ธุรกิจ
BMW Motorrad เปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่

BMW Motorrad ประเทศไทย เผยโฉมมอเตอร์ไซค์ครูเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่พร้อมออกโลดแล่นบนท้องถนน กับการเปิดตัว BMW R 18 Transcontinental (บีเอมดับเบิลยู อาร์ 18 ทรานคอนทิเนนทัล) และ BMW R 18 B "Bagger" (บีเอมดับเบิลยู อาร์ 18 บี "แบกเกอร์") ที่ผสมผสานความหรูหรา ความมีสไตล์ และสมรรถนะเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดยมอเตอร์ไซค์ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับพลังเต็มเปี่ยมจากเครื่องยนต์ "บิกบอกเซอร์" ที่ใจกลางแชสซีส์สุดคลาสสิค ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของ BMW Motorrad (บีเอมดับเบิลยู มอเตอร์ราด)
มอเตอร์ไซค์ BMW R 18 Transcontinental ได้รับการออกแบบ และวางโครงสร้างทางวิศวกรรมเพื่อรองรับการขับขี่ทางไกล เพียบพร้อมด้วยความสบาย ปราดเปรียว และลุคที่โดดเด่นที่จะยกระดับทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพียงลำพัง หรือพร้อมผู้โดยสารซ้อนท้ายและกระเป๋าสัมภาระก็ตาม ส่วน BMW R 18 B ได้รับการออกแบบให้เป็นมอเตอร์ไซค์สำหรับผู้รักการขับขี่ มอบประสบการณ์ความพึงพอใจที่เหนือกว่าสำหรับแฟนมอเตอร์ไซค์พันธุ์แท้ เติมเต็มที่สุดแห่งการขับขี่บนท้องถนน
มิเกล ญาเบรส-โปห์ล ผู้อำนวยการ BMW Motorrad เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผู้นำเข้าประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า BMW R 18 Transcontinental และ BMW R 18 B นับว่าเป็นดาวดวงใหม่ในในครอบครัวมอเตอร์ไซค์ทัวริงของเรา ด้วยการดีไซจ์นที่สมบูรณ์แบบสำหรับการขับขี่อย่างเพลิดเพลิน ทั้งทางใกล้ และทางไกล BMW R 18 ทั้ง 2 รุ่นใหม่นี้ จึงสะท้อนจิตวิญญาณเสรีของ BMW Motorrad ได้เป็นอย่างดี ด้านการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากระบบสรีรศาสตร์ ช่วยให้มอเตอร์ไซค์ทั้ง 2 รุ่นเหมาะแก่การขับขี่แบบครูซิง และทัวริง อย่างสะดวกสบายได้ในทุกสภาพอากาศ และเช่นเดียวกับมอเตอร์ไซค์ BMW R 18 รุ่นก่อนหน้านี้ BMW R 18 Transcontinental และ BMW R 18 B ยังคงมาพร้อมกับสมรรถนะที่โดดเด่น ด้วยขุมกำลังเครื่องยนต์บอกเซอร์ของ BMW ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ส่งพลังสู่ 2 ล้อ และด้วยทรวดทรงของตัวรถที่มาในมาดเข้มดุดัน ผมจึงมั่นใจว่ามอเตอร์ไซค์ทั้ง 2 รุ่นนี้จะสามารถสะกดทุกสายตาบนท้องถนน ทั้งการขับขี่ในตัวเมือง และต่างจังหวัดได้อย่างแน่นอน”
BMW R 18 Transcontinental “First Edition” ใหม่ จำหน่ายในราคา 1,640,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
BMW R 18 B “First Edition” ใหม่ จำหน่ายในราคา 1,500,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
มอเตอร์ไซค์ BMW R 18 Transcontinental ใหม่ โดดเด่นด้วยความเป็นมอเตอร์ไซค์ทัวริงหรูหรา ขณะที่ BMW R 18 B ใหม่ มาพร้อมความเป็นมอเตอร์ไซค์สไตล์แบกเกอร์เต็มตัว ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูทั้งเรียบง่าย และปราดเปรียว พร้อมด้วยกระเป๋าสัมภาระข้างรถที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับฝาครอบไฟหน้ารถ และสำหรับรุ่น R 18 Transcontinental จะมีกล่องสัมภาระท้ายรถ (top case) อีกด้วย