ระหว่างเพื่อน 3 May 2022
ไก่อ่อน (ระหว่างเพื่อน): เขาเรียกผมว่า...
และไม่ใช่เพิ่งมาเรียกวันนี้ เขาเรียกกันมานานถึง 90 ปีแล้วนะจ๊ะ
เรียกอะไรหรือ ?
“เอเรน...?” และ “ซาซาเกโย...?”
ไม่ใช่...นั่นเป็นเสียงร้องของ พี สะเดิด
ส่วนของเรา เขาเรียกว่า “นายกรัฐมนตรี” เริ่มเรียกมาตั้งแต่ปี 2475 ถึงวันนี้ก็ 90 ปี โดยคนที่ถูกเรียก คือ “ก้อน หุตะสิงห์”
ขณะเวลานั้น เราลืมตามองดูสยามประเทศแล้ว 3 วันสุดท้ายของเดือนมีนาคม 2474 ก่อนจะเป็นวันแรกของเดือนเมษายน ปี 2475
วันปีใหม่ของสยามประเทศตอนนั้น คือ 1 เมษายน
จากวันนั้นถึงวันนี้ เรามีชื่อเรียก “นายกรัฐมนตรี” มาแล้ว 29 ชื่อ
ชื่อลำดับที่ 29 ที่กำลังถูกเรียก คือ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”
ยุคบางช่วงบางตอนของบ้านเมืองเราขณะเวลานี้ มีคนถูกเรียกขึ้นมาประปราย เช่น ข่าว “ดัน สมคิด เป็นนายกฯ” เป็นต้น
คำถามที่ไม่จำเป็นต้องตอบ คือ เราควร “ดัน” หรือควร “เรียก” จะ “ดัน” หรือ “เรียก” มันก็บ่อน้ำวนบ่อเดียวกัน
ไม่มีความผิดสำหรับคนที่ดัน และคนที่เรียก
บ้านเมืองของเรา มี 29 คน ที่ถูกเรียก แต่ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่คนที่ถูกเรียกว่า “ดัน” หรือ “เรียก” เพราะเป็นแค่บางชื่อ ในบางช่วงบางตอนของยุคสมัย
“ก้อน หุตะสิงห์” เป็นนามเดิมของ “พระยามโนปกรณนิติธาดา” ท่านถูกเรียกได้เพียงปีเดียว ก็ถูกยึดอำนาจ
สยามประเทศ มี “รัฐประหาร” เป็นครั้งแรกในปี 2476 นำโดย “พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา” ท่านได้รับยศ “พลเอก” ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงตอนที่ท่านวางมือจากตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองแล้ว
จากนี้ สยามประเทศของเราก็มี “นายกรัฐมนตรี” เรืองนาม คือ “จอมพลแปลก พิบูลสงคราม” ท่านถูกสภาผู้แทนราษฎร “เรียก” นานถึง 15 ปี
จอมพล ป. ร้อง “เขาเรียกผมว่า นายกรัฐมนตรี” ถึง 8 สมัย สุดท้ายก็มีเหตุรัฐประหาร ทำให้ท่านต้องไปอยู่ญี่ปุ่น มีบ้านพักอยู่ที่ย่านซากามิโอโน ชานกรุงโตเกียว
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แม่ทัพบกในขณะนั้น คือ ผู้นำรัฐประหาร แต่คนที่ถูก “ดัน” ให้เป็นนายกรัฐมนตรี คือ “พันตรีควง อภัยวงศ์” หนึ่งรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลของจอมพล ป. นั่นเอง
คนที่ถูกเรียก “นายกรัฐมนตรี” ที่สำคัญอีกท่านหนึ่ง คือ “จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์”
ไม่น่าเชื่อ หลังจาก พันตรีควง อภัยวงศ์แล้ว สยามประเทศมี “นายกรัฐมนตรี” ถึง 6 คน จอมพลสฤษดิ์ จึงเข้ามาประกาศ...บ้านเมืองนี้ “ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”...
