ระเบียงรถใหม่
Toyota Fortuner รุ่นใหม่ อาจถ่ายถอด DNA มาจาก Toyota Sequoia
Toyota Fortuner เป็นรถเอสยูวีขนาดกลาง สัญชาติญี่ปุ่น เปิดตัวครั้งแรกปี 2004 ถูกสร้างขึ้นบนพแลทฟอร์มของรถกระบะ Hilux วันนี้ใกล้เข้าสู่ช่วงปลายโมเดลแล้ว จึงเตรียมพัฒนา All New Toyota Hilux และ Toyota Fortuner เจเนอเรชันต่อไป
Toyota Fortuner เจเนอเรชันใหม่ อาจใช้พแลทฟอร์ม TNGA เป็นครั้งแรก และเป็นการใช้พแลทฟอร์มร่วมกับ Toyota Tacoma และ Toyota Sequoia รวมถึง Land Cruiser รุ่นล่าสุด และ LX ใหม่ด้วย
จากการนำพแลทฟอร์มนี้มาใช้ ทำให้ New Toyota Fortuner มีขนาดตัวรถที่ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเดิม และมีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ขณะเดียวกันก็มอบความสะดวกสบาย ความนุ่มนวลในการขับขี่ และความสามารถแบบในเส้นทางสมบุกสมบัน เทคนิคการผลิตใหม่ที่ทำให้พแลทฟอร์มนี้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เมื่อเทียบกับ Toyota Sequoia รุ่นก่อน คือ เทคโนโลยีการเชื่อมด้วยเลเซอร์แบบใหม่ ที่ช่วยลดน้ำหนักในบริเวณที่ไม่ต้องการ และเพิ่มพื้นที่ใช้ประโยชน์ให้มากยิ่งขึ้น
Toyota Sequoia เป็นฟูลล์ไซซ์เอสยูวีสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ ตั้งแต่ปี 2000 เป็นรถเอสยูวีที่ใหญ่ที่สุด ที่เคยผลิตภายใต้แบรนด์ Toyota
Sequoia รุ่นเดิม ตำแหน่งทางการตลาดจะอยู่ระหว่าง 4 Runner และ Land Cruiser แต่การยุติการขาย Land Cruiser ในอเมริกาเหนือ ตั้งแต่รุ่นปี 2022 เป็นต้นไป ทำให้ Sequoia กลายเป็นเอสยูวีรุ่นเรือธงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Toyota ในทวีปอเมริกาเหนือ
Toyota Sequoia เจเนอเรชันที่ 3 มีมิติตัวถังที่ใหญ่กว่าเดิม โครงสร้างหลักของ Sequoia รุ่นนี้ แม้ใช้ร่วมกันกับ Tundra แต่มีความแตกต่างกันในด้านเทคนิคหลายจุด พละกำลังเพิ่มขึ้น แต่อัตราสิ้นเปลืองกลับลดลง พแลทฟอร์มตัวถังได้รับการพัฒนามาใหม่ เพื่อมอบความสบายให้แก่การโดยสาร และการขับขี่ โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การเชื่อมตัวถังด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ เพื่อลดน้ำหนักในส่วนที่ไม่จำเป็น พร้อมทั้งเสริมความแข็งแรงในจุดที่สำคัญ
Toyota Sequoia ปี 2023 มีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบอย่างมากที่ด้านหน้า การออกแบบของ Toyota Tundra ปี 2022 กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมที่ใหญ่ขึ้น ไฟหน้า LED รูปตัว T ฮูดที่โดดเด่นยิ่งขึ้น กันชนที่ดูหนาขึ้น และแผ่นกันกระแทกสีเงิน "ที่ด้านข้าง" เส้นลักษณะเชิงมุมที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน และซุ้มล้อทรงสี่เหลี่ยม พร้อมด้วยส่วนที่กดทับด้านบนที่เน้นรูปร่าง ทำให้ดูแข็งแกร่ง
เบาะนั่งมี 3 แถว แถวที่ 2 เป็นที่นั่งกัปตัน สามารถปรับเอนได้ทั้งหมด การจัดสรรพื้นที่ภายในเบาะแถวที่ 2 จะมีให้เลือก 2 แบบ เบาะแถวยาว 3 ที่นั่ง และเบาะแยกแบบ Captain Seat 2 ที่นั่ง แต่ไฮไลท์จะอยู่ที่เบาะแถว 3 ที่นอกจากจะสามารถปรับเอนได้ และพับเก็บได้ด้วยไฟฟ้าแล้ว ยังสามารถเลื่อนหน้า/หลังได้เป็นระยะสูงสุด 6 นิ้ว ซึ่งเป็นรุ่นแรกในรถกลุ่มนี้ ด้านท้ายรถติดตั้งกล่องเก็บของอเนกประสงค์ที่พื้นห้องสัมภาระ สามารถปรับฟังค์ชันได้หลากหลาย
