ระเบียงรถใหม่
The New Mercedes-benz GLC 2022 จะมีเฉพาะเครื่องยนต์ Hybrid
Mercedes-Benz ลุยตลาดรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ขนาดกลาง ด้วยการเปิดตัวโมเดลเชนจ์ของ GLC โดยที่รถยนต์รุ่นนี้ จะไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบเดี่ยวๆ เป็นทางเลือก อีกต่อไป โดยจะมีเฉพาะขุมพลังไฮบริดเท่านั้น เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลง เชื่อมโลกการขับเคลื่อนไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าในอนาคต
Mercedes-Benz GLC เป็นรถ Compact Luxury Crossover SUV ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 ซึ่งมาทำตลาดแทนที่ GLK-Class และได้ถูก Facelift รุ่นปรับปรุงโฉมในปี 2019 ตำแหน่งของรุ่นในลำดับชั้นของ Mercedes-Benz ตระกูล "G" นั้น หมายถึง Geländewagen (รถออฟโรดในภาษาเยอรมัน) และหมายถึง G-Class เอสยูวีระดับตำนาน ตามด้วยตัวอักษร "L" ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมกับตัวอักษร "C" เพื่อแสดงว่าเป็นรถเอสยูวีที่มีขนาดเทียบเท่ากับ C-Class
หลังการรีแบรนด์อย่างเป็นทางการของ "Daimler AG" สู่ "Mercedes-Benz Group AG" ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 Mercedes-Benz ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดยานยนต์หรูด้วยยอดขายมากกว่า 2 ล้านคัน ในปี 2564 กลุ่มผลิตภัณฑ์เอสยูวีจำนวนมากหมายความว่า รถยนต์ประเภทนี้คิดเป็น 49 % ของ Mercedes-Benz ทั้งหมดที่จำหน่ายทั่วโลกในปี 2564
Mercedes-Benz GLC เป็นรถยนต์ Crossover Utility Vehicle (CUV) ที่สร้างยอดขายให้แก่ Mercedes-Benz เป็นอย่างมาก นับตั้งแต่เปิดตัวในตลาดโลก จนบัดนี้เป็นเวลา 7 ปี ตอนนี้ทาง Mercedes-Benz ได้เปิดตัว New Mercedes-Benz GLC เจเนอเรชันที่ 2 ที่ได้รับการพัฒนาอยู่บนพื้นตัวถัง MRA ของ Mercedes-Benz เช่นเดียวกับ C-Class รุ่นปัจจุบัน ในรหัส W206
New GLC ใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย โดยเน้นไปที่การขับขี่ในเมือง แต่ก็ยังคงสมรรถนะในการลุยเส้นทางทุรกันดารได้ โดยตัวถังทรงเอสยูวีแบบ 5 ประตู ได้รับการออกแบบใหม่หมดทั้งคัน มีความสปอร์ทที่ผสานความหรูหรา
ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ ไฟหน้าถูกออกแบบให้เรียวขึ้นตามภาษาการออกแบบในปัจจุบัน ทำให้รถเอสยูวีดูสปอร์ทขึ้น ส่งผลให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน Cd ลดจาก 0.31 ในรุ่นเดิม มาอยู่ที่ 0.29
ไฟท้ายที่ดีไซจ์นใหม่ ออกแบบให้เป็นแนวยาว และมีดีไซจ์นเรียวเล็กลง มิติตัวถังถูกขยายออกจากรุ่นเดิมในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความยาวที่เพิ่มอีก 61 มม. เป็น 4,716 มม. แต่ตัวรถเตี้ยลง 4 มม. ทำให้ดูสวย และสปอร์ทขึ้น ระยะฐานล้อที่เพิ่มอีก 15 มม. เป็น 2,888 มม. ทำให้ห้องโดยสารมีพื้นที่วางขามากขึ้น ขนาดความกว้างของรถยังคงเท่าเดิมที่ 1,890 มม. โดยมีความจุด้านหลังก่อนการพับเบาะหลังลงอยู่ที่ 620 ลิตร (+70 ลิตร เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม)
Mercedes-Benz GLC ใหม่ มีไฟหน้า LED ประสิทธิภาพสูงเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยไฟ Digital Light ระบบส่องสว่างแบบใหม่ มีให้เลือกเป็นออพชันเสริม เทคโนโลยีไฟหน้าที่สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานให้มีความแม่นยำ เพื่อการกระจายลำแสงที่ตรงเป้าหมายตามสภาพถนนในขณะนั้น ทำให้มีทัศนวิสัยที่ดีเมื่อขับท่ามกลางความมืด เช่น ทำให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยเส้นบอกแนวสัญลักษณ์ และการเคลื่อนไหวที่เน้นคนเดินถนนโดยการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า สามารถฉายไฟเครื่องหมายสัญลักษณ์เตือนลงบนผิวถนนได้
ห้องโดยสาร โดดเด่นด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ ตรงกลางสำหรับควบคุมฟังค์ชันต่างๆ ในตัวรถ ขนาด 11.9 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลมาตรวัดต่างๆ สำหรับผู้ขับขี่มีขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมกับระบบ MBUX Mercedes-Benz User Experience ใหม่ ที่สามารถใช้งานได้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay ระบบการชาร์จแบบไร้สาย และระบบสแกนลายนิ้วมือเพื่อบันทึกพโรไฟล์ของผู้ขับขี่
ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน Mild Hybrid นั้นจะมาพร้อมคอนโซลหน้า ตกแต่งด้วยลวดลายคาร์บอน กับเบาะนั่ง และห้องโดยสารสีเบจเข้ม ส่วนในรุ่นเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid นั้นคอนโซลหน้าจะมาพร้อมกับลวดลายที่หรูหรา กับสไตล์เสื้อสูทที่มีเส้นสีขาวพาดตามแนวยาว ส่วนเบาะนั่ง และห้องโดยสารจะเป็นสีแดงสลับดำ มาพร้อมซันรูฟแบบพาโนรามาแบบใหม่ ซึ่งมีคานขวางที่บางกว่าเดิม เพื่อให้ความรู้สึกกว้างขวาง กว่ารุ่นเดิม
New GLC มีเฉพาะเครื่องยนต์ไฮบริดเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น Mild Hybrid หรือ Plug-in Hybrid จะไม่มีรุ่นที่ขับด้วยเครื่องยนต์สันดาปแบบเดี่ยวๆ อีกต่อไป ซึ่งเครื่องยนต์ที่นำมาจับคู่ จะมีทั้งเบนซิน และเทอร์โบดีเซล พร้อมชุดไฮบริดแบบ ISG-Integrated Starter Generator แบบรุ่นที่ 2 ซึ่งมีกำลังอยู่ที่ 22.8 แรงม้า และแรงบิด 20.0 กก.-ม.
