ระหว่างเพื่อน
ไก่อ่อน (ระหว่างเพื่อน): วันใหม่ปีใหม่
เพื่อความสุขของชีวิต ขอส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ท่านผู้อ่านที่นับถือทุกท่าน ด้วยเรื่อง "1 ใน 3 สถาบันหลัก" ของบ้านนี้เมืองนี้ คือ เรื่องพระพุทธศาสนาพระพุทธศาสนา เป็นศาสนาสำหรับชาติประเทศของเรา ทั้งนี้ เป็นไปตามธรรมาธิบายที่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานไว้ในพระราชนิพนธ์ เรื่อง “เทศนาเสือป่า” “...พุทธศาสนาเป็นของไทย เรามาชวนกันนับถือพระพุทธศาสนาเถิด” “เราทั้งหลายผู้เป็นไทยจะต้องมั่นอยู่ใน พระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาสำหรับชาติเรา...” “...ไม่มีแห่งใดในโลกที่จะ ถือจริง รู้จริง เท่าในเมืองไทยเรา” “เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องตั้งใจที่จะรักษาความมั่นคง ของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยอย่าให้มีอันตรายมาถึง...” “...ต้องรักษาไว้เพื่อให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานของเราทั้งหลาย ให้เขารักษากันต่อไป” “...ขอท่านทั้งหลายที่นั่งฟังอยู่ ผู้ที่ตะเกียกตะกายอยากเป็นฝรั่ง อย่าทำเหมือนฝรั่ง ในทางธรรมเลย” “ถ้าจะเอาอย่างฝรั่ง จงเอาอย่างในทางที่ฝรั่งเขาทำดี คือ ในทางวิชาการบางอย่าง...” “แต่การรักษาศีล รักษาธรรม เรามีตัวอย่างดีกว่าฝรั่งเป็นอันมาก ถือพระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่างของเราแล้ว เรามีตัวอย่างหาที่เปรียบเสมอเหมือนมิได้...” “เราจะรวมกัน ไม่ว่าในเวลานี้ ชอบกันหรือชังกัน เราจะถือว่าเราเป็นไทยด้วยกันหมด” (ประการสำคัญ) “เราจะต้องรักษาความเป็นไทยของเราให้ยั่งยืน เราจะต้องรักษาพระพุทธศาสนาให้ ถาวรวัฒนาการ อย่างที่เป็นมาแล้วหลายชั่วโคตรของเราทั้งหลาย...” วันนี้ เราแน่ใจว่า ไม่ได้ตั้งใจเล่นบทธรรมกถึกขึ้นนั่งธรรมมาสน์แสดงธรรม แต่ขอเพียงเตือนใจท่านทั้งหลาย โดยเฉพาะบรรดานิกรชนผู้เกิดมาร่วมรัชกาลเดียวกันกับ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ซึ่งเรา-ท่านทั้งหลายต่างรับความสุขใต้ร่มพระบารมีตลอดมา สมดัง พระปฐมบรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาของพระองค์ เห็นได้ชัดในปี 2499 หลังเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติแล้ว 10 ปี ในวันที่ 18 ตุลาคม 2499 ทรงแถลงพระราชดำริที่จะเสด็จออกทรงพระผนวช ต่อมหาสมาคม อันประกอบด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และคณะทูตานุทูต มีความตอนหนึ่งว่า “โดยที่พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ดีศาสนาหนึ่ง เนื่องในบรรดาสัจธรรมคำสั่งสอนอันชอบด้วยเหตุผล จึงเคยคิดอยู่ว่าถ้าโอกาสอำนวย ข้าพเจ้าควรจักได้บวชสักเวลาหนึ่งตามราชประเพณี ซึ่งจักเป็นทางสนองพระเดชพระคุณพระราชบุพการีตามคตินิยมด้วย...” จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ก็ได้ทรงพระผนวช ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันที่ 22 ตุลาคม 2499 วิถึชีวิตคนไทยนั้นหนอ ตั้งแต่เกิดจนถึงตาย