รถล่าสุด
All-New GWM Tank 500 Hybrid SUV เวอร์ชันไทย เครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตร เทอร์โบ 350 แรงม้า

All-New GWM Tank 500 Hybrid SUV ถูกสร้างขึ้นบนพแลทฟอร์มออฟโรดอัจฉริยะ Tank ที่ให้ทั้งพละกำลัง สมรรถนะ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน VGT ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 350 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 616 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับเกียร์ DHT ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 11 รูปแบบ
การออกแบบภายนอก All-New GWM Tank 500 Hybrid SUV ยังคงเอกลักษณ์ที่มีความบึกบึน แกร่ง แต่ยังคงเรียบหรู สง่างาม ตามสไตล์ Tank มีมิติตัวถังกว้าง 1,934 มม. ยาว 5,078 มม. สูง 1,905 มม. และระยะฐานล้อ 2,850 มม.
ดีไซจ์นด้านหน้า ออกแบบตามปรัชญา "ความหรูหราที่แข็งแกร่ง" ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ ผสานช่องระบายอากาศแนวนอน และโลโก Tank รับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรง ไฟหน้าแบบ Intelligent LED ให้ความสว่างชัดเจน มีระบบเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ระบบปรับไฟสูง/ต่ำอัตโนมัติ และฟังค์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow me home) พร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอกแบบ LED
ด้านหลังออกแบบประตูท้ายแบบ Horizontal พร้อมระบบไฟฟ้าดูดเพื่อช่วยผ่อนแรง ยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้าย พร้อมกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยางอะไหล่ ไฟท้ายเป็นแบบ Vertical LED โดดเด่นในแนวตั้ง มาพร้อมไฟเบรคดวงที่ 3 และไฟตัดหมอกแบบ LED
ติดตั้งบันไดข้างแบบไฟฟ้า พร้อมฟังค์ชันเปิด/ปิดอัตโนมัติ เมื่อเปิด/ปิดประตู ล้อขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/50 R20 ระบบรองรับด้านหน้าแบบอิสระ ดับเบิลครอสส์อาร์ม และด้านหลังแบบอิสระ มัลทิลิงค์ ให้การยึดเกาะที่ดี และนั่งสบาย
ภายในออกแบบสไตล์ Luxury ให้ความหรูหรา กว้างขวาง สะดวกสบายในทุกรายละเอียด ด้วยคอนโซลหน้าสีทูโทน เบาะหนัง Nappa พร้อมลำโพง Infinity ตกแต่งห้องโดยสารด้วยแสง Ambient Light วัสดุสี Black, Silver, Piano Black และ Chrome
หน้าจอกลางเป็นแบบสัมผัส ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมลำโพงจาก Infinity 12 ตัว สามารถปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ โดยมีมาตรวัดคนขับขนาดใหม่ 12.3 นิ้ว และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้ามาด้วย พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบ Paddle Shift ไฟห้องโดยสารปรับได้หลายสี  พร้อมนาฬิกาแบบคลาสสิค
ส่วนออพชันต่างๆ ที่ใส่มาให้แบบจัดเต็ม ได้แก่
- เบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้าพร้อมระบบนวดไฟฟ้า ระบบดันหลัง และระบบระบายอากาศเบาะ
- เบาะนั่งแถวที่ 2 พร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศ โดยมีที่พักแขนตอนกลาง ม่านบังแดด และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ปรับได้แบบ 60:40
- เบาะนั่งตอนที่ 3 พร้อมพนักพิงปรับด้วยไฟฟ้า โดยสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้อเนกประสงค์
All-New GWM Tank 500 Hybrid SUV ขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน VGT ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 350 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 616 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับเกียร์ DHT ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 11 รูปแบบ โดยมีระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรด ดังนี้
- ระบบลอคเฟืองขับด้านหน้า และด้านหลัง (Electric Differential Lock For Front and Rear Axles) ช่วยเพิ่มความสามารถเมื่อเจอทางลาดชัน โคลน ทราย ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลังทำงานร่วมกันกับกลไกลอคของกล่องที่ถ่ายโอนทั้งล้อหน้า และล้อหลัง แบบ 3 Locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม
- ระบบช่วยกลับรถในที่แคบ (Tank Turn) หลังจากเปิดฟังค์ชัน เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยวมากเกินไป ระบบจะส่งแรงเบรคไปที่ล้อหลังด้านใน เพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้สามารถเลี้ยวในที่แคบได้
ในเวอร์ชันไทย All-New GWM Tank 500 Hybrid SUV มีด้วยกัน 2 รุ่น คือรุ่น Pro ในตัวเริ่มต้น และรุ่นตัวสูงสุด Ultra โดยมีสีภายนอกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว สีดำ สีเทา สีแดง และสีใหม่ คือ สีเทาคริสตัล (เฉพาะรุ่น Ultra) และมีสีภายในรถ ได้แก่ สีดำ และสีทูโทน น้ำเงิน-เบจ (เฉพาะรุ่น Ultra) ส่วนราคาจะเปิดเผยอีกครั้ง ในช่วงไตรมาตรที่ 2 ของปี 2566                    