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร พร้อมระบบไฮบริดแบบ 48 โวลท์ ให้แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 258 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 40.6 กก.-ม. โดยจะมีทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และแบบ 4 ล้อ 4 MATIC มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.2 วินาที
รุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล จะมีกำลังสูงสุด 261 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 50.5 กก.-ม. เครื่องยนต์เบนซินพลัก-อิน ไฮบริดมีกำลังสูงสุด 381 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 76.5 กก.-ม. มีช่วงการขับใช้งานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียวๆ โดยไม่ติดเครื่องยนต์วิ่งได้ไกลถึง 100 กม. โดยทุกรุ่นจะส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ
ระบบกันสะเทือนหน้าโฟร์ลิงค์แบบใหม่ และระบบกันสะเทือนหลังแบบอิสระ มัลทิลิงค์ ระบบช่วงล่างแบบถุงลม (ออพชันเสริม Airmatic) ที่ช่วยให้นุ่มสบายในทุกสถานการณ์การขับขี่ การเก็บเสียงดีขึ้น พร้อมการควบคุมที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น ระบบกันสะเทือนแบบปรับระดับได้ จะทำงานสอดคล้องกับสภาพถนน ตอบสนองอย่างว่องไว และมั่นคง มีออพชันเสริม ระบบบังคับเลี้ยวที่เพลาล้อหลังได้มากถึง 4.5 องศา ซึ่งจะช่วยลดระยะวงเลี้ยวลง 80 ซม. เหลือแค่ 11.0 ม.
ในการเลี้ยวที่ความเร็วต่ำกว่า 60 กม./ชม. ล้อหลังจะหมุนไปในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า เมื่อจอดรถ เมื่อความเร็วถึง 60 กม./ชม. หรือมากกว่า ล้อหลังจะบังคับทิศทางเดียวกับล้อหน้าได้ถึง 4.5 องศา ทำให้มีการควบคุมที่มีเสถียรภาพ และการทรงตัวที่ดี มีความปลอดภัยมากขึ้นขณะใช้ความเร็วสูง หรือการหลบหลีกอย่างกะทันหัน
ในโหมดออฟโรด GLC มาพร้อมกล้อง 360 องศา หน้าจอจะแสดงภาพด้านหน้าของรถในระดับต่ำเพื่อมองอุปสรรคที่อยู่ข้างหน้า รวมทั้งแจ้งเตือนถึงตำแหน่งของล้อหน้า และตำแหน่งพวงมาลัย ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นสิ่งกีดขวาง เช่น หินก้อนใหญ่ ร่องลึก และหน้าจอมาตรวัดยังแสดงข้อมูล การทำงานของตัวรถ แสดงความเอียง ความลาดชัน ระดับความสูงของภูมิประเทศ พิกัดทางภูมิศาสตร์ และเข็มทิศ ทำให้การขับขี่ในทางที่ยากลำบากทำได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
แพคเกจเสริม Offroad Engineering ซึ่งเพิ่มระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้อง 20 มม. รวมทั้งมีการ์ดป้องกันใต้ท้องรถที่ด้านหน้า และด้านหลัง อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย และการช่วยเหลือผู้ขับขี่ Driving Assistance รุ่นล่าสุด ประกอบด้วยฟังค์ชัน Active Distance Assist DISTRONIC, ระบบช่วยบังคับเลี้ยวแบบแอคทีฟ, ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร, แพคเกจระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist พร้อม Parktronic การจอดรถพร้อมกล้อง 360 องศา และระบบช่วยการขับขี่เมื่อต้องพ่วงสิ่งของด้านท้าย
แน่นอนว่าแฟนชาวไทยจะไม่พลาดได้เห็นตัวจริง และจับจองเป็นเจ้าของอย่างแน่นอน กับรถเอสยูวีที่ขายดีที่สุดของ Mercedes-Benz คาดว่าเร็วสุดน่าจะได้เจอกันที่งาน Motor Expo 2022 ปลายปีนี้
เรื่องโดย : พรเทพ คงลาภอำนวย
คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/411469