ล้วนผ่านขั้นตอนของชีวิตที่ผูกพันกับพระพุทธศาสนา ท่านผู้อ่านบางท่านอาจถามว่า ราชอาณาจักรไทยมีวัดพุทธจำนวนมากน้อยเท่าใด กล่าวกันว่า มีมากกว่า 4 หมื่นวัด และมีพระสงฆ์ไม่ต่ำกว่า 2 แสนรูป ชีวิตคนเรา ย่อม “เกิด แก่ เจ็บ ตาย” ยามใดชีวิตเกิดทุกข์ หรือเกิดความท้อแท้ ยามนั้นวัดพุทธก็จะเข้ามาหา เข้ามาพร้อมกับ ธรรมะ อันเป็นสิ่งที่ผูกพันด้วยความปลอบประโลมใจ และให้กำลังใจ นี่แหละ พระสงฆ์ทั้งหลายจึงมีสถานภาพเป็นศูนย์กลางของประชาคม รวมทั้งกิจการทางสังคม เช่น งานนักขัตฤกษ์ และเทศกาลสำคัญ สัมพันธ์กับการทำบุญสร้างกุศลตามคติธรรมทางพระพุทธศาสนา เราเรียนหนังสืออยู่ที่นครปฐมตั้งแต่เล็ก จนจบชั้นมัธยม 6 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกระดับชั้นที่เข้าห้องเรียนก็ต้องสวดมนต์ทุกวัน ชีวิตการศึกษาของเรา ใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนามาตลอด เข้ากรุงเทพฯ มาเรียนต่อที่ สวนกุหลาบวิทยาลัย ก็อยู่ติดกับวัดเลียบ อาศัยอยู่บ้านพักบ้านขมื้นก็ใกล้วัดระฆัง เรียนจบ ม. 8 แล้วเรียนการบัญชีต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ก็ต้องเรียนอยู่ตึกยาวตรงข้ามวัดมหาธาตุท่าพระจันทร์ และที่นครปฐมนี้เอง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้ทรงสร้างพระพุทธรูป ด้านหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ มีชื่อรู้จักกันทั่วไป คือ “พระร่วงโรจนฤทธิ์” โดยชื่อเต็มๆ คือ “พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ธรรโมภาส มหาวชิราวุธราชปูชนิยบพิตร” เรานับถือพระพุทธศาสนา ครอบครัวของเราก็เป็นครอบครัวผู้ประกาศตนว่า ผู้นับถือ พระพุทธศาสนา มารดาของเรานอกจากชอบดูลิเกแล้ว ชอบไปวัดพุทธ คุณแม่รู้จักหลวงปู่หลายรูปหลายอำเภอ รวมทั้งหลวงปู่วัดป่าโมกข์ และพระคุณเจ้าหลวงปู่ใหญ่ (พระธรรมเจติยาจารย์) วัดสเน่หา นครปฐม ตามเรื่องที่เล่ากันมา คนไทยเริ่มรวมตัวสร้างบ้านแปงเมืองในพุทธศตวรรษที่ 18 ด้วยศรัทธาน้อมรับ เอาพระพุทธศาสนามาเป็นแก่นความเชื่อ จนปรากฏว่า พระพุทธศาสนาเถรวาท ประดิษฐานลงอย่างมั่นคงบนรัฐของคนไทย ตั้งแต่ สุโขทัย ล้านนา อยุธยา กรุงธน และกรุงเทพฯ ไม่เพียงแต่คนไทย ความนับถือพระพุทธศาสนานี้ เป็นความเชื่อหลักของประชาคมบนภาคพื้นทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เว้นแต่ชาวเวียดนาม ซึ่งนับถือพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานแบบจีน พระพุทธศาสนาเถรวาทแบบลังกาวงศ์ ได้รับการพัฒนาจากประชาคมคนไทยตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ก่อให้เกิดความเข้มแข็งเป็น “สถาบันทางสังคม” เป็นที่มาแห่งอุดมการณ์อันสูงสุดของความเป็นราชอาณาจักรไทย ครั้นถึงพุทธศตวรรษที่ 25 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงยกย่องให้พระพุทธศาสนาเป็นหนึ่งในสถาบันหลักทั้ง 3 อันได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ...สุขสันต์วันใหม่ ปีใหม่ทุกท่านครับ...!!!
เรื่องโดย : ไก่อ่อน
คอลัมน์ Online : ระหว่างเพื่อน (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/396099