระบบเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ นับว่าครบครันอย่างเหลือเชื่อ
Haval H6 HEV Ultra กับราคาล่าสุดที่ 1,349,000 บาท เป็นอีกจุดน่าสนใจของ เอสยูวี คันนี้ เพราะราคาใกล้เคียงกับ เอสยูวี หรือครอสส์โอเวอร์ ระดับ บี เซกเมนท์ (กับราคาที่ระดับ 1 ล้านบาทต้นๆ) แต่ได้มิติตัวถังที่ใหญ่โต และออพชันที่ครบครันไม่แพ้ เอสยูวี ระดับ ซี-เซกเมนท์ (ราคา 1 ล้านบาทกลางๆ ขึ้นไป) ภายใต้พละกำลังที่เหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไป และการระบบรองรับที่ขับขี่ดีกว่ารุ่นก่อนปรับโฉม พร้อมการรับประกันที่ครอบคลุม ช่วยให้ เอสยูวี สัญชาติจีนคันนี้เป็นอีกหนึ่งในทางเลือกที่คุ้มค่า และไม่ควรมองข้ามสำหรับรถยนต์อเนกประสงค์ 