ส่วนประกอบเพื่อการใช้งาน และดีไซจ์นต่างๆ อาทิ โครงสร้างเหล็กกล้า 2 ชั้น ถังน้ำมันทรงหยดน้ำขนาด 24 ลิตร เพลาแบบเปิดเปลือย พร้อมลูกเล่นการทำสีแบบลายเส้นคู่ ล้วนสะท้อนถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมอเตอร์ไซค์แบบทัวริง และครูเซอร์ยอดนิยม และด้วยระบบสวิงอาร์มคู่ขนาบข้าง และคานรับน้ำหนักแบบยื่น โครงสร้างตัวรถอันแข็งแกร่งจากมอเตอร์ไซค์ระดับตำนานอย่าง BMW R 5 จึงถูกถ่ายทอดสู่ยุคปัจจุบันได้อย่างดีเยี่ยม
หัวใจหลักของมอเตอร์ไซค์ BMW R 18 Transcontinental และ R 18 B ใหม่ คือ เครื่องยนต์บอกเซอร์ 2 สูบ ที่เรียกว่า "บิกบอกเซอร์” ซึ่งนับเป็นเครื่องยนต์แบบ 2 สูบวางเรียง ที่มีสมรรถนะสูงสุดในรถมอเตอร์ไซค์ที่ผลิตออกจำหน่ายในตลาดทั่วไป ด้วยความจุ 1,802 ซีซี ส่งพละกำลังสูงสุด 67 กิโลวัตต์ (91 แรงม้า) ที่ 4,750 รอตน. ส่งแรงบิดมากกว่า 150 นิวตัน-เมตร ตลอดในช่วง 2,000 ถึง 4,000 รตน. พร้อมพลังขับเคลื่อน และเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มเร้าใจ
ด้านแชสซีส์ของ BMW R 18 Transcontinental และ R 18 B ใหม่ เป็นโครงสร้างเหล็กกล้า 2 ชั้น พร้อมแกนหลักชิ้นส่วนขึ้นรูปจากแผ่นเหล็ก ทั้งยังโดดเด่นด้วยมาตรฐานการผลิตคุณภาพสูง และความประณีตในรายละเอียดต่างๆ เช่น การเชื่อมข้อต่อระหว่างโครงสร้างเหล็ก และการขึ้นรูปชิ้นส่วนเหล็กหล่อต่างๆ นอกจากนี้ สวิงอาร์มหลังยังยึดต่อกับเพลาหลังด้วยข้อต่อสลักเกลียวแบบดั้งเดิม
ระบบช่วงล่างของ BMW R 18 Transcontinental และ R 18 B ใหม่ ใช้ช่วงล่างแบบเทเลสโคปิค และระบบสวิงอาร์มที่ติดตั้งโดยตรงบนคานรับน้ำหนักแบบยื่นที่สามารถปรับตั้งค่าความหนืด และการยุบตัวของสปริงได้ เพื่อให้ควบคุมล้อที่หล่อด้วยวัสดุอัลลอยน้ำหนักเบาชั้นเลิศได้อย่างแม่นยำ พร้อมมอบการขับขี่ที่นุ่มสบาย คานรับน้ำหนักด้านหลังสามารถปรับตั้งค่าความหนืดได้ และมีระบบชดเชยโหลดอัตโนมัติเพื่อตอบสนองการขับขี่ที่เหนือระดับ และเช่นเดียวกับรถรุ่นตำนานอย่าง BMW R 5 แกนชอคอับหน้าแบบเทเลสโคปิคของ R 18 ทั้ง 2 รุ่นก็มาพร้อมกับปลอกหุ้มชอคอับ นอกจากนี้ ทั้ง 2 รุ่นยังมาพร้อมกับระบบดิสค์เบรคคู่ที่ล้อหน้า และดิสค์เบรคเดี่ยวที่ล้อหลัง ทำงานร่วมกับคาลิเพอร์เบรคแบบตายตัว 4 ลูกสูบ และระบบเบรคเอบีเอสของ BMW Motorrad
BMW R 18 Transcontinental และ R 18 B ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานอย่างครบครัน เช่น ระบบควบคุมการขับขี่แบบอีเลคทรอนิคส์ DCC (Dynamic Cruise Control) และระบบควบคุมการขับขี่แบบ Active Cruise Control (ACC) ทั้งนี้ ระบบ DCC จะเป็นการควบคุมระดับความเร็วในการขับขี่อัตโนมัติที่ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าได้ด้วยตัวเอง ส่วนระบบ ACC จะช่วยให้สามารถขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยระบบควบคุมระยะห่างจากคันหน้า โดยระบบตรวจจับด้วยเรดาร์ที่ติดตั้งบนฝาครอบไฟหน้ารถจะช่วยกำหนดให้มอเตอร์ไซค์เร่งความเร็วเพื่อปรับระดับความเร็วได้โดยอัตโนมัติ หรือเปิดใช้งานระบบเบรคมาตรฐานใหม่เพื่อลดความเร็ว นอกจากนี้ ระบบ ACC ยังช่วยเสริมความปลอดภัยในการเข้าโค้ง และในยามจำเป็น ระบบควบคุมการเข้าโค้งจะชะลอความเร็ว เพื่อให้ผู้ขับขี่ใช้ความเร็วที่เหมาะสมกับมุมเอียงของถนนเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ
