สำนักข่าว Bloomburg รายงานข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Rohm ผู้ผลิตเซมิคอนดัคเตอร์รายใหญ่ สัญชาติญี่ปุ่น วิเคราะห์ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ ที่กำลังเกิดขึ้นเวลานี้ ชี้ว่า จะลากยาวไปจนถึงปีหน้าทั้งปี เพราะว่า ไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้น แต่เป็นปัญหาในด้านการจัดส่ง หรือโลจิสติคส์Isao Matsumoto ซีอีโอ Rohm ยืนยันว่า ปัจจุบันสายการผลิตชิพ ดำเนินการเต็ม 100 % เพื่อเร่งให้ทันกับคำสั่งซื้อจากอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยมีลูกค้ารายใหญ่ อย่าง Ford, Toyota และ Honda แต่จากปัญหาของการขาดแคลน ทำให้คำสั่งซื้อที่เข้ามานั้นมีมากจนล้มหลาม และการจะลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต จะไม่ช่วยให้สามารถได้ผลกำไรคืนทุนกลับมารวดเร็วเท่าใดนัก แต่กระนั้น บริษัท ก็เตรียมจะลงทุนเพิ่มเติมอีก 636 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 19,080 ล้านบาท เพื่อพัฒนาสายการผลิตให้สามารถผลิตได้เต็มที่ แต่ก็ยังติดปัญหาของเครื่องจักร ที่ไม่สามารถจัดส่งให้ได้ทันเวลา อันเนื่องจากการระบาดร้ายแรงของ COVID-19 ในปัจจุบัน Isao Matsumoto กล่าวต่อว่า แม้ลูกค้ายืนยันที่จะจ่ายเงินเพิ่มเติม เพื่อต้องการให้ได้ชิพเพิ่ม และเร็วขึ้น ก็ไม่ช่วยอะไรได้มากนัก เพราะปัจจุบัน ก็ไม่มีเพียงพอที่จะส่งมอบอยู่แล้ว ปัญหาของวัตถุดิบ จำพวกโครงสร้างที่เกี่ยวกับเหล็กขนาดเล็กที่อยู่ภายในชิพ นำมาใช้ในการผลิต ที่จะสามารถส่งให้ได้ทันเวลา เป็นปัญหาใหญ่ที่โรงงานเองก็ปวดหัวมากอยู่แล้ว บรรดาผู้ผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ และชิพ รวมทั้งผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ ต่างก็ต้องประสบกับปัญหาการขาดแคลน ซึ่งยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดย General Motors, Ford, Toyota และผู้ผลิตรายใหญ่ต่างๆ ประกาศลดเวลาการทำงานของสายการผลิตลง โดยเฉพาะ Toyota ที่ประกาศลดกำลังการผลิตทั่วโลกลง 40 % เพราะทราบดีถึงปัญหาที่จะเกิดในอนาคต ขณะที่บรรดาผู้จำหน่าย ต่างก็สามารถทำกำไรได้จากผู้บริโภค และยินดีจ่ายเงินเพิ่มเติม เพื่อให้ได้รถเร็วขึ้น แต่แน่ใจได้เลยว่า อีกไม่นาน บรรดาเซลส์แมน ก็ต้องประสบปัญหาเดียวกัน คือ ไม่มีรถรุ่นที่ลูกค้าต้องการเช่นกัน