MG ประเทศจีน เตรียมเปิดตัว New MG6 XPower สปอร์ทไฮบริด 305 แรงม้า

ย้อนไปช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา MG ได้เปิดตัว MG6 XPower Limited Edition ในฐานะรถต้นแบบ ที่เป็นการเอาเทคโนโลยีจากสนามแข่งมายัดใส่ในร่างรถบ้านอย่าง MG 6

ล่าสุด SAIC Motor จากประเทศจีน เตรียมเปิดจำหน่ายรถรุ่นนี้อย่างเป็นทางการ MG6 XPower 2021 ตัวแรงขุมพลังไฮบริดเทอร์โบ 305 แรงม้า เตรียมเปิดวางจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ที่ประเทศจีน จำกัดจำนวนเพียง 100 คันต่อเดือนเท่านั้น MG6 XPower เป็นรถรุ่นแรกของค่ายที่ผ่านการโมดิฟายจากโรงงาน มาพร้อมชุดแต่งที่ดูสปอร์ทดุดัน ตัวถังใช้พื้นฐานเดียวกับ New MG6 ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ จับมาตกแต่งในสไตล์สปอร์ทคูเป พร้อมกระจังหน้าโลโก MG ขนาดใหญ่ ไฟท้ายเป็นแบบ LED มีไฟตัวอักษร X ด้านในโคม ถือเป็นสัญลักษณ์พิเศษประจำรุ่น สปอยเลอร์ และฝากระโปรงดีไซน์ใหม่ ซุ้มล้อถูกออกแบบให้กว้างขึ้นเพื่อรองรับล้อขนาดหน้ากว้างขึ้น กว่ารุ่นปกติ โดดเด่นด้วยคาลิเปอร์เบรคสีเขียวตัดกับล้อแมกสีดำ ท่อไอเสียแบบสปอร์ท 4 ท่อ มิติตัวรถมีขนาดใหญ่กว่ารถใน Segment เดียวกัน มีความยาว 4,722 มม. กว้าง 1,890 มม. สูง 1,456 มม. ฐานล้อ 2,715 มม. และมีน้ำหนักตัวถัง 1,540 กก. ภายในตกแต่งด้วยสีดำดูทันสมัยให้อารมณ์สปอร์ท ที่นั่ง และแผงข้างประตูถูกหุ้มด้วยหนัง Alcantara หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ Full Digital ขนาด 10.1 นิ้ว จอกลางคอนโซลแบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ลำโพง 8 ตำแหน่งจาก BOSE ติดตั้งแผ่นกันรอย พร้อมตัวอักษร XPower ที่ขอบประตู และบอกลำดับในการผลิตของรถรุ่นพิเศษคันนี้ด้วย ทางด้านขุมพลัง MG6 XPower ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์พลักอินไฮบริดขนาด 1.5 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 305 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตัน-เมตร ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 70 กม. ในโหมดไฟฟ้าล้วน เมื่อชาร์จไฟเต็ม อัตราเร่งจาก 0-100 กม/ชม.ในเวลาเพียง 6 วินาที ติดตั้งยาง Michelin Pilot Sport CUP2 ประสิทธิภาพสูงนำเข้าจากฝรั่งเศส ใช้เทคโนโลยีสูตรดอกยางคู่และเพิ่มความทนทานเพื่อให้ได้ประสบการณ์การควบคุมตัวรถที่มีคุณภาพสูงสุด จานเบรคแบบลอยตัวที่ออกแบบใหม่เข้าคู่กับคาลิเพอร์ด้านหน้า และด้านหลังที่ปรับปรุงใหม่ เพื่อให้ได้ผลการเบรคที่มีประสิทธิภาพสูงทำให้มีระยะเบรคเพียง 33 ม. จากความเร็ว 100 กม./ชม. จนถึงจุดหยุดนิ่ง เหล็กกันโคลง สปริงที่ปรับใหม่ และขนาดของชอคอัพที่ใหญ่ขึ้น ทำให้มีความแข็งแกร่ง และทนทานมากขึ้น บวกกับความสูงของตัวถังที่ลดลง 10 มม. จากรุ่นปกติ ทำให้สามารถควบคุมการขับขี่ได้ดีมากขึ้น ในประเทศไทยคงต้องรอลุ้นกันว่า จะมีโอกาสนำ MG 6 เข้ามาจำหน่ายหรือไม่ ต้องติดตาม