มอเตอร์ไซค์ BMWR 18 Transcontinental ติดตั้งเบาะที่นั่งที่นุ่มสบายพร้อมระบบอุ่นเบาะที่นั่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อความสบายในการขับขี่ทางไกล แม้มีคนนั่งซ้อนท้าย ส่วนเบาะที่นั่งในรุ่น R 18 B เป็นเบาะที่นั่งสำหรับ 2 คนที่มีขนาดเล็กลง BMW R 18 Transcontinental ใหม่ มาพร้อมบันไดข้างเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนรุ่น R 18 B ใหม่ มากับที่พักเท้าที่กว้างขึ้น และสะดวกสบายยิ่งขึ้นกว่า R 18 รุ่นก่อนหน้า
ส่วนขับขี่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับมาตรวัดแบบแอนาลอก หน้าปัดทรงกลม 4 ช่อง และจอสีแสดงผลแบบ TFT ขนาด 10.25 นิ้ว พิมพ์ตัวอักษร "BERLIN BUILT" เสริมความคลาสสิคให้ BMW R 18 Transcontinental และ R 18 B ใหม่ จอสีแสดงผลแบบ TFT ยังสามารถอ่านได้ง่าย และสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน BMW Connected App เสริมความสะดวกในการใช้งาน และแสดงข้อมูลการขับขี่อย่างเต็มที่
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย มอเตอร์ไซค์ทั้ง 2 รุ่นยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่มาตรฐาน 3 โหมด ได้แก่ "Rain", "Roll" และ "Rock" อุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ ระบบไฟหน้าปรับตามทิศทางการขับขี่ ระบบควบคุมการทรงตัวแบบอัตโนมัติ (ASC) และระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ส่วนระบบเกียร์ถอยหลังจะช่วยให้การกลับรถเป็นเรื่องง่าย ทั้งยังมีระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน (Hill Start Control) ที่จะช่วยให้การออกตัวขึ้นเขาเป็นไปได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ มอเตอร์ไซค์ทั้ง 2 รุ่น ยังมาพร้อมกับระบบป้องกันการโจรกรรม และระบบเซนทรัลลอค เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
BMW R 18 Transcontinental และ R 18 B ใหม่ มาพร้อมกับประสบการณ์เครื่องเสียงคุณภาพ โดยพัฒนาร่วมกับผู้ผลิตเครื่องเสียงสัญชาติอังกฤษอย่าง Marshall และลำโพงแบบ two-way (แยกซับวูเฟอร์) ที่ติดตั้งบนหน้าปัดของฝาครอบไฟหน้ารถ พร้อมด้วยหน้ากากลำโพงสีดำที่แต่งด้วยตัวอักษร Marshall สีขาว เสริมลุคคลาสสิคให้แก่มอเตอร์ไซค์ โดย BMW R 18 B มาพร้อมกับระบบเครื่องเสียง Marshall Gold Series Stage 1 ซึ่งประกอบด้วยลำโพง 2 ตัว และซับวูเฟอร์ 2 ตัว ในขณะที่ BMW R 18 Transcontinental ติดตั้งระบบเครื่องเสียง Marshall Gold Series Stage 2 มาพร้อมลำโพง 4 ตัว และซับวูเฟอร์ 2 ตัว ด้วยกำลัง 280 วัตต์
ในการเปิดตัวครั้งนี้ มอเตอร์ไซค์ BMW R 18 Transcontinental และ R 18 B ใหม่ จะวางจำหน่ายแบบเอกซ์คลูซีฟ ในรุ่น “First Edition” ที่ผสมผสานลุคมาตรฐานของ BMW R 18 เข้ากับเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยการเลือกใช้สีดำคลาสสิคตัดกับลายเส้นคู่สีขาว โดดเด่นด้วยพื้นผิวที่ออกแบบเป็นพิเศษ (สีโครเมียม) เบาะที่นั่งปักลวดลายด้วยวัสดุคุณภาพสูง พร้อมอักษร "First Edition” นอกจากนี้ ลูกค้าที่ซื้อมอเตอร์ไซค์ BMW R 18 Transcontinental “First Edition” หรือ BMW R 18 B “First Edition” ยังจะได้รับ Welcome Box สุดพิเศษ ที่มาพร้อมกับไอเทมสุดเอกซ์คลูซีฟ เพื่อต้อนรับการมาถึงของมอเตอร์ไซค์ทั้ง 2 รุ่น สู่ประเทศไทยอีกด้วย