ธุรกิจ
Great Wall Motor ถอดรหัสความสำเร็จการดำเนินธุรกิจแนวใหม่
Great Wall Motor ร่วมแสดงวิสัยทัศน์การเป็นหนึ่งในองค์กรชั้นนำ ฝ่ากระแสความท้าทายยุค Disruption เข้าร่วมบรรยายใต้โครงการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพด้านการบริหารจัดการ หลักสูตร The Prospect : New World of Higher Education สำหรับผู้บริหารมหาวิทยาลัยสายวิชาการ (หัวหน้าภาค) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้หัวข้อ “Leadership in Disruptive Era” ซึ่งจัดขึ้นโดย คณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี เพื่อร่วมถ่ายทอดประสบการณ์เพื่อนำไปพัฒนา ต่อยอดองค์ความรู้ และส่งมอบให้แก่นิสิตผู้เปรียบเสมือนฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (XEV Leader) ของประเทศไทย
ณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ Great Wall Motor (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนจาก Great Wall Motor รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติจากทางคณะคณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณาจารย์จากหลากหลายคณะกว่า 58 ท่าน ให้มีโอกาสได้เข้ามาพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานในการนำพาองค์กรฝ่ากระแสความท้าทายยุค Disruption Great Wall Motor ได้เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยในปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทาย และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะก่อตั้งธุรกิจ และสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จ การเข้ามาของ Great Wall Motor ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการผลักดันสังคมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยไปอีกขั้น รวมถึงการปฏิวัติอุตสาหกรรมรถยนต์จากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่เน้นการขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (XEV Leader) การรับฟังเสียงของผู้บริโภค (Consumer Voice Focus) และการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ (New User Experience) Great Wall Motor มีความพร้อม และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พูดคุย และแบ่งปันข้อมูลในหลากหลายมิติ อันจะเป็นประโยชน์ต่อทางมหาวิทยาลัยในการนำไปต่อยอดองค์ความรู้ และติดอาวุธทางความคิดให้แก่นิสิตผู้ซึ่งจะก้าวเข้ามาเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้างสรรค์เป็นระบบนิเวศของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในอนาคต ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
การบรรยายภายใต้หัวข้อ “Leadership in Disruptive Era” นั้น ตอกย้ำถึงความสำเร็จของ Great Wall Motor ทั้งในประเทศไทย และในฐานะองค์กรชั้นนำระดับโลกที่สามารถฝ่ายุค Disruption ได้อย่างสง่างามนับตั้ง แต่เริ่มต้นธุรกิจในประเทศจีนเมื่อปี 1984 โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา Great Wall Motor ได้มุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์ บริการ ตลอดจนเทคโนโลยี และนวัตกรรมอันล้ำสมัยให้แก่ลูกค้าอยู่เสมอ ด้วยจำนวนเครือข่ายศูนย์วิจัย และพัฒนากว่า 10 แห่ง ใน 7 ประเทศทั่วโลก ที่มุ่งเฟ้นหา และพัฒนาเทคโนโลยีด้านยานยนต์ใหม่ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับการผลิตรถยนต์ให้ทันสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีแบทเตอรี เทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ตลอดจนเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่างเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน
การบรรยายยังได้เน้นย้ำถึงทเรนด์การเดินทางยุคใหม่ หรือ Smart Mobility ทั้ง 4 รูปแบบที่แบรนด์รถยนต์ต่างหันมาให้ความสำคัญอย่าง 1) ผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ (Connected Product) 2) รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Vehicles) 3) การแชร์การเดินทาง และบริการเช่ารถรูปแบบต่างๆ (Car/Ride Sharing) และ 4) ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ (Electrification) เพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งยังได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ในการผลักดันองค์กรให้สามารถฝ่ากระแสความท้าทายในยุค Disruption ในอีกหลากหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทุกภาคส่วนต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับวิถีปกติใหม่ (New Normal) และเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นด้านการเดินทาง การขนส่ง การบริการด้านการเงิน การบริการด้านสารสนเทศ รวมถึงความท้าทายด้านการศึกษาที่ข้อมูลและความรู้สามารถเข้าถึงได้ผ่านทางอินเทอร์เนท
การเข้ามาดำเนินธุรกิจของ Great Wall Motor ในช่วงปีที่ผ่านมาถือว่ามีความท้าทายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวในฐานะผู้นำองค์กรในยุค Disruption ความท้าทายในฐานะผู้เล่นใหม่ในตลาด และกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ รวมถึงการสร้างปรากฏการณ์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยใช้ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (User-Centric) ของการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการแนะนำรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบใหม่เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้บริโภค ผ่านกลยุทธ์หลัก 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านผลิตภัณฑ์ 2) ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย 3) ด้านสถานีชาร์จประจุไฟฟ้า และ 4) ด้านประสบการณ์ลูกค้า การพลิกโฉมโมเดลตัวแทนจำหน่ายจากรูปแบบเดิม ๆ ให้เป็นพาร์ทเนอร์ที่เน้นการให้บริการ (Service Provider) ให้สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ผ่านการดำเนินงานรูปแบบ Online-to-Offline (O2O) ภายใต้นโยบายราคาเดียว (One Price Policy) รวมถึงถ่ายทอดคุณสมบัติการเป็นผู้นำที่จะพาองค์กรไปสู่ความเปลี่ยนแปลง ตลอดจนถอดบทเรียนปัจจัยสำคัญที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่องค์กรได้อย่างประสบความสำเร็จ เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการผลักดัน Great Wall Motor ให้สามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศ
โดยเพียง 1 ปีที่เข้ามาดำเนินงานในไทย Great Wall Motor ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศมากมาย ไม่ว่าจะเป็นยอดขายรถยนต์เกือบกว่า 4,000 คัน การขยายช่องทางการจัดจำ หน่ายถึง 30 แห่ง การเพิ่มจำนวนผู้ดาวน์โหลด และใช้งาน GWM แอพพลิเคชันกว่า 50,000 ราย รวมถึงการเปิดโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) แห่งแรกของภูมิภาคอาเซียนในไทยที่จังหวัดระยอง
นอกจากนี้ ยังได้มีการกล่าวถึงปัจจัยความสำเร็จในการผลักดันให้เกิดการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของสาธารณรัฐประชาชนจีนในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าจากทางภาครัฐ สิทธิประโยชน์ และแรงจูงใจต่างๆ รวมถึงการเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้รองรับการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า โดย Great Wall Motor เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายการขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้าของไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจับมือกับ 3 หน่วยงานการไฟฟ้าของไทยเพื่อการขยาย และพัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้า รวมถึงการเดินหน้าขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าทั้ง 3 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น G-Charge Supercharging Station สถานีชาร์จที่ Partner Store รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการตั้งสถานีชาร์จ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าทั้งสิ้น 55 แห่งภายในปีนี้
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/410770