ด้วยล้อขนาด 22 นิ้ว ตอบโจทย์การใช้งานที่สามารถเปิดช่องระบายอากาศเมื่ออยู่บนเส้นทางทุรกันดาร และช่องระบายอากาศจะปิดเพื่อไม่ให้รบกวนกระแสลมด้านข้างตัวรถขณะใช้งานบนเส้นทางปกติ รอบตัวรถมีกระจกหลายส่วน ตั้งแต่หลังคากระจก ส่วนล่างของบานประตู และกริลล์หน้ากระจกที่ผู้โดยสารสามารถมองผ่านห้องเก็บสัมภาระด้านหน้าไปยังหน้ารถได้
กระจกด้านหลังสามารถเลื่อนเก็บใต้หลังคา เพื่อเปิดเนื้อที่ด้านท้ายรถให้กว้างขึ้น จนบรรทุกจักรยานไฟฟ้าได้ถึง 2 คัน แผงท้ายรถพับได้เหมือนฝาท้ายกระบะ เพื่อความสะดวกในการขนของ ด้านหลังห้องโดยสารมีแผ่นกั้นทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อแยกห้องโดยสาร และกระบะท้ายออกจากกัน
ห้องโดยสารแบบ 4 ที่นั่ง ครอบด้วยกระจกทรงโค้งรองรับผู้โดยสาร ขณะขับขี่เมื่อเปิดระบบขับเคลื่อนไร้คนขับ แผงอุปกรณ์ พวงมาลัย และแป้นเหยียบจะถูกเลื่อนเก็บ โดยยังคงซาวน์ด์บาร์ และช่องระบายอากาศไว้ เบาะนั่งทั้ง 4 ดูเหมือนลอยตัว แต่จริงๆ แล้วมีขายึดกับคอนโซลกลาง ซึ่งเป็นที่ติดตั้งระบบปรับอากาศด้วย
หนึ่งในแนวคิดหลัก คือ ชุดเฮดเซทเสมือนจริงสำหรับทุกคนในห้องโดยสาร สร้างสิ่งแวดล้อมเสมือน ทั้งแผงอุปกรณ์ จอแสดงผล และอื่นๆ เพื่อลดการใช้พื้นที่ภายในห้องโดยสาร โดยวางตำแหน่งจอแสดงผล และระบบควบคุมเสมือนจริงในส่วนต่างๆ ของห้องโดยสาร เช่น การวางปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศลอยตัวอยู่เหนือช่องระบายลม ในขณะที่ระบบควบคุมเสียง และความบันเทิงลอยอยู่เหนือชุดลำโพง
ผู้โดยสารเพลิดเพลินกับคอนเทนท์ในระบบเสมือนจริง ที่ตอบโต้ผ่านการโฟคัสสายตา และสัมผัสเสมือนจริง ที่มีใช้งานได้หลากหลายฟังค์ชันในทุกตำแหน่งที่นั่ง ส่วนคนขับจะได้รับข้อมูลสำคัญของรถ ในขณะที่ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินกับเพลง และระบบสาระบันเทิงดิจิทอลต่างๆ
Audi Activesphere ใช้ Platform รถไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่พัฒนาร่วมกันกับ Porsche โดย Platform นี้ติดตั้งชุดแบทเตอรีที่มีความจุ 100 กิโลวัตต์ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลัง 436 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 73.4 กก.-ม.
บทความแนะนำ

