ธุรกิจ
Mitsubishi จัดโครงการ Solar for Lives
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) กับกระทรวงสาธารณสุข การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) ริเริ่มโครงการด้านสิ่งแวดล้อม “Solar for Lives: พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” โดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย)ฯ จะทำหน้าที่ในการติดตั้งระบบแผงพลังงานแสงอาทิตย์ หรือแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อช่วยผลิตพลังงานไฟฟ้าให้แก่โรงพยาบาลชุมชนต่างๆ ในพื้นที่ทั่วประเทศ
ภายใต้ความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) ในระยะต้นของโครงการนี้ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทุ่มงบประมาณ 60 ล้านบาท เพื่อใช้ในการติดตั้ง และส่งมอบระบบแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งครอบคลุมถึงการดูแลรักษารายปี ให้แก่โรงพยาบาลชุมชนรวม 40 แห่งทั่วประเทศ ภายในปี 2575 โดยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ดังกล่าว จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 25 ปี โครงการ Solar for Lives นี้ คาดว่าจะช่วยลดการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ของโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการได้ถึงกว่า 17,300 ตัน ในระยะเวลา 10 ปีจากนี้ นอกจากนี้ ยังช่วยโรงพยาบาลแต่ละแห่งที่เข้าร่วมโครงการลดค่าไฟได้มากถึง 400,000 บาท/ปี
เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในฐานะส่วนหนึ่งของสังคมไทย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย)ฯ อยากเห็นคนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น ดังนั้น โครงการ "Solar for Lives" จึงได้ริเริ่มขึ้น ตามแนวทางการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ของเราที่ว่า “สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย” ผ่านหลักสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ โครงการนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้น ด้วยการสนับสนุนช่วยเหลือโรงพยาบาลชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมทั้งดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นเพื่อเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย)ฯ มีทิศทางในการสนับสนุนช่วยเหลือสังคมที่ชัดเจน และมุ่งหน้าดำเนินกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนสมดุล เราได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงานที่แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยลดการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ให้ลดลงมากกว่า 6,100 ตัน/ปี รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์ Mitsubishi Outlander PHEV ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด จากการศึกษาการประเมินการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ ตามวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment-LCA) ของ Mitsubishi Motors Corporation นอกจากนี้ เรายังสนับสนุนการลดการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ ผ่านโครงการ "ปลูกป่า 60 ปี 60 ไร่" ด้วย
จากแนวทางคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข การคัดเลือกโรงพยาบาลชุมชนที่จะได้รับการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ขึ้นอยู่กับความต้องการ และโครงสร้างทางกายภาพของโรงพยาบาลเหล่านั้นเป็นสำคัญ ซึ่งโรงพยาบาลน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น จะเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของโครงการที่จะมีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์
นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า โรงพยาบาลต่างๆ มีการใช้พลังงานจำนวนมากในการให้บริการทางการแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมง โดยโรงพยาบาลในชุมชนมีแนวโน้มการขยายการให้บริการตามแผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service plan) ของโรงพยาบาล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงโดยสะดวกของประชาชน อย่างไรก็ตาม การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่โรงพยาบาลชุมชนในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการบริการ และโอกาสในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่ดีได้ ดังนั้น โครงการนี้ จึงสามารถช่วยสนับสนุนภารกิจของกระทรวงสาธารณสุขได้อย่างชัดเจน ด้วยการสร้างแหล่งพลังงานที่มีความยั่งยืนให้แก่โรงพยาบาล อีกทั้งยังสามารถส่งเสริมเป้าหมายยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในการนำพาประเทศไทยก้าวไปสู่สังคมคาร์บอนสมดุลด้วย