ภายใน Sequoia ทุกรุ่น ติดตั้งเบาะ 3 แถว แต่ละรุ่นมีวัสดุหุ้มเบาะที่แตกต่างกัน ในประเทศแคนาดา จะแบ่งรุ่นออกเป็น 5 ระดับ คือ TRD Off-Road, Limited, Platinum, TRD Pro และสูงสุด คือ Capstone
เริ่มต้นเป็นรุ่น TRD Off-Road ซึ่งไม่เน้นความหรูหรา มีอุปกรณ์มาตรฐาน ตั้งแต่ระบบดิฟฟ์ลอค, ปุ่มปรับการขับเคลื่อนตามชนิดพื้นผิวเพื่อลดการลื่นไถล และเพิ่มการยึดเกาะ, ระบบช่วยลงเนิน และควบคุมคันเร่งขณะขับเคลื่อน 4 ล้อ, ชอคอับ Bilstein ปรับการทำงานโดย TRD ร่วมกับคอยล์สปริงจาก TRD
สำหรับรุ่น Luxury จนถึง Capstone ภายในติดตั้งชุดประดับลายไม้อเมริกันวอลนัท, เบาะนั่งหุ้มหนังกึ่งสังเคราะห์, กระจกกันเสียง, ระบบความบันเทิงพร้อมลำโพง JBL 14 ตัว สั่งการโดยผ่านจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อผ่านระบบ Apple CarPlay และ Android Auto และเชื่อมต่อบูลทูธผ่านโทรศัพท์ได้ 2 เครื่องพร้อมกัน ด้านความปลอดภัยด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และระบบป้องกันการชนคนเดินถนน และการตรวจจับคนขี่จักรยานที่ทำงานเฉพาะตอนกลางวัน
สำหรับเครื่องยนต์ Toyota เรียกว่า i-Force Max เป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V6 ทวินเทอร์โบ ความจุ 3.4 ลิตร เจเนอเรเตอร์/มอเตอร์ไฟฟ้า โดยมอเตอร์ทำหน้าที่ขับเคลื่อนจากจุดหยุดนิ่งจนไปถึงความเร็ว 29 กม./ชม. มีพละกำลัง 437 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 80.6 กก.-ม. ถ้าเทียบน้ำหนักกันแล้ว Tundra มีน้ำหนัก 2.72 ตัน ส่วน Sequoia มีน้ำหนัก 4.08 ตัน เพิ่มขึ้นเพราะขนาดตัวถัง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ โดยมอเตอร์จะรับหน้าที่ตั้งแต่ออกตัวจนถึงความเร็ว 18 ไมล์/ชม. หลังจากนั้นเครื่องยนต์จะทำหน้าที่ต่อเนื่องในช่วงความเร็วกลาง-ปลาย ซึ่งใช้แบทเตอรีนิคเคิล-เมทัล-ไฮไดรด์ ขนาดประมาณ 1.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ
แบบ 4WD ที่มีคันโยกที่คนขับเลือกได้เพื่อสลับไปมาระหว่าง 2WD, 4WD High หรือ 4WD Low แชสซีส์ที่ใช้ร่วมกัน คือ TNGA-F Tundra มีเพียงข้อมูลของ Sequoia ที่ติดตั้งระบบรองรับอิสระ ปีกนกคู่ ในด้านหน้า และใช้เพลาแข็งระบบมัลทิลิงค์ ที่พัฒนาล่าสุดในด้านหลัง และยังมีระบบรองรับถุงลมให้เลือกติดตั้ง เพื่อช่วยรักษาระดับตัวรถในระหว่างการลากทเรเลอร์ น้ำหนักสูงสุดได้ถึง 4.08 ตัน ซึ่งมากกว่า Sequoia รุ่นก่อนถึง 22 %
ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Trailer Backup Guide ที่ระบบจะเข้าไปควบคุมการทำงานของพวงมาลัย ในการนำรถเอสยูวี และทเรเลอร์ วิ่งผ่านที่จอดรถพ่วงที่แออัด ทั้งการเดินหน้า และถอยหลังเมื่อเข้าจอด ซึ่งคนขับมีหน้าที่กดคันเร่ง และเบรคเท่านั้น ภายนอกตัวรถได้ติดตั้งกล้องรอบคัน และแสดงผลในจอสัมผัสขนาด 14 นิ้ว หรือจะเลือกการแสดงภาพดิจิทอลในกระจกส่องหลังก็ได้
