Ford GT40 Replica คันนี้ คือ ผลงานความร่วมมือระหว่าง Everrati แห่งสหราชอาณาจักร และ Superformance จากสหรัฐอเมริกาข่าวจากอังกฤษ ระบุว่า Everrati บริษัทผู้ชำนาญการด้านการแปลงขุมพลังไฟฟ้าให้กับรถระดับไอคอนในอังกฤษ ได้สร้าง Ford GT40 Le Mans ตำนานรถแข่งเอนดูรานศ์จากสนาม Le Mans ขึ้นมาใหม่ โดยใช้ขุมพลังไฟฟ้าล้วน 800 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ต่ำกว่า 4.0 วินาที ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังโดยรวม 800 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 81.6 กก.-ม. ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 201 กม./ชม. โดยใช้แบทเตอรีขนาด 60 กิโลวัตต์ชั่วโมง นับว่าไม่ธรรมดาที่ได้สมรรถนะระดับนี้ และลูกค้าจะได้รับอุปกรณ์ชาร์จเร็วขนาด 700 โวลท์ หากเทียบกับ GT40 ตัวแข่งในอดีตที่สร้างชื่อในปี 2503 ที่ใช้ระบบส่งกำลังเครื่องยนต์ แบบ วี 8 สูบ ความจุ 7.0 ลิตร ให้กำลัง 478 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 66.7 กก.-ม. และความเร็วสูงสุด 330 กม./ชม. Ford GT40 ถูกสร้างขึ้น เพื่อคว้าชัยชนะจากการแข่งขันเอนดูรานศ์ที่ดุเดือด ด้วยเฟรมที่ออกแบบให้มีน้ำหนักเบาพิเศษ สำหรับเวอร์ชันพลังไฟฟ้า Everrari ให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำหนักรถด้วยเช่นกัน แม้จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากับแบทเตอรี แต่รถทั้งคันมีน้ำหนักเพียง 1,300 กก. ซึ่งมีน้ำหนักน้อยกว่า Ford GT40 สเปคแข่งขันที่เติมน้ำมันเต็มถัง Ford GT40 Le Mans คันนี้ มาพร้อมเสียงคำรามของเครื่องยนต์ วี 8 สูบ ที่สมจริง ได้ติดตั้งอุปกรณ์เสียงสังเคราะห์ โดยทำงานเชื่อมโยงกับชุดเกียร์ เพื่อสร้างเสียงเครื่องยนต์สังเคราะห์ เมื่อเลือกขับด้วยเกียร์เสมือนจริง (Virtual Gears) ซึ่งจะเข้าสู่โหมดสำหรับการแข่งขัน (Race Mode) โครงการนี้ไม่ได้เป็นการปรับแต่งจากรถเดิม แต่เป็นการสร้างรถขึ้นใหม่ทั้งคัน ตั้งแต่การสร้างตัวรถ และขึ้นรูปแชสซีส์ โดยบริษัท Superformance จากสหรัฐฯ ซึ่งมีการรับรองจากเจ้าของเครื่องหมายการค้าเดิม สามารถสร้างแชสซีส์ขึ้นใหม่ โดยรวมแล้ว ยังไม่กำหนดราคาค่าตัวที่แน่นอน เพราะราคารถจะขึ้นอยู่กับสเปคที่ลูกค้าแต่ละรายกำหนด ยกตัวอย่าง GT40 สเปคดั้งเดิมปี 2503 ราคาซื้อขายกันอยู่ระหว่าง 1-10 ล้านปอนด์ (ประมาณ 42.5- 425 ล้านบาท) Justin Lunny ผู้ก่อตั้งและ ซีอีโอของ Everrati กล่าวว่า “GT40 แสดงถึงปรัชญาที่แตกต่างของ Everrati อย่างชัดเจน ในขณะที่บริษัทอื่นนำรถคลาสสิคมาดัดแปลง แต่ Everrati ไปไกลกว่านั้นอีก" การใช้แนวคิด และทักษะในการเลือกอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ บริษัทสามารถรับรองได้ว่าจะเป็นผลงานที่เปี่ยมด้วยศิลปะการออกแบบ จากทีมวิศวกรรมที่เปี่ยมประสบการณ์ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากผู้ผลิตรถยนต์ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก Ford GT40 Le Mans แสดงให้เห็นว่า Everrati สามารถนำเทคโนโลยีการขับเคลื่อนระบบไฟฟ้าแห่งอนาคตมาสู่รถคลาสสิคระดับไอคอน ให้ขึ้นไปสู่ระดับที่เหนือกว่าได้ การจัดการกระบวนการผลิตที่ปรับขนาดได้ตามความเหมาะสม นับว่าเป็นกลยุทธ์หลักของบริษัท ที่จะสามารถร่วมธุรกิจกันกับพันธมิตรด้านการผลิตรายใหม่ เพื่อเปิดเข้าสู่ตลาดทั่วโลกด้วย GT40 และรุ่นอื่นต่อไป เมื่อรถคันนี้ เสร็จเรียบร้อย จะมีรถรุ่นอื่นถูกนำเข้าสู่กลุ่มผลงานรถดัดแปลงของ Everrati อีกหลายคัน อาทิ Porsche 911 (964), Land Rover Defender และ Mercedes-Benz 280SL ที่ได้รับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมปรับปรุงระบบต่างๆ จนสมบูรณ์แบบ ก่อนส่งมอบให้ลูกค้าต่อไป
บทความแนะนำ