ธุรกิจ
ทิพยประกันภัยฯ แกร่ง โชว์ผลงานกำไรปี 64 ทะลุ 1.8 พันล้าน
ทิพยประกันภัยฯ หรือ TIP ประกาศกำไรสุทธิ ปี 2564 ที่ 1,843 ล้านบาท กำไรสุทธิ/หุ้น 3.07 บาท โชว์เบี้ยประกันภัยรับทำนิวไฮใหม่ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้นในทุกประเภทผลิตภัณฑ์ ในส่วนของ ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ฯ หรือ TIPH ดร. สมพร สืบถวิลกุล ประกาศแผนธุรกิจประจำปี 2565 เดินหน้าการลงทุนใหม่ ผลักดันให้บริษัทลูกภายใต้ปีกของ TIPH สร้างมิติใหม่ให้แก่ธุรกิจประกันภัยในประ เทศไทย ยืนยันถึงความพร้อมด้านเงินทุน และจะสามารถรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผล เพื่อสร้างความยั่งยืนด้านการลงทุนให้ผู้ถือหุ้นในอนาคตได้
ดร. สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัด การใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยังคงมีกำไรสุทธิรวม 1,843 ล้านบาท กำไรสุทธิ/หุ้น 3.07 บาท ในส่วนของรายได้ TIP มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 29,410 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 15.79 เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นเบี้ยประกันภัยรับต่อปีที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับในทุกผลิตภัณฑ์ ประกอบกับมีรายได้ และกำไรจากเงินลงทุนรวม 864 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 14.48 ส่งผลให้ TIP มีรายได้รวมทั้งหมดที่ 13,614 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.85 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ในส่วนของงบการเงินรวมของ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2564 เท่ากับ 1,829 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ/หุ้นเท่ากับ 3.05 บาท ทั้งนี้เนื่อง จากการปรับโครงสร้างการถือหุ้น และการจัดการเพิ่งแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2564 และบริษัท ทิพยประกันภัย จำ กัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทย่อยอยู่ระหว่างการพิจารณาการจ่ายเงินปันผล ดังนั้น คณะกรรมการบริษัทของ TIPH จึงเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาและอนุมัติงดการจัดสรรกำไรเพื่อเป็นทุนสำรองตามกฎ หมาย และงดการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2564 อย่างไรก็ดี ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ได้มีมติเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประ ชุมผู้ถือหุ้นของ ทิพยประกันภัยฯ พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 1.50 บาท/หุ้นแล้ว ซึ่งเมื่อ TIPH ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ ทิพยประกันภัยฯ ได้รับเงินปันผลจาก ทิพยประกันภัยฯ แล้ว คณะกรรมการบริ ษัทจะพิจารณาการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของ TIPH ตามความเหมาะสม และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับปีที่ผ่านมาสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID -19 ได้ก่อให้เกิดผลกระทบกับภาพรวมของอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยในวงกว้าง แต่เนื่องจาก TIP ไม่มีการขายกรมธรรม์ประกันภัย COVID ประเภท เจอ จ่าย จบ ทำให้สามารถควบคุมความเสี่ยง และผลกระทบที่เกิดขึ้นให้อยู่ในวงจำกัด อีกทั้ง กรมธรรม์ประกันภัย COVID ส่วนใหญ่ที่ให้ความคุ้มครองอยู่จะทยอยหมดอายุความคุ้มครองในไตร มาสที่ 2/2565 แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชน TIP จึงยังคงมีการขายกรมธรรม์ประกันภัย COVID อยู่ แต่มีการปรับรูปแบบความคุ้มครองเฉพาะกรณีโคมาเท่านั้น