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เราเป็นเด็กนักเรียนอยู่ นครปฐม ก่อนเข้ามาเรียนอุดมศึกษาที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ปี 2491
จอมพลสฤษดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2502 งานชิ้นสำคัญ คือ ประเทศไทย (ชื่อนี้เปลี่ยนจาก สยามประเทศ ในรัฐบาลจอมพล ป.) เริ่ม “แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ”
ท่านถูกเลิกเรียก “นายกรัฐมนตรี” ในปี 2506 เพราะโรคาพยาธิ ถึงแก่อสัญกรรมขณะดำรงตำแหน่ง
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายทหารที่ถูก “ดัน” และ “เรียก” เป็น “นายกรัฐมนตรี” คนสำคัญอีกท่านหนึ่งของเรา
ท่านถูกเรียกอยู่นาน งานสำคัญของท่านชิ้นหนึ่งเป็นผลทำให้ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ล่มสลาย
มีคนเรียก พลเอกเปรม เป็นนายกรัฐมนตรีถึง 3 สมัย
และมีคน “ดัน” ให้ท่านเป็น ผู้นำประเทศเป็นสมัยที่ 4 แต่เหลือเชื่อ ท่านปฏิเสธการเข้าไปเรียกท่านถึงที่พักอาศัย
ท่านบอกว่า ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีมาเพียงพอแล้ว
นั่นแหละ “น้าชาติ” - พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ถูก “ดัน” ขึ้นดำรงตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองในปี 2531 เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของประเทศไทย
ก็เหลือเชื่ออีกจนได้ เพราะงานของท่าน มุ่งหน้าอินโดจีนสถานเดียว ท่านพลิกแพลงสนามรบให้เป็นสนามการค้า
แต่แม้เป็น สนามการค้า อำนาจในการเปลี่ยนแปลงก็ยังคงเป็น “รัฐประหาร”
คณะทหารภายใต้ชื่อ “คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ” ขอ “ดัน” ให้ “อานันท์” เป็นนายกฯ
ผู้ดีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ อานันท์ ปันยารชุน ถูก “ดัน” เมื่อ 2 มีนาคม 2534
ก่อนที่เราจะเรียก “ใบมีดโกน” ชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2535 ประเทศไทยก็ ดัน ด้วยพลังธรรมชาติเล็กน้อยให้ “พลเอกสุจินดา คราประยูร” ดำรงตำแหน่ง
ท่านถูก “เรียก” ระยะสั้นสุดในบรรดาผู้นำประเทศนายทหารทั้งหลาย เพราะถูกเรียกอยู่เพียง 3 เดือน
นับแต่กาลครั้งนั้นมา โลกก็หมุนเวียนต่อไป ไม่สนใจใครจะถูก “ดัน” หรือถูก “เรียก"
คุณชวน เป็นคนที่ 20 ก่อนมาถึงคนที่ 29 “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”
“ลุงตู่” เป็นผู้ที่ถูก “เรียก” ตั้งแต่ ปี 2557 จนถึงเวลา “ดัน สมคิด เป็นนายกฯ”
เราเริ่มสนใจคนที่ถูก “ดัน” และถูก “เรียก” ให้ดำรงตำแหน่งสูงสุดทางการเมือง ตั้งแต่เข้าเรียนธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ 2493
ธรรมศาสตร์ตอนนั้น ดังเพราะมีดโกน นักศึกษารุ่นพี่คนหนึ่งของเราชื่อ อันดับ รองเดช ใช้มีดโกนกรีดเลือดที่แขนประท้วง Top boot ขอโดมท่าพระจันทร์คืนจากทหารรักษาดินแดน
ดังถึงขนาด รัฐบาลต้องเปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ จากชื่อ “มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง” เป็น “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์”
วันนี้ เราสูงวัยเกินไปสำหรับการออกแรง ใคร่ขอดัน “ข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้” สักจานก็ Happy เพียงพอ แล้วขอรับ...!