สุทธิพงษ์ เฉลิมเกียรติ ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารจัดการความยั่งยืน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือภายใต้โครงการ “Solar For Lives: พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” กฟผ. ได้สนับสนุนการดำเนินการ พร้อมให้คำแนะนำเชิงเทคนิคเกี่ยวกับการบำรุงรักษาเซลล์แสงอาทิตย์ รวมถึงสนับสนุนกระบวนการออกใบรับรองสิทธิ์ในการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate หรือ REC) ซึ่ง กฟผ. ได้รับสิทธิ์ให้เป็นผู้ดำเนินการซื้อขายสิทธิ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพียงรายเดียวของประเทศไทย เพื่อรองรับความต้องการของบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งต้องการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานสีเขียว (กลุ่มบริษัท RE100) นอกจากนี้ ในอนาคต กฟผ. จะร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย)ฯ ต่อไปด้วย
ทั้งนี้ กฟผ. พร้อมผลักดันเป้าหมายของประเทศไทยที่มุ่งสู่พลังงานสะอาด และได้กำหนดนโยบายมุ่งสู่ “EGAT Carbon Neutrality” ภายในปี 2050 ภายใต้กลยุทธ์ “Triple S” คือ 1. Sources Transformation ด้วยการกำหนดสัดส่วนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยบูรณาการนวัตกรรมด้านพลังงานหมุนเวียนให้สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง และมีเสถียรภาพ อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับเขื่อนพลังน้ำ และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบทเตอรี มีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 5,325 เมกะวัตต์ ในปี 2580 2. Sink Co-creation หรือการดูดซับเก็บกักคาร์บอนอย่างมีส่วนร่วม อาทิ กฟผ. พร้อมพันธมิตรตั้งเป้าปลูกป่าจำนวน 1 ล้านไร่ ภายใต้โครงการปลูกป่า 1 ล้านไร่อย่างมีส่วนร่วม ภายในระยะเวลา 10 ปี ระหว่างปี 2565 - 2574 และ 3. Support Measures Mechanism คือ กลไกการสนับสนุนโครงการชดเชย และหลีกเลี่ยงการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นรูปธรรม โดย กฟผ. ดำเนินโครงการส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความต้องการใช้ไฟฟ้า และช่วยหลีกเลี่ยงการปลดปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้า อาทิ โครงการฉลากเบอร์ 5
สำหรับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) ในฐานะอีกหนึ่งพันธมิตรของโครงการจะให้การสนับสนุนความร่วมมือด้านเทคนิค และวิชาการ เกี่ยวกับการลดการปล่อยแกสเรือนกระจก และให้ข้อมูลของกระบวนการ และหลักเกณฑ์การขอขึ้นทะเบียนโครงการลดแกสเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER)
เกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก กล่าวถึงบทบาท และภารกิจขององค์การว่า อบก. เป็นองค์กรสนับสนุนหลักในการขับเคลื่อนการลดแกสเรือนกระจกให้ประเทศไทย มุ่งสู่เศรษฐกิจสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน (Driving Ambition for Carbon Neutrality) โดยมีการผนึกกำลังความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคท้องถิ่น/ชุมชน เพื่อส่งเสริม และสนับสนุนเป้าหมายการลดการปล่อยแกสเรือนกระจกของประเทศตามเจตนารมณ์ภายใต้ความตกลงปารีส และเป็นหน่วยงานให้การรับรองคาร์บอนเครดิทเพียงองค์กรเดียวในประเทศ ซึ่ง อบก. ได้พัฒนาโครงการลดแกสเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program) หรือ “โครงการ T-VER” ขึ้น เพื่อเป็นกลไกในการส่งเสริมให้เกิดการลดการปล่อยแกสเรือนกระจกในประเทศ ซึ่ง อบก. จะเป็นผู้ให้การขึ้นทะเบียนโครงการ และรับรองปริมาณแกสเรือนกระจกที่ลด/กักเก็บได้ ในหน่วย “ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า” หรือเรียกว่า “คาร์บอนเครดิท” โดยสามารถนำไปแลกเปลี่ยน หรือซื้อ/ขาย เพื่อนำไปใช้ในการชดเชยการปล่อยแกสเรือนกระจกจากองค์กร งานอีเวนท์ ผลิตภัณฑ์ หรือบุคคลได้
ทั้งนี้ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการส่งมอบ และติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ ให้แก่โรงพยาบาลชุมชน ระหว่างบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการส่งเสริมให้เกิดการลดแกสเรือนกระจกในระดับท้องถิ่น และยังเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าให้แก่โรงพยาบาลชุมชนอีกด้วย ซึ่งกิจกรรมนี้สามารถพัฒนาเป็นโครงการ T-VER และขอรับรองคาร์บอนเครดิทได้”
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย)ฯ มีบทบาทสำคัญในการสร้างสังคมคาร์บอนสมดุล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของ Mitsubishi Motors Corporation และด้วยนโยบายดังกล่าว Mitsubishi Motors Corporation คาดว่าจะช่วยลดการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ 40 % จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ และจากการดำเนินธุรกิจของ Mitsubishi Motors Corporation และการเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 50 % จากยอดจำหน่ายรถยนต์ Mitsubishi ทั้งหมดในปี 2573
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/396896