ทดลองขับ(4wheels)
Ford Ranger ทดลองขับกระบะพันธุ์แกร่งรุ่นล่าสุด กับบททดสอบอันท้าทาย !
กิจกรรม Unlimit Your Experience สื่อถึงการเปิดประสบการณ์ครั้งใหม่ การก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ไปกับรถ Ford Ranger กับรุ่นย่อย Wildtrak และรุ่น Sport เริ่มต้นด้วยการบรรยายข้อมูลผลิตภัณฑ์ การออกแบบ และเทคโนโลยีของ Ford Ranger รุ่นใหม่ โดยทีมวิศกร และนักออกแบบรถ Ford จากประเทศออสเตรเลีย และไทย รวมถึงการทดลองสตาร์ทรถจากระยะไกลด้วยแอพพลิเคชัน Ford Pass ก่อนออกเดินทาง
สื่อมวลชนได้ทดสอบการขับขี่บนทางหลวงที่มีทั้งทางตรงสลับโค้ง โดยสัมผัสได้ถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ ความสบายภายในห้องโดยสารที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวลเหมือนรถเก๋ง และเสถียรภาพในการขี่ที่เพิ่มขึ้น ด้วยฐานล้อที่กว้าง และยาวขึ้นของ Ford Ranger รุ่นใหม่ รวมถึงการทดสอบเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อย่างระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop & Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Adaptive Cruise Control with Stop-and-Go and Lane Centering) ฟีเจอร์ใหม่ใน Ford Ranger รุ่นใหม่ ที่ช่วยให้การเดินทางปลอดภัยยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ Ford Ranger รุ่นใหม่ มาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียง ที่ทรงประสิทธิภาพ โดยรุ่น Wildtrak มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ มีตัวเลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อน 2 ล้อเป็นครั้งแรก กำลังสูงสุด 210 แรงม้า ที่ 3,750 รตน. แรงบิดสูงสุด 51.0 กก.-ม. ที่ 1,750-2,000 รตน. รุ่น Sport มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ที่ 3,500 รตน. และแรงบิดสูงสุด 41.3 กก.-ม. ที่ 1,750-2,500 รตน. และยังเป็นครั้งแรกที่ Ford Ranger มีตัวเลือกรุ่น Wildtrak 4x2 ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ กำลังสูงสุด 170 แรงม้า เช่นกัน
เมื่อเดินทางมาถึง Ford Ranger Ville สนามทดสอบทางสมบุกสมบันที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อทดสอบสมรรถนะ และการเลือกใช้โหมดการขับขี่ที่ติดตั้งมาในรถ Ford Ranger รุ่นใหม่ เป็นครั้งแรก สื่อมวลชนได้ประเดิมประสบการณ์การขับขี่สุดท้าทายใน สถานีที่ 1 การพิชิตเนินชัน "Hill Maneuvering" โดยใช้โหมดการขับขี่ปกติ (Normal mode) คู่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) รวมถึงทดสอบความโดดเด่นของสมรรถนะช่วงล่าง และการไต่ลงเนินชันด้วยระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control) ที่ช่วยปรับความดันเบรคอย่างต่อเนื่อง ลดการลื่นไหล และรักษาความเร็วให้คงที่เมื่อขับลงทางลาดชัน ผู้ขับขี่จึงให้ความสนใจกับการควบคุมพวงมาลัยได้อย่างเต็มที่ และมีความมั่นใจมากขึ้น ด้วยมุมจากด้านหลัง 23 องศา (เพิ่มจาก 21 องศาในรุ่นก่อนหน้า) ด้วยฐานล้อที่กว้าง และยาวขึ้นของ Ford Ranger รุ่นใหม่ ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อเนื่องด้วยการขับผ่านแอ่งน้ำ "Water Wading" แบบสบายๆ ในสถานีที่ 2 ด้วยความสามารถในการลุยน้ำลึกได้สูงสุดถึง 800 มม. โดยในสถานีที่ 1 และ 2 นี้ สื่อมวลชนได้ใช้กล้องมองรอบคัน 360 องศา เพื่อช่วยมองอุปสรรคที่อยู่นอกตัวรถระหว่างการขับขี่ได้อย่างชัดเจน