เรียกอะไรหรือ ?
“เอเรน...?” และ “ซาซาเกโย...?”
ไม่ใช่...นั่นเป็นเสียงร้องของ พี สะเดิด
ส่วนของเรา เขาเรียกว่า “นายกรัฐมนตรี” เริ่มเรียกมาตั้งแต่ปี 2475 ถึงวันนี้ก็ 90 ปี โดยคนที่ถูกเรียก คือ “ก้อน หุตะสิงห์”
ขณะเวลานั้น เราลืมตามองดูสยามประเทศแล้ว 3 วันสุดท้ายของเดือนมีนาคม 2474 ก่อนจะเป็นวันแรกของเดือนเมษายน ปี 2475
วันปีใหม่ของสยามประเทศตอนนั้น คือ 1 เมษายน
จากวันนั้นถึงวันนี้ เรามีชื่อเรียก “นายกรัฐมนตรี” มาแล้ว 29 ชื่อ
ชื่อลำดับที่ 29 ที่กำลังถูกเรียก คือ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”
ยุคบางช่วงบางตอนของบ้านเมืองเราขณะเวลานี้ มีคนถูกเรียกขึ้นมาประปราย เช่น ข่าว “ดัน สมคิด เป็นนายกฯ” เป็นต้น
คำถามที่ไม่จำเป็นต้องตอบ คือ เราควร “ดัน” หรือควร “เรียก” จะ “ดัน” หรือ “เรียก” มันก็บ่อน้ำวนบ่อเดียวกัน
ไม่มีความผิดสำหรับคนที่ดัน และคนที่เรียก
บ้านเมืองของเรา มี 29 คน ที่ถูกเรียก แต่ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่คนที่ถูกเรียกว่า “ดัน” หรือ “เรียก” เพราะเป็นแค่บางชื่อ ในบางช่วงบางตอนของยุคสมัย
“ก้อน หุตะสิงห์” เป็นนามเดิมของ “พระยามโนปกรณนิติธาดา” ท่านถูกเรียกได้เพียงปีเดียว ก็ถูกยึดอำนาจ
สยามประเทศ มี “รัฐประหาร” เป็นครั้งแรกในปี 2476 นำโดย “พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา” ท่านได้รับยศ “พลเอก” ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงตอนที่ท่านวางมือจากตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองแล้ว
จากนี้ สยามประเทศของเราก็มี “นายกรัฐมนตรี” เรืองนาม คือ “จอมพลแปลก พิบูลสงคราม” ท่านถูกสภาผู้แทนราษฎร “เรียก” นานถึง 15 ปี
จอมพล ป. ร้อง “เขาเรียกผมว่า นายกรัฐมนตรี” ถึง 8 สมัย สุดท้ายก็มีเหตุรัฐประหาร ทำให้ท่านต้องไปอยู่ญี่ปุ่น มีบ้านพักอยู่ที่ย่านซากามิโอโน ชานกรุงโตเกียว
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แม่ทัพบกในขณะนั้น คือ ผู้นำรัฐประหาร แต่คนที่ถูก “ดัน” ให้เป็นนายกรัฐมนตรี คือ “พันตรีควง อภัยวงศ์” หนึ่งรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลของจอมพล ป. นั่นเอง
คนที่ถูกเรียก “นายกรัฐมนตรี” ที่สำคัญอีกท่านหนึ่ง คือ “จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์”
ไม่น่าเชื่อ หลังจาก พันตรีควง อภัยวงศ์แล้ว สยามประเทศมี “นายกรัฐมนตรี” ถึง 6 คน จอมพลสฤษดิ์ จึงเข้ามาประกาศ...บ้านเมืองนี้ “ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”...
