Nissan มั่นใจศักยภาพเมืองไทย พร้อมลงทุนต่อเนื่อง

อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากกระแสที่ออกมาจากหลายฝ่ายว่า Nissan จะพับฐานจากเมืองไทยนั้น ไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย จะว่าไปแล้ว สำหรับประเทศไทยสำคัญที่สุดในภูมิภาคอาเซียนนี้ และ Nissan จะยังคงลงทุนในประเทศไทยต่อไป โดยไม่มีแผนที่จะทิ้งประเทศไทย อีกทั้งยังเตรียมความพร้อมสำหรับการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอนาคตจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของ Nissan หรือที่เรียกว่า Branded House Approach ที่ Nissan กำลังสร้างความสอดคล้องในการสร้างแบรนด์ และการตลาด ซึ่งนี่อาจต้องใช้เวลาบ้าง แต่วิธีนี้จะทำให้ Nissan กลับมามียอดขายที่เติบโต และจะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ Nissan จะติดอันดับทอพ 5 ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า Nissan ได้พลิกกลยุทธ์ทางการตลาดด้วยการเปิดตัว Ambassador ของ Nissan Navara ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของ Nissan ที่ใช้พรีเซนเตอร์ในการสร้างแบรนด์ และหลังจากเปิดตัว Nissan Navara เร็ว ๆ นี้ก็จะมีการแนะนำ Nissan Kicks โดยหลังจากนี้ กลยุทธ์ของ Nissan คือ ส่งมอบสิ่งที่ไม่คาดคิด และจะก้าวไปพร้อมความสำเร็จของแบรนด์ สำหรับเรื่องของการส่งมอบรถยนต์นั้น เป็นที่ทราบกันดีเรื่องของการขาดแคลนชิพ ซึ่งขณะนี้เริ่มคลี่คลายแล้ว โดย Nissan Navara จะสามารถส่งมอบรถให้แก่ลูกค้าได้ทันที รวมถึง Nissan ได้มีการหาซัพพลายจากแหล่งใหม่ เพื่อให้การผลิตรถของ Nissan เป็นไปตามเป้าหมาย และคาดว่ายอดขายของ Nissan ในรอบปี 2565 จะยังคงเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนของผู้แทนจำหน่าย Nissan ยังคงทำงานกับคู่ค้าปัจจุบัน 66 ราย ที่มีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการ 177 สาขา และยังไม่มีแผนที่จะขยายเพิ่ม แต่จะเน้นไปที่การเปลี่ยนกลยุทธ์ และสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าด้วยการบริการที่สร้างความพึงพอใจในทุกด้าน แต่ระยะนี้จะมุ่งเน้นที่การเปลี่ยนโลโกในโชว์รูมให้เป็นรูปแบบใหม่ตามมาตรฐาน โดยโชว์รูมจะเป็นโลโกใหม่ แต่ก็ไม่ได้เร่งด่วนมากนัก เป็นเพียงการทำงานร่วมกันด้วยความพร้อมทั้ง 2 ฝ่าย ด้านนโยบายของภาครัฐในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้านั้น ขณะนี้ Nissan อยู่ระหว่างการศึกษาตลาด และยังต้องหารือในหลายสิ่งกับรัฐบาล แต่อย่างไรก็ตาม Nissan มุ่งมั่นที่จะสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ในประเทศ Nissan มีรถ ยนต์ไฟฟ้า มากกว่า 1 รุ่น และรถยนต์ไฟฟ้าหลายๆ รุ่น จากหลายๆ แบรนด์ ก็จะกำลังจะเข้ามาในประเทศไทย แต่ Nissan ยังมองว่า ในส่วนของสถานีชาร์จนั้นในประเทศไทยยังมีไม่เพียงพอสำหรับการขายรถในปัจจุบัน เพราะถ้าเทียบปริมาณของไทยขณะนี้มีอยู่ประมาณ 2,000 สถานีชาร์จ ที่ประเทศญี่ปุ่นมีมากกว่า 30,000 ของสถานีบริการน้ำมัน รถยนต์ไฟฟ้าเมื่อเทียบกันอุตสาหกรรมนี้ มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 1 ใน 1 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น แต่ลูกค้าปัจจุบันในประเทศไทยไม่ใช่ผู้ซื้อสำหรับรถคันแรก สำหรับผมกำลังตั้งข้อสังเกต และจับตามองที่ตลาด รัฐบาล และพาร์ทเนอร์ในภาคส่วนต่างๆ เช่น กฟผ. ว่าจะมีความเคลื่อนไหวอย่างไร Nissan ต้องการให้แน่ใจว่าแผนของเรานั้นยั่งยืน เรากำลังสร้างแบรนด์ของเราจากโมเดลที่มีอยู่ เราจะยังคงลงทุนในรุ่นที่มีอยู่ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เราจะสานต่อการทำงานร่วมกับภาครัฐบาล และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักอื่นๆ เช่น กฟผ. เช่น เราจะมีโครงการความร่วมมือด้านรถยนต์ไฟฟ้า ร่วมกับกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น และการใช้ที่ชาร์จแบบ 2 ทิศทาง (Bidirectional) เช่น Nissan Leaf ที่ประเทศญี่ปุ่น เขาสามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ที่บ้าน 3-4 วัน ส่วนในประเทศไทย เรายังไม่ได้มีสัญญากับรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม แต่เราได้เริ่มพูดคุยกับพาร์ทเนอร์ และภาครัฐบ้างแล้ว เมื่อทุกอย่างแน่นอนแล้ว เราจะแจ้งให้ท่านทราบ และมีการประกาศอีกครั้ง ผมหวังว่าในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้เราจะมีความเคลื่อนไหวในด้านความร่วมมือกับภาครัฐ และเอกชน