สถานีที่ 3 สื่อมวลชนได้ใช้โหมดการขับขี่บนถนนลื่น (Slippery Track) โดยระบบจะช่วยกระจายแรงบิดของเครื่องยนต์ไปยังทั้ง 4 ล้อเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนถนนลื่น หรือพื้นถนนที่ไม่สม่ำเสมอ และยังได้สัมผัสถึงมุมมองในการขับขี่ในพื้นที่แคบที่ดีขึ้น ด้วยการออกแบบฝากระโปรงหน้าใหม่ ที่ช่วยให้กะระยะในการผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย รวมถึงการใช้กล้องมองรอบคัน 360 องศา เป็นตัวช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นด้านนอกรถให้ควบคุมทิศทางของพวงมาลัย และบังคับทิศทางของรถให้ผ่านอุปสรรคบนเส้นทางได้ สถานีที่ 4 ทางโคลน (Mud Track) เป็นการขับขี่ด้วยโหมดโคลน (Mud Mode) โดยใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) พร้อมโชว์การทำงานของระบบลอคเฟืองท้าย (Locking rear differential) ที่ช่วยถ่ายเทกำลังของเครื่องยนต์ไปยังล้อทั้ง 4 ข้าง ทำให้ผ่านเส้นทางโคลน หรือถนนลื่นๆ ไปได้อย่างง่ายดาย
เข้าสู่สถานีที่ 5 พื้นกรวด "Loose Surface" ด้วยการปรับโหมดการขับขี่กลับสู่โหมดการขับขี่บนถนนลื่น (Slippery mode) เพื่อทดสอบการขับขี่บนพื้นผิวถนนที่เป็นทางหินกรวด เพื่อกำลังของเครื่องยนต์ และการตอบสนองของระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์ขณะใช้รอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้นขณะขับขี่ที่ความเร็วสูง
ในสถานีที่ 6 ขับขี่ลุยทางหิน "Rocky Terrain" สื่อมวลชนใช้โหมดการขับขี่ปกติ (Normal mode) พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4L) และระบบลอคเฟืองท้าย (Locking rear differential) เพื่อทดสอบแรงบิดของเครื่องยนต์ในรอบต่ำ และอัตราทดเกียร์ รวมถึงความสูงใต้ท้องรถ และระบบช่วงล่างที่นุ่มนวล ต่อด้วยการขับขี่บนสภาพเส้นทางที่เป็นพื้นทราย "Sand Track" ในสถานีที่ 7 ด้วยการใช้โหมดทราย (Sand mode) สื่อมวลชนได้สัมผัสถึงระบบความคุมเสถียรภาพการทรงตัว และการกระจายแรงบิดของเครื่องยนต์ที่ทำให้รถผ่านอุปสรรคไปสู่สถานีที่ 8 ลุยทางออฟโรด (Off-Road Maneuvering) โดยใช้โหมดปกติ (Normal mode) พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) ทดสอบการควบคุมพวงมาลัย การทรงตัวของรถ และความทรงพลังของเครื่องยนต์ แรงบิด และอัตราทดเกียร์อันชาญฉลาด โชว์ให้เห็นถึงสมรรถนะในการขับขี่ออฟโรดโดยรวมที่ดีขึ้น ด้วยมุมเงยที่ 30 องศา (เพิ่มจาก 28.5 องศาในรุ่นก่อนหน้า)
หลังจากเรียนรู้การใช้งานโหมดการขับขี่การลุยในสถานีต่างๆ ณ Ford Ranger Ville สื่อมวลชนได้เดินทางไปทดสอบการขับขี่แบบสมบุกสมบันกันต่อบนเส้นทางธรรมชาติสุดท้าทาย และน่าจดจำ
นอกจากการทดสอบสมรรถนะในการขับขี่แล้ว สื่อมวลชนยังได้ร่วมสัมผัสความอเนกประสงค์ของรถยนต์ Ford Ranger รุ่นใหม่ ทั้งการเป็นรถยนต์คู่ใจสำหรับการทำงาน และการเป็นรถยนต์สำหรับครอบครัว ด้วยกระบะท้ายที่รองรับการจัดเรียงสิ่งของให้เป็นระเบียบในหลากหลายรูปแบบ (Cargo management system) บันไดเหยียบข้างกระบะท้ายที่ทำให้การเข้าถึงท้ายกระบะเป็นเรื่องง่าย การใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเชื่อมระบบไฟจากช่องจ่ายไฟในกระบะท้ายเพื่อทำงานช่าง หรือจ่ายไฟให้แก่อุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์ต่างๆ การออกแบบพื้นที่เก็บของใต้ที่นั่งใหม่ เพิ่มพื้นที่เก็บของใต้เบาะหลังเพื่อความเป็นระเบียบ สามารถเก็บสัมภาระของทุกคนในครอบครัวได้โดยที่นั่งยังคงกว้างขวางนั่งสบาย
นอกจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่แล้ว Ford ยังมุ่งมั่นที่จะมอบการดูแลลูกค้าแบบ "พร้อมเสมอ (Always-On)" ด้วยบริการ และการดูแลลูกค้าทุกคนเปรียบเสมือนคนในครอบครัว ด้วยนวัตกรรมด้านบริการใหม่ๆ มากมายที่จะมีการเปิดตัวพร้อมการเริ่มจำหน่ายรถ Ford Ranger รุ่นใหม่ ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้
เรื่องโดย : ภูเขม หน่อสวรรค์ poukhem@imc.co.th
คอลัมน์ Online : ทดลองขับ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/409239