พแลทฟอร์ม และระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบใหม่ ที่ติดตั้งบนแรคเพื่อการควบคุมที่ดีขึ้น ในทางกลับกัน ระบบกันสะเทือนหลัง ได้กลายเป็นแบบมัลทิลิงค์ ซึ่งทำให้การขับขี่ดีขึ้นกว่าเดิม เช่นเดียวกับ Tundra 2023 Sequoia ที่ได้รับระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระ และใช้ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบอีเลคเทรอนิค ที่ติดตั้งบนแรค นอกจากนี้ ยังมีให้เห็นใน Toyota Sequoia ปี 2023 ได้แก่ ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ควบคุมความสูงด้านหลังปรับระดับตามน้ำหนักบรรทุก และระบบกันสะเทือนแบบแปรผัน แบบปรับได้ (AVS) เพื่อปรับปรุงความสามารถในการลากจูง
เช่นเดียวกับรุ่นก่อน 2023 Sequoia จะมีจำหน่ายในเกรด TRD Pro สำหรับสไตล์ที่ทนทานเป็นพิเศษ และความสามารถในทางออฟโรด ชอคอับบายพาสส์ FOX ที่ปรับแต่งโดย TRD แผ่นกันลื่นด้านหน้าอลูมิเนียม TRD ขนาด 4 นิ้ว ระบบดิฟฟ์หลังการลอคที่เลือกได้ ระบบควบคุมการคลาน และระบบควบคุมการลงเขา
TRD Pro พวงมาลัยดีไซจ์นพิเศษ เฉพาะรุ่น TRD พร้อมระบบอุ่นตราสัญลักษณ์ TRD บริเวณเบาะนั่ง และหัวเกียร์ แรคหลังคา TRD ช่วงล่างจาก FOX ที่มีชอคอับติดตั้งวาล์วแบบ Bypass แผ่นกันกระแทกใต้เครื่องยนต์อลูมิเนียมของ TRD Rear Differential หรือระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบ Off-Road: Multi-Terrain Select, ระบบ CRAWL Control และระบบ Downhill Assist Control
กระจังหน้าดีไซจ์นดุดัน ผสมความย้อนยุคแปะตรา TOYOTA ตัวใหญ่ แถบไฟส่องสว่างเพิ่มความสวยงามจาก TRD ล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว ที่เพิ่มค่า Off-Set ปลายท่อไอเสียคู่ TRD Pro
ภายในมีการออกแบบ และพื้นผิวที่เหมือนกันกับ Tundra และหน้าจอสัมผัสขนาด 14 นิ้ว (8 นิ้ว สำหรับ SR5 เท่านั้น) ยังมีฟังค์ชันการจดจำเสียง สามารถใช้งานเสียง และเครื่องปรับอากาศได้ หน้าจอสัมผัสขนาด 14 นิ้ว และกระจกมองหลังแสดงผลแบบดิจิทอล สามารถแสดงภาพที่ถ่ายด้วยกล้องหลายตัว และยังมี "จอภาพแบบพาโนรามา" ที่ช่วยให้มองเห็นรถได้จากมุมสูง
นอกจากนี้ ยังรองรับการสื่อสารแบบไร้สายกับสมาร์ทโฟน และยังมี Apple CarPlay และ Android Auto อีกด้วย สำหรับอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย Toyota Safety Sense 2.5 เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับทุกระดับ และมีฟังค์ชันต่างๆ เช่น การตรวจจับ ที่ไม่เพียงแต่ตรวจแค่ด้านหน้า แต่ยังรวมถึงคนเดินถนนในตอนกลางคืน, จักรยานในตอนกลางวัน, ยานพาหนะที่กำลังมา อีกด้วย โดยติดตั้ง "ระบบก่อนการชนพร้อมฟังค์ชันตรวจจับคนเดินถนน" ที่ได้รับการอัพเกรดให้เบรคอัตโนมัติ และยังติดตั้งระบบช่วยบังคับเลี้ยวฉุกเฉิน ระบบเตือนการออกนอกเลน พร้อมระบบช่วยบังคับเลี้ยว ฯลฯ
เบื้องต้นการเปิดตัว All New Toyota Hilux และ All New Toyota Fortuner จะเปิดตัวในช่วงปี 2024 - 2025 และคาดว่าประเทศไทย จะเป็นที่แรกของโลกที่จะเปิดตัว ต้องจับตาดูกันว่าเจเนอเรชันใหม่ จะใช้พแลทฟอร์มร่วมกับ Toyota Tacoma ด้วยหรือไม่
เรื่องโดย : พรเทพ คงลาภอำนวย
คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/408811