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เราเป็นเด็กนักเรียนอยู่ นครปฐม ก่อนเข้ามาเรียนอุดมศึกษาที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ปี 2491
จอมพลสฤษดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2502 งานชิ้นสำคัญ คือ ประเทศไทย (ชื่อนี้เปลี่ยนจาก สยามประเทศ ในรัฐบาลจอมพล ป.) เริ่ม “แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ”
ท่านถูกเลิกเรียก “นายกรัฐมนตรี” ในปี 2506 เพราะโรคาพยาธิ ถึงแก่อสัญกรรมขณะดำรงตำแหน่ง
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายทหารที่ถูก “ดัน” และ “เรียก” เป็น “นายกรัฐมนตรี” คนสำคัญอีกท่านหนึ่งของเรา
ท่านถูกเรียกอยู่นาน งานสำคัญของท่านชิ้นหนึ่งเป็นผลทำให้ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ล่มสลาย
มีคนเรียก พลเอกเปรม เป็นนายกรัฐมนตรีถึง 3 สมัย
และมีคน “ดัน” ให้ท่านเป็น ผู้นำประเทศเป็นสมัยที่ 4 แต่เหลือเชื่อ ท่านปฏิเสธการเข้าไปเรียกท่านถึงที่พักอาศัย
ท่านบอกว่า ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีมาเพียงพอแล้ว
นั่นแหละ “น้าชาติ” - พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ถูก “ดัน” ขึ้นดำรงตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองในปี 2531 เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของประเทศไทย
ก็เหลือเชื่ออีกจนได้ เพราะงานของท่าน มุ่งหน้าอินโดจีนสถานเดียว ท่านพลิกแพลงสนามรบให้เป็นสนามการค้า
แต่แม้เป็น สนามการค้า อำนาจในการเปลี่ยนแปลงก็ยังคงเป็น “รัฐประหาร”
คณะทหารภายใต้ชื่อ “คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ” ขอ “ดัน” ให้ “อานันท์” เป็นนายกฯ
ผู้ดีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ อานันท์ ปันยารชุน ถูก “ดัน” เมื่อ 2 มีนาคม 2534
ก่อนที่เราจะเรียก “ใบมีดโกน” ชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2535 ประเทศไทยก็ ดัน ด้วยพลังธรรมชาติเล็กน้อยให้ “พลเอกสุจินดา คราประยูร” ดำรงตำแหน่ง
ท่านถูก “เรียก” ระยะสั้นสุดในบรรดาผู้นำประเทศนายทหารทั้งหลาย เพราะถูกเรียกอยู่เพียง 3 เดือน
นับแต่กาลครั้งนั้นมา โลกก็หมุนเวียนต่อไป ไม่สนใจใครจะถูก “ดัน” หรือถูก “เรียก"
คุณชวน เป็นคนที่ 20 ก่อนมาถึงคนที่ 29 “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”
“ลุงตู่” เป็นผู้ที่ถูก “เรียก” ตั้งแต่ ปี 2557 จนถึงเวลา “ดัน สมคิด เป็นนายกฯ”
เราเริ่มสนใจคนที่ถูก “ดัน” และถูก “เรียก” ให้ดำรงตำแหน่งสูงสุดทางการเมือง ตั้งแต่เข้าเรียนธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ 2493
ธรรมศาสตร์ตอนนั้น ดังเพราะมีดโกน นักศึกษารุ่นพี่คนหนึ่งของเราชื่อ อันดับ รองเดช ใช้มีดโกนกรีดเลือดที่แขนประท้วง Top boot ขอโดมท่าพระจันทร์คืนจากทหารรักษาดินแดน
ดังถึงขนาด รัฐบาลต้องเปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ จากชื่อ “มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง” เป็น “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์”
วันนี้ เราสูงวัยเกินไปสำหรับการออกแรง ใคร่ขอดัน “ข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้” สักจานก็ Happy เพียงพอ แล้วขอรับ...!
เรื่องโดย : ไก่อ่อน
คอลัมน์ Online : ระหว่างเพื่อน
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/online/407764