รายงานข่าวจากกรุงโตเกียว ระบุว่า Honda Motor แถลงผลการดำเนินงานทั่วโลก ในไตรมาส 2 ซึ่งวิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา สามารถทำกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) 243.21 พันล้านเยน หรือประมาณ 70.53 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ที่ขาดทุน 113.7 พันล้านเยน หรือประมาณ 32.97 พันล้านบาทKohei Takeuchi กรรมการอาวุโส ได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า ผลกำไรในปีนี้ เกิดจากยอดขายในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผลกำไรได้อย่างยอดเยี่ยม ในปีนี้ Honda ประเมินผลการดำเนินงาน ผลกำไรจากการดำเนินงาน น่าจะทำได้ 780 พันล้านเยน หรือประมาณ 226.2 พันล้านบาท ขณะที่เมื่อเดือนพฤษภาคม ก็ได้กลับมาปรับปรุงเป้าหมาย ลดลงเป็น 660 พันล้านเยน หรือประมาณ 191.4 พันล้านบาท ขณะที่ Honda ได้ประเมินสถานการณ์การขาดแคลนชิพ รวมทั้งโรคระบาดร้ายแรง COVID-19 ซึ่งมีผลกระทบ แต่คาดว่ายังสามารถทำกำไรได้ อันเนื่องมาจากความพยายามในการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ขณะเดียวกัน Honda ก็ลดการประเมินยอดการขายรถยนต์ในปีนี้ จากเดิม 5 ล้านคัน ลดลงเหลือ 4.85 ล้านคัน อันเนื่องจากสถานการณ์การขาดแคลนชิพ โดยเมื่อปีที่แล้ว ทำยอดขายได้ 4.55 ล้านคัน และยอดการขายในจีน ก็เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะผลกระทบจากการขาดแคลนชิพ เป้าหมายของ Honda ที่จะผลิตแต่รถไฟฟ้าในปี 2583 และทำยานยนต์ไร้คนขับให้เกิดเป็นความจริง แม้ว่าจะใช้ความพยายามในการค้นคว้าและพัฒนา แต่แผนงานเทคโนโลยีระดับสูง ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ขณะที่ บริษัทเอง ก็ต้องพยายามประหยัดค่าใช้จ่ายด้านนี้ Honda สามารถทำผลกำไรต่อหน่วยของการจำหน่ายรถยนต์ยังต่ำมาก เพียง 3 % ขณะที่ผลกำไรจากการจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ ต่อหน่วยทำได้ถึง 15.6 % เมื่อปีที่แล้ว Honda วางแผนในการร่วมงานกับค่าย General Motors เพื่อเร่งให้ก้าวไปถึงรถไฟฟ้า ที่จะร่วมกันพัฒนา รถไฟฟ้า 2 รุ่น ด้วยโครงสร้างชุดแบทเตอรี Ultimum ของ GM ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของ Honda ทางทิศตะวันออกและตะวันตกของสหรัฐอเมริกา พร้อมกับความแข็งแกร่งของ GM ทางตอนกลางของประเทศ