สถานเอกอัคราชทูตสวิทเซอร์แลนด์ประจำประเทศไทย รับมอบ Mini Cooper SE (มีนี คูเพอร์ เอสอี) รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกจาก Mini ประเทศไทย เพื่อใช้สำหรับภารกิจทางการทูต ตอกย้ำมุ่งสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน และรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยได้รับการสนับสนุนจาก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตามวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนสู่อนาคตที่สะอาด และปลอดมลพิษ
อเลกซันเดร์ บาราคา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า ด้วยพันธกิจที่มุ่งมั่นในการขับเคลื่อนนวัตกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่อนาคตแห่งยนตรกรรมอันยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เรานำเสนอรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารุ่นต่างๆ มากมาย ซึ่งรวมถึง Mini Cooper SE พร้อมร่วมกับพันธมิตรเดินหน้าขยายเครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ Charge Now ซึ่งปัจจุบันมีให้บริการรวม 111 หัวจ่ายทั่วประเทศไทย เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในก้าวแรกของการขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ยั่งยืนของประเทศไทย ร่วมกับสถานเอกอัคราชทูตสวิทฯ และนับว่าเป็นก้าวย่างสำคัญต่อนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคตอีกด้วย
Mini Cooper SE เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100 % จาก Mini รุ่นแรก มาในดีไซจ์นแปลกใหม่สะกดทุกสายตาบนท้องถนน พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ล่าสุดที่ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้พัฒนาขึ้น สามารถส่งพละกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์/184 แรงม้า และด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจึงสามารถส่งแรงบิดสูงสุด 27.5 กก.-ม. หรือ 270 นิวตัน-เมตรได้ทันทีที่เท้าแตะคันเร่งแม้จากรถหยุดนิ่ง ส่งความเร็วจาก 0-60 กม./ชม. ได้ภายใน 3.9 วินาที มอบความแรงเร้าใจใน 60 ม. แรกได้เทียบชั้นรถสปอร์ท และสามารถเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.3 วินาที Mini Cooper SE ทำความเร็วสูงสุดได้ 150 กม./ชม. และใช้พลังงานจากแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนในการวิ่งได้ระยะทางสูงสุดราว 217 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ระบบส่งกำลังและวงจรอีเลคทรอนิคส์ที่ควบคุมการจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังระบบต่างๆ ของ Mini Cooper SE จะติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของรถในโครงสร้างรูปทรงท่อ ส่วนแบทเตอรีแรงดันสูงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาสำหรับ Mini Cooper SE โดยเฉพาะ ประกอบไปด้วยเซลล์แบทเตอรีลิเธียม-ไอออนจำนวน 12 โมดูล ติดตั้งในรูปทรงตัว T บริเวณใต้รถ จุพลังงานไฟฟ้ารวม 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง
พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการขับเคลื่อน Mini Cooper SE สามารถชาร์จจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าได้หลายรูปแบบ ทั้งจากปลั๊กไฟในบ้านโดยตรง (อุปกรณ์มาตรฐานของตัวรถ) จากเครื่องชาร์จ Mini Electric Wallbox และจากสถานีชาร์จสาธารณะ โดยสามารถรองรับหัวชาร์จทั้ง AC และ DC แบบ Type 2 และหัวชาร์จ CCS Combo 2 แบเตอรีแรงดันสูงสามารถรองรับสายชาร์จทั้งแบบมาตรฐานและสายชาร์จจาก Mini Electric Wallbox ที่รองรับกำลังไฟได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ชาร์จถึง 80 % ภายใน 2.5 ชม. และชาร์จเต็ม 100 % ภายใน 3.5 ชม. ซึ่งลูกค้ายังสามารถเลือกใช้บริการติดตั้งเครื่องชาร์จ Mini Electric Wallbox ที่สามารถติดตั้งได้ทั้งในโรงรถ และบริเวณที่จอดรถที่มีหลังคา หรือเลือกใช้บริการจากสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ Charge Now ซึ่งนับเป็นเครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น