ในปี 2565 ถือเป็นปีแห่งการขยายธุรกิจของ TIPH หลังจากที่ในเดือน มค. 2565 ที่ผ่านมา TIPH เดินหมากแรกของปีด้วยการประกาศเข้าซื้อกิจการรวดเดียว 2 บริษัท เข้ามาอยู่ภายใต้โครงสร้างของกลุ่มธุรกิจสนับสนุนประกันภัย (Insurance Supported Business) ของกลุ่ม TIPH ได้แก่ บริษัท อะมิตี้ อินชัวร์รันซ์ โบรคเกอร์ จำกัด หรือ Amity ซึ่งประกอบธุรกิจตัวแทน และนายหน้าประกันวิ นาศภัย รวมถึงให้บริการงานที่เกี่ยวข้องกับงานสนับสนุนธุรกิจประกันภัย และผลิตภัณฑ์ประกันภัยครบวงจร และ บริษัท ดีพี เซอร์เวย์ แอนด์ลอว์ จำกัด หรือ DP Survey ซึ่งประกอบธุรกิจสำรวจอุบัติเหตุ และประเมินความเสียหายในธุรกิจประกันวินาศภัย ตรวจสภาพรถยนต์ก่อนทำประกันภัย และบริการสนับสนุนงานประกันภัยแบบครบวง จร ซึ่งการเข้าลงทุนดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อวางโครง สร้างของกลุ่มธุรกิจสนับสนุนประกันภัย (Insurance Sup ported Business) ของกลุ่ม TIPH เพื่อพัฒนาระบบนิ เวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ในการดำเนินธุร กิจของกลุ่มธุรกิจอย่างครบวงจร และรองรับการขยายธุร กิจของ TIP ในฐานะบริษัทแกนหลักของกลุ่ม และบริษัทประกันใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive Advantage) ให้แก่การดำเนินธุรกิจของกลุ่ม TIPH ในระยะยาว
นอกจากนี้สำหรับแผนการลงทุนของ TIPH ในปี 2565 นั้น ดร. สมพร กล่าวว่า ก้าวต่อไปของ TIPH คือ การเดินหน้าสร้างมิติใหม่ให้แก่วงการประกันภัยในประเทศไทยให้ได้ภายในปี 2565 ด้วยการเร่งดำเนินการการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อกิจการของบริษัทประกันภัย เพื่อรองรับการแยกหน่วยธุรกิจประกันภัยที่มีศักยภาพของบริ ษัทในกลุ่มออกเป็นบริษัทประกันภัยใหม่ (Spin-Off) อย่างน้อย 2 บริษัทในปีนี้ ในรูปแบบของบริษัทประกันภัยดิจิทอล 100 % แห่งแรกของประเทศไทย และบริษัทประกันภัย Takaful แห่งแรกของประเทศไทย รวมทั้งการตั้งบริษัทด้านเทคโนโลยีสำหรับกลุ่มธุรกิจประกันภัย 100 % หรือ Technology Company for Insurance Business แห่งแรกของประเทศไทย ให้เกิดขึ้นภายในปี 2565 นี้
ทั้งนี้ ความพร้อมของบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ( มหาชน) ที่จะสยายปีกเพื่อเดินหน้าสู่การเป็นกลุ่มธุรกิจประ กันภัยชั้นนำในภูมิภาคอย่างแท้จริงจากความแข็งแกร่ง ของโครงสร้างกลุ่มธุรกิจ และบริษัทลูกใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งโครงสร้างกลุ่มผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่ง ที่พร้อมสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจ และ TIPH ยังได้รับการสนับสนุนแหล่งเงินทุนเป็นอย่างดีจากธนาคารพาณิชย์ชั้นนำในประเทศไทย ส่งผลให้มีต้นทุนทางการเงินที่แข่ง ขันได้ และยังมีแผนที่จะระดมทุนโดยการออกหุ้นกู้ในอนา คตอีกด้วย ดังนั้น TIPH ยังคงยืนยันถึงความพร้อมด้านเงินทุนสำหรับการดำเนินธุรกิจตามแผนการดังกล่าว และไม่มีแผนที่จะเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นแน่นอน รวมทั้งเป้าหมายที่ทุกธุรกิจภายใต้กลุ่มของ TIPH ต้องเป็นธุรกิจที่มีกำไรเท่านั้น TIPH จึงมั่นใจว่าจะสามารถรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในระดับที่ไม่ต่ำกว่าเดิม และสร้างผลตอบ แทนให้แก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืนในอนาคตได้ ดร. สมพร กล่าวทิ้งท้าย
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/401840